วงการโทรคมนาคมยังแบ่งรับแบ่งสู้ หากประเทศไทยจะดั้นเมฆลุย 5 จี ก่อนใคร เตือน กสทช. อย่าผลีผลาม ชี้ลำพังแค่ลงทุนระบบ 4 จี ค่ายมือถือทั้ง 3 ค่ายก็หน้ามืดเทกันไปแทบหมดหน้าตัก
ขณะปัญหาหนี้ครัวเรือนคนไทยยังทะลักคอหอย หวั่นลงทุนแสนล้านถูกธุรกิจข้ามชาติที่ให้บริการ OTT ชุบมือเปิบ จี้ล้อมคอกก่อนผลประโยชน์ประเทศถูกดูดออกไปหมด
หลังจากเลขาธิการคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ออกมาเปิดไทม์ไลน์ การประมูลคลื่น 5 จีอีกครั้ง โดยจะมีการหยิบยกขึ้นหารือในที่ประชุมร่วมระหว่างสำนักงาน กสทช. และสหภาพโทรคมนาคมระหว่างประเทศ (ไอทียู) หรือ “ไอทียู-เอ็นบีทีซี เอเชีย แปซิฟิก เร็กกูเลเตอร์ ราวเทเบิล” (อาร์อาร์) แอนด์ อินเตอร์เนชั่นแนล เทรนนิ่ง โปรแกรม (ไอทีพี) ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นระหว่างวันที่ 2-6 ก.ย.ศกนี้
และจะมีการจัดประชุมเวิลด์เรดิโอ คอมมูนิเคชั่น คอนเฟอเรนซ์ (WRC) เพื่อสรุปมาตรฐานคลื่นความถี่ที่ใช้ในการรับรอง 5จี อีกครั้ง ในเดือนตุลาคมศกนี้ ก่อนที่ กสทช. จะนำร่างหลักเกณฑ์การประมูล 5 จี ออกรับฟังความคิดเห็นสาธารณะในช่วงปลายปี 2562 และคาดว่าจะประมูลคลื่นความถี่ได้ในปี 2563 และประเทศไทยจะสามารถเปิดให้บริการ 5จี ได้อย่างเร็วในช่วงปลายปี 2563 หรือต้นปี 2564
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า ในเรื่องไทม์ไลน์การประมูล 5 จีนั้น ประชาชนคนไทยคงไม่อินังขังขอบอะไรอีกแล้ว เพราะสถานการณ์ทางเศรษฐกิจที่บีบเค้นอยู่เวลานี้ทำให้ประชาชนคนไทยคงคิดอะไรไม่ออกกันแล้ว นอกจากพรุ่งนี้จะกินอยู่กันอย่างไร? เพราะทิศทางเศรษฐกิจในอนาคตข้างหน้าเป็นอย่างไรนั้นทุกฝ่ายรู้แก่ใจกันดีอยู่ เพราะหากเศรษฐกิจไทยดีจริง รัฐบาลคงไม่เข็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกใหญ่ 3.2 แสนล้าน ออกมาเป็นระลอกคลื่นแน่
ยิ่งล่าสุด เลขาธิการสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) ออกมาเปิดเผยภาวะสังคมไทยไตรมาส 2/2562 ที่พบว่า ปัญหาหนี้ครัวเรือนคนไทยยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสิ้นไตรมาส 1/2562 หนี้ครัวเรือนประเทศไทยเท่ากับ 13 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 6.3 และคิดเป็นสัดส่วนต่อจีดีพีเท่ากับร้อยละ 78.7 สูงสุดในรอบ 9 ไตรมาส นับตั้งแต่ปี 2560 และถือได้ว่าสูงเป็นอันดับ 2 ของเอเชีย รองจากเกาหลีใต้ และอันดับ 11 ของโลกจาก 74 ประเทศ
“ข้อมูลที่ สศช. สะท้อนออกมาข้างต้น น่าจะสะท้อนให้รัฐบาล และ กสทช. คงต้องขบคิดให้หนัก ความมุ่งมั่นในอันที่จะผลักดัน 5 จี ออกมาให้ได้ภายในปี 2563-64 นั้น อานิสงส์จะส่งผลให้ประชาชนคนไทยลืมตาอ้าปากได้หรือไม่ จะทำให้ประชาชนคนไทยหันมาใช้ระบบ 5 จี กันอื้ออึง จนผลักดันให้ระบบเศรษฐกิจประเทศไทยขยายตัวขึ้นมาเช่นดั่งในอดีตหรือไม่? ลำพังหนี้ครัวเรือนที่ต้องแบกรับเท่าที่ สศช. รายงานออกมาล่าสุดก็แทบจะสำลักกันอยู่แล้ว!”
