ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2562 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้โพสต์ Facebook Thirachai Phuvanatnaranubala ในหัวข้อ “รมว.พลังงาน ไม่รักษาประโยชน์ของประชาชน?”โดยมีสาระสำคัญระบุว่า..กบง. ซึ่งมีนายสนธิรัตน์ รมว.พลังงาน เป็นประธาน มีหนังสือ ด่วนที่สุด ลงวันที่ 13 ก.ย. ถึง กฟผ. ขวางแผนงานที่ กฟผ. ประมูลเพื่อนำเข้า LNG เอง 1.5 ล้านตันผลประมูลปรากฏว่า ราคาตลาดโลกถูกกว่าที่ ปตท. เสนอขาย ดังนั้น ย่อมจะทำให้ค่าไฟฟ้าถูกลง แต่ กบง. กลับอ้างปัญหา Take or Pay กลับอ้างว่า ปัญหานี้จะทำให้ค่าไฟฟ้าแพงขึ้นประชาชนจึงต้องถามท่านนายกฯ ท่านจะยอมให้ กบง. เฉือนเนื้อประชาชน เอาไปแปะให้ผู้ผูกขาดธุรกิจก๊าซหรือ? จะเป็นธรรมแก่ประชาชนหรือ?หนังสือดังกล่าวระบุว่า“3. เห็นชอบให้ กฟผ. จัดหา LNG แบบ Spot ปริมาณไม่เกิน 200,000 ตัน สำหรับการทดสอบระบบการส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าชธรรมชาติตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2560โดยมอบหมายให้ กกพ. สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) และ กฟผ. ไปพิจารณาความเหมาะสมด้านปริมาณ และช่วงเวลาในการจัดหา LNG แบบ Spot สำหรับการทดสอบระบบ แล้วนำกลับมาเสนอคณะกรรมการบริหารนโบายพลังงาน (กบง.) เพื่อพิจรณาต่อไป4. มอบหมายให้ กฟผ. ไปเจรจาหาข้อยุติในการนำเข้า LNG กับบริษัท PETRONAS LNG Ltd. โดยไม่ให้เกิดการเรียกร้องค่าเสียหายหรือค่าใช้จ่ายใดๆ ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารเชิญชวนยื่นข้อเสนอ (Request for Proposal: RFP)5. มอบหมายให้ สนพ. และ กกพ. ไปทบทวนแนวทางส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าชธรรมชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน และนำเสนอ กบง. พิจารณาต่อไป”ผมขอเตือน รมว.พลังงาน ในฐานะประธาน กบง. รวมถึงปลัดกระทรวงทั้งหลายที่เป็นกรรมการ กบง. มติดังกล่าวอาจจะผิดกฎหมาย ดังนี้ข้อหนึ่ง เรื่องนี้มีผลได้ผลเสียทางธุรกิจจำนวนมหาศาลผมได้ข้อมูล สมมุติว่าขณะนี้ ปตท. เป็นผู้ผูกขาดนำเข้าก๊าซ LNG ปริมาณ 50 ล้านตันต่อปี การผูกขาดย่อม ทำให้ ปตท. ได้กำไรจำนวนมากทุกปีมานานแล้วสภาพตลาดโลกก๊าซธรรมชาติ ในอนาคตระยะยาว ก๊าซจะล้นตลาดไปอีกนาน ราคาตลาดโลกจึงไม่แพง ดังนั้น ในอนาคตเมื่อใดที่มีการแข่งขันในกิจการก๊าชอย่างเต็มที่ ตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2562 ลูกค้ารายใหญ่ที่เดิมถูกบังคับซื้อผ่าน ปตท. ก็จะหนีไปนำเข้าเองโดยตรง