ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า “กัปตัน โยธิน ภมรมนตรี” อดีตรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย ได้โพสต์เฟสบุ๊ค : Jothin Pamon-montri ในหัวข้อ “ทำไมการบินไทย จึงขาดทุน”
มีสาระสำคัญที่น่าติดตาม..โดยระบุว่า โครงการจัดซื้อ เครื่องบิน ของบริษัท การบินไทยฯ เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างมากอยู่ขณะนี้ และความรู้สึกของคนส่วนมาก
รวมทั้งพนักงานก็มีความห่วงใย ในฐานะการเงินของบริษัท ดังในไตรมาสที่ 2/2562 มีหนี้ถึง 245,133 ล้านบาท ในขณะที่สัดส่วนของผู้ถือหุ้นมีจำนวน 16,853 ล้านบาท ทำให้สัดส่วนหนี้สินต่อทุน สูงถึง 14.55 เท่า การที่จะไปลงทุนซื้อเครื่องบินอีก 156,000 ล้านบาท จะเป็นการสร้างหนี้ขึ้นอีกมหาศาล ซึ่งจะยิ่งส่งผลต่อ ฐานะการเงินของบริษัทอย่างแน่นอน
ในวันที่ 1 พฤษภาคม 2563 บริษัท การบินไทยฯ จะมีอายุครบ 60 ปี บริบูรณ์ พนักงานกว่า 2 หมื่นคน และประชาชนอีกหลายล้านคน คงไม่อยากให้ บริษัทฯ ต้องเกษียณอายุ
บริษัทฯ ทำกำไรครั้งแรก ในปี 2506 และทำกำไรติดต่อกันเป็นเวลา 44 ปี จนถึงปี 2550 จากการบริหารโดย มดงาน ( ภาพ # 1 ) แต่หลังจาก การบริหารโดย สิงโต สรรหา ในระยะเวลา 9 ปี ขาดทุน - 44,797 ล้านบาท ( ภาพ # 2 ) และทุกครั้งที่ขาดทุน สิงโต สรรหา จะอ้างเหตุผลต่างๆ ที่ทำให้บริษัทฯ ขาดทุน เช่น ราคาน้ำมันสูงขึ้น การแข่งขันรุนแรง ค่าเงินบาทแข็งตัวทำให้รายได้จากต่างประเทศลดลง ปัญหาเครื่องยนต์ ต่างๆ นานา
เหตุผลที่แจ้งมานี้ เป็นเหตุผลที่พอฟังได้ เพราะ สายการบินอื่นๆ ล้วนประสบปัญหาคล้ายคลึงกัน แต่ ส่วนมากยังมีกำไร ดังนั้น เพราะเหตุใด การบินไทยจึงขาดทุน และมีหนี้มากมาย ลองมาลำดับสาเหตุแห่งการเริ่มต้นขาดทุนดูจะเห็นว่า
สาเหตุส่วนใหญ่เกิด จากนโยบายที่ผิดพลาด ทำให้เกิดความเสียหายต่อ องค์กรอย่างมหาศาล เช่น
1. การซื้อเครื่องบิน A340-500 จำนวน 4 ลำ แม้จะมีการทักท้วง จาก สภาพัฒน์ฯ ผลที่ตามมาคือ ผลประกอบการขาดทุนมหาศาลจึงต้องหยุดทำการบิน เสียหายไป 20,928 ล้านบาท ( ภาพ # 3 )
2. การนำเครื่องบิน A340-600 จำนวน 6 ลำ ที่มีอายุใช้งานเพียง 10 ปี ออกจากฝูงบิน จอดตากแดดตากฝน เพื่อรอการขายมาตั้งแต่ ปี 2558 ตามนโยบายหดเพื่อโต โอกาสที่จะขายแทบไม่มีเพราะในโลกนี้ ยังมี A340-600 อีก 68 ลำ ในสภาพยอดเยี่ยม เสนอขายอยู่ขณะนี้ ดังนั้น เมื่อสิ้นปีงบประมาณของทุกปี และยังขายไม่ได้ ก็ต้องเสีย ค่าด้อยไปแล้ว 20,955 ล้านบาท ( ภาพ # 4 )
3. นำเครื่องบิน B747-400 ที่มีอายุ ใช้งาน 20 ปี ไปตัดแปลงเป็น เครื่องบินขนส่งสินค้า ผลการศึกษาของที่ปรึกษา จุดคุ้มทุนอยู่ที่ 4 ปี และอัตราผลตอบแทน ( IRR ) อยู่ ที่ 12.5 บินไปได้ปีกว่า ขาดทุน จึงหยุดทำการบิน เสียค่าดัดแปลงไป 1,500 ล้านบาท ( ภาพ # 5 )