ที่สำคัญ เลขาธิการ กสทช. เองก็ออกมายอมรับเองว่า การประมูลใบอนุญาต 5 จีในอนาคตอันใกล้นั้น จำเป็นจะต้องประมูลแบบ “มัลติแบนด์” หลายคลื่นพร้อมกัน คือ ประกอบไปด้วยคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 190 เมกะเฮิรตซ์, คลื่น 26-28 กิกะเฮิรตซ์ จำนวน 300-400 กิกะเฮิรตซ์ และคลื่นความถี่ย่าน 700 เมกะเฮิรตซ์ จำนวน 15 เมกะเฮิรตซ์ และยังต้องพิจารณาเว้นการชำระค่าใบอนุญาตใน 2-3 ปี หลังการประมูลคลื่นความถี่ เพื่อให้โอเปอเรเตอร์นำเงินลงทุนจำนวนมหาศาลไปลงทุนด้านโครงข่ายเพื่อรับรอง 5 จี ที่ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศก่อนเพื่อจูงใจ และสร้างความมั่นใจให้กับโอเปอเรเตอร์ให้เข้าร่วมการประมูลอีกครั้ง
สิ่งที่ กสทช. คงต้องตอบคำถามรัฐและสังคมก็คือ การผลักดัน 5 จี ที่ต้องลงทุนกันอีกเป็นแสนล้านนั้น จะทำให้ประชาชนคนไทยได้ประโยชน์ทางตรงและทางอ้อมอย่างไร จะสามารถลดหนี้ครัวเรือนลงไปได้สักกี่มากน้อย และโดยเฉพาะผู้ที่จะตักตวงผลประโยชน์ไปในท้ายที่สุดนั้น ประเทศและประชาชนคนไทยแน่หรือ?
เท่าที่เห็นในเวลานี้ บรรดาผู้ให้บริการบนโครงข่าย OTT: Over the Top อย่าง Facebook , Facebook Life, YouTube, Line , Netflix หรือ “อากู-Google” นั้น ทั้งรัฐบาล และ กสทช. ยังควานหามาตรการในอันที่จะ “ล้อมคอก” ต้อนผู้ให้บริการ OTT ข้ามชาติเหล่านี้ให้เข้ามุมเพื่อจัดเก็บรายได้หรือค่าธรรมเนียมสุดแต่จะเรียกขานกันอยู่เลย
หากยังคงไมสามารถล้อมคอกให้บรรดา OTT เหล่านี้เข้ามาอยู่ในกรอบยังคงกร่างคับฟ้าหากินอยู่บนโลกเสรีอินเทอร์เน็ตหรือโซเชียลได้เช่นนี้
สิ่งที่ประเทศต้องลงทุนไปนับแสนหรือหลายแสนล้านบาทจะกลายเป็นของขวัญเป็น ”ชิ้นปลามัน” ให้ OTT ยักษ์ข้ามชาติเหล่านี้ตักตวงผลประโยชน์ หรือ "ชุบมือเปิบ" หนักเข้าไปอีกโดยปริยาย
ส่วนประชาชนคนไทยก็คงได้แต่นั่งทำตาปริบ ๆ ดั่งที่เป็นอยู่เวลานี้ หาทางสกัดและล้อมคอกให้ได้เสียก่อนแบบที่รัฐบาลอินโดนีเซียกำลังลุยสุดลิ่มทิ่มประตูอยู่เวลานี้แล้วค่อยมาคุยเรื่องประมูล 5 จี จะดีไหม ท่านเลขาธิการ กสทช. ที่เคารพ!!