การรถไฟฯ หน้ามืด นับถอยหลังเส้นตายจ่ายค่าโง่โฮปเวลล์จ่อคอหอย หลังครบกำหนด 6 เดือน ตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด แต่ยังคลำทางออกไม่เจอ สุดอึ้ง! คนรถไฟยังมะงุมมะงาหรากระบวนการไล่เบี้ยหาคนรับผิดความเสียหาย วงในหวั่นอนาคตเจอค่าโง่ไฮสปีดเทรนหนักกว่าหลายเท่า
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยความคืบหน้ากรณีศาลปกครองสูงสุด มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 22 เมษายน 62 ให้กระทรวงคมนาคม และการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ปฏิบัติตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ ในการจ่ายชดเชยความเสียหายจากการบอกเลิกสัญญาสัมปทานโครงการระบบทางรถไฟและถนนยกระดับ "โฮปเวลล์" อย่างไม่เป็นธรรม จำนวน 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี คิดเป็นวงเงินรวมกว่า 25,000 ล้านบาทนั้นว่า จนถึงขณะนี้ การรถไฟฯ ยังคงหาทางออกในเรื่องดังกล่าวไม่ได้ ว่าจะจัดหาแหล่งเงินจากที่ใดจ่ายชดเชยตามคำพิพากษา ทั้งที่ใกล้ครบกำหนดเส้นตายที่ต้องเริ่มจ่ายชดเชยความเสียหายแก่บริษัทโฮปเวลล์ ในปลายเดือนตุลาคมนี้
แม้ว่าก่อนหน้านี้ กระทรวงคมนาคมจะตั้งคณะทำงานขึ้นมาพิจารณาหนทางในการจ่ายชดเชยความเสียหายกรณีดังกล่าวไปแล้ว โดยมีการหารือกับกระทรวงการคลังเพื่อตั้งงบจ่ายชดเยคืนแก่เอกชน แต่ก็ยังไม่มีข้อสรุปว่า จะดำเนินการจ่ายโดยวิธีการใด ขณะที่นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว. คมนาคม ยังไม่ได้มอบหมายนโยบายใดๆ ลงมา
นอกจากนี้ ในส่วนของกระบวนการในการตรวจสอบกลุ่มบุคคล ทั้งนักการเมือง และข้าราชการ เจ้าหน้าที่รัฐที่ต้องรับผิดชอบความเสียหายทางละเมิด ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ. 2539 จากกรณีการบอกเลิกสัญญาสัมปทานที่ไม่เป็นไปตามสัญญา และไม่ถูกต้องตามกฎหมายจนทำให้การรถไฟฯ และกระทรวงคมนาคมต้องจ่ายค่าโง่นับหมื่นล้านบาทนั้น จนถึงขนาดนี้ทั้งกระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ ก็ยังไม่มีการตั้งคณะทำงาน ไล่เบี้ยความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐแต่อย่างใด
แหล่งข่าวเปิดเผยด้วยว่า ขณะนี้ฝ่ายบริการการรถไฟฯ และพนักงานผู้ปฏิบัติงานรถไฟฯ เริ่มมีความกังวลอย่างหนักต่อโครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงินลงทุนกว่า 2.24 แสนล้านบาท ที่ภาครัฐโดยการรถไฟฯ กำลังจัดทำร่างสัญญาสัมปทานที่จะลงนามกับบริษัท ซีพี โฮลดิ้ง และพันธมิตรภายในเดือนกันยายนนี้ตามนโยบายของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี
นอกจากประเด็นปัญหา ความซับซ้อนของร่างสัญญาที่คณะทำงานการรถไฟฯ ได้มีการเจรจากับบริษัทเอกชนจนได้ข้อยุติล่าสุดแล้ว ในส่วนของภาครัฐนั้นยังต้องจัดหาแหล่งเงิน สนับสนุนโครงการในระหว่างการก่อสร้างจำนวนกว่า 1.4 แสนล้านบาท
"ที่ผ่านมา การรถไฟยอมรับว่าขาดประสบการณ์ในการบริหารโครงการสัมปทานร่วมลงทุนในลักษณะนี้ จนทำให้เกิดปัญหาค่าโง่โฮปเวลล์ตามมา ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น มีความซับซ้อนมากกว่าโครงการโฮปเวลล์เดิมหลายเท่า เพราะเป็นการผนวกเอา 3 โครงการหลัก อันประกอบด้วย โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการพัฒนาพื้นที่ในเชิงพาณิชย์สถานีมักกะสัน 150 ไร่ มูลค่านับแสนล้านบาท และโครงการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์มูลค่า 25,000 ล้าน เข้ามารวมเป็นโครงการเดียวกัน ทำให้มีความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหาในการบริหารจัดการ แต่เมื่อเป็นนโยบายของรัฐบาล การรถไฟฯ จึงพยายามหาหนทางในการที่จะป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาค่าโง่ตามมา"