4. เสียค่าบริหารความเสี่ยงราคาน้ำมัน ในปี 2558 ไป 18,154 ล้านบาท สูงกว่าปี 2557 ถึง 6,460% และในปี 2559 เสียหายไปอีก 6,604 ล้านบาท รวม 3 ปี เสียหายไป 25,039 ล้านบาท ( ภาพ # 6 )
5. ผลการศึกษาในการจัดตั้งสายการบินไทยสมายล์ ว่าจะทำกำไรติดต่อกัน 4 ปี เป็นเงิน 7,020 ล้านบาท แต่ผลประกอบการขาดทุนทุกปี จนถึงปัจจุบัน ผลการขาดทุนรวมแล้ว เกือบหนึ่งหมื่นล้านบาท ( ภาพ # 7 )
6. ซื้อระบบ สำรองที่นั่ง ให้สายการบินไทยสมายล์ ซึ่งเป็นคนละระบบกับการบินไทย ทำให้ไม่สามารถ เชื่อมต่อกับระบบของการบินไทยได้ จึงต้องเลิกใช้ระบบ ดังกล่าว เสียหายไป 500 ล้านบาท ( ภาพ # 8 )
รวมค่าเสียหายคร่าวๆ ที่ประเมินได้ คือ 78,900 ล้านบาท
ส่วนความเสียหาย ที่ไม่สามารถประเมินค่าได้ คือ โครงการจัดตั้งสายการบิน นกสกู๊ต ซึ่งผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ สิงคโปร์แอร์ไลน์ ถือหุ้น 49% ในขณะที่การบินไทยถือหุ้น 19% ( ภาพ # 9 ) เนื่องจากเป็นจากเป็นค่าเสียหายที่ไม่มีวันสิ้นสุด และเป็นค่าเสียหายที่ประเมินค่ามิได้ต่อประเทศชาติ มากกว่าการบินไทย ซึ่งเป็นเหยื่อ หรือผู้ได้รับผลกระทบจากความเสียหายดังกล่าว
ดังที่กล่าวไว้ในตอนต้นว่า สาเหตุของความเสียหายเกิดจากนโยบายที่ผิดพลาด ดังนั้น
-กระทรวงการคลัง ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นที่มีเสียงข้างมาก ทำการแต่งตั้ง คณะกรรมการบริษัท
-การสรรหา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ตาม พ.ร.บ. รัฐวิสาหกิจ ปลัดกระทรวงการคลังเป็นประธานสรรหา และเสนอให้คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้เห็นชอบ
นโยบายต่างๆ ที่ฝ่ายบริหารได้รับมาปฎิบัติ ก็มาจากคณะกรรมการบริษัท ดังนั้น ผู้ที่ต้องรับผิดชอบตามความเห็น ท่านนายกรัฐมนตรี ที่ท่านได้ประกาศเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2558 ว่า “ ต้องไปโทษ ผู้บริหาร โทษซีอีโอ โทษบอร์ด “ ( ภาพ # 10 ) แต่ทุกครั้งพอประสบปัญหาขาดทุน สิ่งแรกที่ทำคือ จะลดจำนวนพนักงาน หรือไม่ก็ลดเงินเดือนพนักงาน
กระทรวงการคลังถือหุ้น 1,114 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 10 บาท รวมเป็นเงิน 11,114 ล้านบาท ในช่วงที่บริหารด้วยมดงาน บริษัทได้เสียภาษีให้รัฐกว่า 2 หมื่นล้านบาท จากผลประกอบการที่ทำกำไร นอกจากนี้ รัฐยังได้ภาษีจากรายได้ของพนักงานทุกปี ตั้งแต่เปิดบริษัท
ในเมื่อรัฐบาลเป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการ กรรมการเป็นผู้กำหนดนโยบายต่างๆ ที่ได้กำหนดมา ให้สิงโต สรรหา เชิด เอ้ยยยย ปฏิบัติตาม ทำให้บริษัทขาดทุน และเป็นหนี้เป็นสิน รัฐบาลจึงควรต้องรับผิดชอบ โดยการเพิ่มทุน ให้บริษัท ตามจำนวนของค่าความเสียหายที่เกิดขึ้น
ใครเห็นด้วย ยกมือขึ้น!