ปตท. จะเหลือแต่ลูกค้ารายเล็กการที่ลูกค้ารายใหญ่นำเข้า LNG เองโดยตรงนั้น ย่อมจะทำให้ ปตท. มีรายได้น้อยลง มีกำไรน้อยลง ดังนั้น โดยสามัญสำนึก ปตท. ย่อมหวังจะให้การนำเข้าเองโดยตรงนั้น เกิดขึ้นในปริมาณน้อยที่สุด และช้าที่สุดกบง. จึงต้องระมัดระวัง ต้องไม่มีมติที่เอื้อผลได้ หรือผลเสียทางธุรกิจให้แก่เอกชนรายใดรายหนึ่ง ให้ได้เปรียบหรือเสียเปรียบรายอื่น ซึ่งจะเข้าข่ายเลือกปฏิบัติและผิดกฎหมายข้อสอง กบง. ลดการแข่งขันอย่างไม่มีเหตุผลกฟผ. มีแผนการจะเริ่มนำเข้าเพียง 1.5 ล้านตัน ซึ่งเป็นเพียงร้อยละ 3 ของปริมาณที่ ปตท. นำเข้า เรียกได้ว่าเป็นการสร้างแรงกดดันให้แก่ ปตท. ที่เบาบางมาก และเนื่องจาก ปตท. มีผู้บริหารที่มีความสามารถสูง จึงย่อมจะปรับตัวได้เองอยู่แล้วแต่ปรากฏว่า กบง. ไปบีบบังคับให้ กฟผ. นำเข้าเองได้เพียง ๐.๒ ล้านตัน ซึ่งมีผลเป็นการปกป้องผลประโยชน์ของผู้ผูกขาด รวมทั้งเป็นการฝ่าฝืนนโยบายของ กพช. อีกด้วย โดยไม่มีเหตุผลต่อประโยชน์ของประเทศ ดังนั้น รมว.พลังงาน จึงจำเป็นต้องตรวจสอบว่ามีการทุจริตหาประโยชน์ส่วนตน หรือมีวาระซ่อนเร้นในการเสนอและการสนองให้มีมติดังกล่าวหรือไม่รมว.พลังงานควรตรวจสอบด้วยว่า มีกรรมการ กบง. ที่ได้รับหรือเคยได้รับ ผลประโยชน์จากบริษัท ผู้ผูกขาด ไม่ว่าในฐานะกรรมการในบริษัทแม่ หรือบริษัทลูก หรือไม่? มติ กบง. ดังกล่าวเป็นประโยชน์ทับซ้อน หรือไม่?ข้อสาม กบง. กกพ. และ สนพ. ไม่มีอำนาจหน้าที่เข้าไปแทรกแซงการบริหารจัดการทางธุรกิจการที่ กฟผ. เปิดประมูลไปแล้ว 1.5 ล้านตันนั้น ผมได้ข้อมูลว่า ปตท. เข้าร่วมแข่งขันด้วย แต่ราคาของ ปตท. แพงกว่า บริษัท PETRONAS LNG Ltd. ถ้าข้อมูลนี้เป็นจริง ผมเสนอให้ ปตท. ทบทวนการบริหารงาน ปรับลดกำไร ปรับลดเงินเดือนผู้บริหาร และใช้เงินเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มากกว่าจะพาสื่อมวลชนไปเที่ยวดูงานในต่างประเทศในหนังสือนี้ กบง. กดดันให้ กฟผ. นำเข้าเพียง 0.2 ล้านตัน จึงเป็นมติที่ทำให้ กฟผ. (ซึ่งเป็นของรัฐ 100%) เสียเปรียบ ปตท. (ซึ่งมีเอกชนและนักลงทุนต่างชาติถือหุ้น 49%) อันเป็นการทำให้รัฐและประชาชนได้รับความเสียหายนอกจากนี้ กบง. ไม่มีอำนาจจะสั่งเกี่ยวกับวิธีการบริหารธุรกิจ ในการซื้อก๊าซ ในการที่จะบังคับให้ซื้อเฉพาะในตลาด spot แทนที่จะซื้อแบบผูกพันเป็นสัญญาระยะปานกลาง 3-5-7 ปี รวมทั้งไม่มีอำนาจกำหนดให้ กฟผ. ไปเจรจากับเอกชนรายใด กบง. ต้องปล่อยให้กรรมการ กฟผ. ทำหน้าที่นี้ เพราะเขาเป็นผู้มีอำนาจ และเป็นผู้ต้องรับผิดชอบต่อรัฐซึ่งการที่ กบง. มีมติที่เกินอำนาจนั้น เข้าข่ายฝ่าฝืนกฎหมายอาญา ม.157โดยตรง และเนื่องจาก กฟผ. เป็นรัฐวิสาหกิจ ผู้บริหารที่ทำตามมติ กบง. ที่เกินอำนาจ จึงจะถูกลงโทษตามกฎหมายว่าด้วยความผิดพนักงานองค์การของรัฐ ดังเช่นกรณีธนาคารกรุงไทยได้อีกด้วยข้อสี่ กบง. จะต้องไม่เอา Take or Pay ของ ปตท. มาหักล้างผลประโยชน์ของประชาชนผ่าน กฟผ.