เบื้องหลังบิ๊ก AOT สั่งเร่งสปีดประมูลสัมปทาน Duty free หลังกม.ร่วมทุนใหม่มีผลแค่วันเดียว หวังปิดดีลก่อนรัฐบาลใหม่หวั่นการเมืองพลิกผัน สุดอึ้ง! คลังรื้อ กม.พีพีพีใหม่เปิดทางหน่วยงานรัฐกระเตงโครงการเชิงพาณิชย์-เช่าใช้พื้นประเคนสัมปทานเอกชนได้โดยไม่เข้าบอร์ดพีพีพี
แม้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีคำส่ังให้กระทรวงคมนาคม และบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.ดำเนินการทบทวนรูปแบบการประมูลสัมปทานร้านปลอดภาษี (Duty free) จากเดิมที่จะเปิดให้เอกชนรายเดียวกินรวบสัมปทานดิวตี้ ฟรีทั้ง 4 สนามบิน (สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ หาดใหญ่และภูเก็ต) เพื่อไม่ให้เกิดการผูกขาดเอื้อประโยชน์แก่กลุ่มทุนบางราย
ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ยอมรับว่า จากการหารือกับ ทอท.ได้รับทราบข้อมูลว่า ยังไม่ได้นำโครงการประมูลดังกล่าวไปศึกษานำเข้า พรบ.ร่วมทุนปี 2562 เพราะ ทอท.มองว่าเป็นการดำเนินการภายใน ไม่เข้าข่าย พรบ.ร่วมทุนปี 2562
ดังนั้น กระทรวงฯ จึงขอให้กลับไปหารือกับกระทรวงการคลัง เพื่อศึกษากฎหมายให้ครบถ้วนก่อน และหากไม่เข้าข่ายตาม พรบ.ร่วมทุนปี 2562 จริง ก็ยังต้องดำเนินการตามมติ ครม.ที่จะต้องมีกลไกที่ทำให้เกิดการแข่งขันที่เป็นธรรม
ทอท.เร่งปิดดีลก่อนรัฐบาลใหม่
จากการตรวจสอบของ “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ “ พบว่า การเปิดประมูลสัมปทานร้านปลอดภาษี (ดิวตี้ ฟรี) ของ ทอท.ในครั้งนี้ มีการวางแผนเร่งรัดดำเนินการ เพื่อให้สอดคล้องกับพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ.2562 ที่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษา เมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมาและให้มีผลในวันที่ 11 มีนาคม 2562
โดยในวันเดียวกัน ทอท.ได้ออกประกาศ 2 ฉบับฉบับแรกเป็นประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ามารับสิทธิ์ประกอบการร้านปลอดอากร (ดิวตี้ฟรี) ใน 4 สนามบินนานาชาติของทอท. (สุวรรณภูมิ เชียงใหม่ หาดใหญ่ และภูเก็ต) ส่วนอีกฉบับเป็นการออกประกาศเชิญชวนเอกชนเข้ารับสิทธิ์บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) มีกำหนดขายซองทีโออาร์ ในวันที่ 19 มีนาคม- วันที่ 1 เมษายน 2562 กำหนดยื่นซองประมูลในวันที่ 30 เมษายน และประกาศผลคัดเลือกภายในวันที่ 10 พฤษภาคม 62 ก่อนการจัดตั้งรัฐบาลใหม่
เร่งปิดดีลทั้งที่สร้าง 6 เดือนก็ทัน
แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคม เปิดเผย “สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์” การที่ทอท.อ้างว่า จำเป็นต้องเร่งรัดประมูลโครงการดังกล่าว ทั้งที่สัญญาสัมปทานดิวตี้ฟรีและพื้นที่กิจกรรมในเชิงพาณิชย์จะสิ้นสุดลงในเดือนกันยายน 2563 หรืออีกกว่า 1 ปี 6 เดือนนั้น ยังส่อให้เห็นความไม่ชอบมาพากลในการเร่งรัดเปิดประมูลล่วงหน้า
เพราะต่อให้ได้ผู้ชนะประมูลกลุ่มใหม่ เข้ามาดำเนินการ แต่การเข้าไปตกแต่งพื้นที่ตั้งดิวตี้ ฟรี จะไม่ยุ่งยากและล่าช้าเหมือนในอดีตที่คิงเพาเวอร์ดำเนินการมาก่อน เพราะ ทอท.มีการกำหนดขอบเขตพื้นที่เอาไว้ชัดเจน อีกทั้งหากผู้รับสัมปทานรายใหม่ยังสามารถเจรจาเทคโอเวอร์อุปกรณ์จากผู้รับสัมปทานรายเดิมได้ด้วยอีก แม้ระยะเวลาแค่ 6 เดืทอนก็สามารถดำเนินการได้ทัน จึงไม่จำเป็นจะต้องเร่งรัดประมูลแต่อย่างใด
คลัง (จงใจ) เสียรู้แก้ กม.พีพีพีเข้าทาง?
