สภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย เรียกร้องให้ ข้าราชการและบริษัทต่างๆอนุญาตให้พนักงานทำงานอยู่ที่บ้านทุกวันศุกร์ เพื่อประหยัดพลังงาน ลดค่าใช้จ่าย และมีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น ตามเทรนด์การทำงานยุคโซไซตี้ ที่มีการนำระบบ AI เข้ามามากขึ้น
ช่วงที่ผ่านมาเริ่มมีบริษัทบางแห่งที่ทดลองวิธีดังกล่าวแล้ว อย่าง บริษัท ไลน์ ประเทศไทย จำกัด ให้พนักงานของตัวเองหยุดทำงานที่บ้านเป็นเวลา1วันต่อสัปดาห์ โดยให้ทดลองเป็นเวลา 1 เดือน แม้ไม่ได้มาจากแนวคิดนี้โดยตรง เนื่องจาก “ไลน์” ต้องการป้องกันสุขภาพพนักงาน จากปัญหาฝุ่นพิษในกทม.ที่เกิดขึ้นอย่างหนักในขณะนี้
นายเอกสิทธิ์ คุณานันทกุล ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ระบุว่า ปัจจุบันธุรกิจได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานตามยุคโซไซตี้มากขึ้น มีการนำระบบ AI เข้ามาแทนที่ ทำให้พนักงานที่เคยทำงานที่ออฟฟิศ เปลี่ยนมาทำงานที่บ้านแทน ซึ่งทางสภาองค์การนายจ้างเล็งเห็นระบบนี้ และเคยจัดเทรนนิ่งให้กับสองบริษัทใหญ่ โดยทดลองให้พนักงานทำงานที่บ้านทุกวันศุกร์ และได้ผลลัพธ์ที่ดีออกมา
นายจ้างควรสนับสนุนระบบนี้ เพราะการหยุด เพื่อทำงานที่บ้านในทุกวันศุกร์ จะเป็นผลดีต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง นอกจากจะช่วยประหยัดพลังงาน ลดการใช้ยานพาหนะ และ อื่นๆแล้ว ทุกคนยังมีเวลาให้กับครอบครัวมากขึ้น เหมาะกับองค์กรที่นำระบบเอไอเข้ามาทำงาน เพราะเพียงแค่มีคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่อง พนักงานก็สามารถทำงานต่างๆได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนบยโลก
แม้แต่ประเทศญี่ปุ่น ที่มีวัฒนธรรมการทำงานอย่างหนัก ก็ยังออก “โครงการ Premium Friday” เพื่อรณรงค์ให้คนเลิกงานในเวลาบ่ายสามโมง ในวันศุกร์สุดท้ายของเดือน เพื่อจะได้มีเวลาออกไปจับจ่ายซื้อของมากขึ้น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ รวมทั้งเรียกร้องให้พนักงานได้เข้างานต่อนบ่ายวันจันทร์เดือนละครั้ง ภายใต้ชื่อ “โครงการวันจันทร์ที่สดใส” ให้คนทำงานน้อยลง สร้างสมดุลในการใช้ชีวิตให้มีความลงตัวมากขึ้น
คนรุ่นใหม่ส่วนใหญ่มองว่าการทำงานที่บ้าน ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพของการทำงานลดลง และยังสำเร็จตามที่ได้รับมอบหมาย แต่สำหรับพนักงานอีกกว่าร้อยละ 70 มองว่าทำงานที่บ้านจะทำให้นายจ้างมองว่าไม่ทำงาน และกลัวว่าไม่ถูกโปรโมทเลื่อนขั้น เลื่อนเงินเดือน
ประธานสภาองค์การนายจ้างแห่งประเทศไทย ย้ำว่า บริษัทหรือหน่วยงานต่างๆ ต้องดูความเหมาะสมตามลักษณะของงานด้วย แต่สิ่งสำคัญที่นายจ้างและลูกจ้างต้องทำร่วมกัน คือการเพิ่มศักยภาพและพร้อมจะพัฒนาไปด้วยกัน