กรณีถ้าหากปัญหาเกิดจาก ปตท. ไปทำสัญญา Take or Pay ระยะยาวในการนำเข้าก๊าซ LNG เนื่องจากเดิม ปตท. อาจจะหวังล๊อคการผูกขาดเอาไว้ให้นานที่สุดนั้น กบง. ต้องไม่เอาภาระ Take or Pay ดังกล่าว(ถ้ามี) มาหักล้างผลประโยชน์ของประชาชนที่จะเกิดขึ้นผ่าน กฟผ.กรณีถ้าหาก ปตท. มีปัญหา Take or Pay เช่นนั้นจริง มติของ กบง. จะต้องเน้นให้ ปตท. แก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง แต่ กบง. จะต้องไม่ช่วยเอกชนรายใด ในการแก้ปัญหาที่เกิดจากการตัดสินใจทางธุรกิจของตน สำหรับบริษัทเอกชนนั้น ยามเมื่อมีกำไร ก็เป็นประโยชน์แก่เอกชนและนักลงทุนต่างชาติ ดังนั้นยามเมื่อมีขาดทุน ก็ต้องหาทางแก้ปัญหาเอง มิใช่อาศัยมติ กบง. โยนปัญหาไปให้ประชาชนถ้าทำอย่างนี้ รัฐบาลนี้หมดวาระลงเมื่อใด กรรมการ กบง. ก็จะอยู่ในข่ายต้องถูกลงโทษข้อห้า มติของ กบง. จะต้องมีแต่เดินหน้าเพิ่มการแข่งขัน ไม่ใช่ถอยหลังนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อที่ประชุมนานาชาติด้านพลังงาน ยืนยันนโยบายที่จะให้มีการแข่งขันในธุรกิจพลังงาน ดังนั้น กรณีที่ กบง. สั่งให้ สนพ. และ กกพ. ไปทบทวนแนวทางส่งเสริมการแข่งขันในกิจการก๊าชธรรมชาติให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน นั้น นักวิเคราะห์ที่ชาญฉลาดย่อมจะคาดเดาว่า อาจเป็นแผนการเพื่อที่จะเอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ผูกขาดธุรกิจก๊าซ ให้สามารถผูกขาดยาวนานที่สุดถ้าเป็นเช่นนี้ ก็คือสวนทางกับมติ กพช. และหักล้างนโยบายที่ท่านนายกฯ ประกาศแก่โลกโดยตรง ซึ่งนอกจากจะผิดกฎหมายแล้ว ยังจะเป็นการทำร้ายประชาชนคนไทยผู้ใช้ไฟฟ้าอีกด้วยผมกับคุณรสนาได้พิจารณาประเด็นเหล่านี้แล้ว จึงจะทำหนังสือไปแจ้งท่านนายกฯ ในสัปดาห์หน้า แต่ระหว่างนี้ ขอเตือนให้ รมว.พลังงาน และผู้ว่า กฟผ. ใช้ความระมัดระวังครับและขอเรียกร้องให้ รมว.พลังงาน เอาประโยชน์ของประชาชนส่วนรวมเป็นที่ตั้ง มิใช่ผลประโยชน์ทับซ้อนของเอกชนและนักลงทุนต่างชาติ(เครดิตภาพตามแหล่งที่แสดงชื่อ)หมายเหตุ: การกล่าวถึงชื่อบุคคลใดมิใช่เป็นการกล่าวหากระทำความผิด แต่เป็นเพื่อประกอบการบรรยายทางวิชาการเพื่อประโยชน์แก่ทางราชการในการรักษาประโยชน์ของประเทศชาติเป็นสำคัญ