การที่ ทอท.เร่งรัดดำเนินการเปิดประมูลให้เอกชนเข้ารับสิทธิ์ประกอบการดิวตี้ฟรีข้างต้น ด้วยเล็งเห็นแล้วว่า การดำเนินการดังกล่าวไม่เข้าข่ายกิจการที่ต้องดำเนินการตาม พรบ.การร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน เพราะแม้ในสาระของกฎหมายฉบับนี้ จะกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขโครงการร่วมลงทุนที่ต้องดำเนินการตามกฎหมายดังกล่าวเอาไว้อย่างเข้มงวดตามมาตรา 7 (1)-(12) ซึ่งก็รวมไปถึงท่าอากาศยานและการขนส่งทางอากาศ โดยให้รวมถึงกิจการที่เกี่ยวเนื่องที่จำเป็นเพื่อให้รัฐบรรลุวัตถุประสงค์ของการดำเนินกิจการดังกล่าวด้วย
แต่ก็มุ่งเน้นจะต้องเป็นโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะเป็นหลัก โดยมีข้อยกเว้นโครงการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์ หรือกิจการในเชิงพาณิชย์ ที่แม้จะเป็นการใช้ประโยชน์จากทรัพย์สิน และที่ดินบางส่วนของรัฐแต่ก็ได้รับยกเว้นไม่ต้องนำเข้ามาอยู่ในกฎหมายฉบับนี้ จึงทำให้การประมูลจัดหาเอกชนเข้ารับสิทธิ์ประกอบกิจการดิวตี้ฟรี และรับสิทธิ์บริหารพื้นที่เชิงพาณิชย์ในสนามบินของ ทอท.นั้นไม่เข้าข่าย เพราะถือเป็นการประมูลกิจการในเชิงพาณิชย์ที่เป็น Non-Aeronautical Revenue ที่ไม่เกี่ยวข้องกับกิจการบิน
“ต้องถือว่ารัฐบาลและกระทรวงการคลังเองตั้งใจหรือจงใจแก้ไขกฎหมายพีพีพีดังกล่าว เพื่อเปิดทางให้หน่วยงานเจ้าของโครงการมีช่องเอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มทุนในการเข้ามาฮุบกิจการของรัฐเอง เพราะหากตีความว่า เป็นโครงการพัฒนาที่ดินหรือกิจการเชิงพาณิชย์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับบริการโครงสร้างพื้นฐานหรือบริการสาธารณะ หน่วยงานเจ้าของสัมปทานสามารถดำเนินการไปได้เองโดยไม่ต้องดำเนินการตาม พรบ.พีพีพีใหม่นี้”
นอกจากนี้ใน พรบ.ร่วมลงทุนใหม่ยังขยายมูลค่าโครงการที่ต้องดำเนินการตาม พรบ.ร่วมลงทุนไปถึง 5,000 ล้านบาท ทำให้ ทอท.สามารถที่จะดำเนินโครงการดังกล่าวไปโดยลำพังเพราะโครงการดังกล่าวในอดีต ทอท.เคยทำการศึกษาไว้ว่ามีมูลค่าไม่ถึง 1,000 ล้านบาทด้วยซ้ำ”
อย่างไรก็ตาม แม้นายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม จะยืนยันให้ ทอท.ได้ทบทวนแนวทางในการประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรี 4 สนามบินข้างต้น แต่ก็เชื่อว่า ด้วยสายสัมพันธ์อันลึกซึ้งของผู้ที่อยู่เบื้องหลังโครงการนี้ คงจะล็อบบี้เพื่อให้พรรคการเมืองที่กำลังดิ้นสุดขั้วในการกลับเข้ามามีอำนาจได้สั่งให้เดินหน้าโครงการต่อไปในที่สุด