ทำเอาสังคมสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูก!กับเรื่องที่ "เสี่ยหนู-อนุทิน ชาญวีรกุล” รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข ที่กำลังออกมาตีปี๊บบีบกลุ่มทุนยักษ์ ซี.พี.ให้เร่งเข้ามาทำสัญญาร่วมลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ระยะทาง 220 กิโลเมตร วงเงินลงทุนกว่า 2.24 แสนล้านบาทพร้อมสัพยอกที่ออกมารุกไล่ไม่ได้เอื้อประโยชน์ให้แก่ใครเพราะมีกินมีใช้มั่นคงอยู่แล้ว และสำทับซ้ำหากบริษัทเอกชน ถอดใจไม่ยอมเข้ามาเซ็นสัญญา การรถไฟฯ คงต้องริบหลักประกันซอง 2,000 ล้าน และอาจขึ้นบัญชีดำ Black List เอาด้วย!ฟาก “เจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์” ก็ออกตัวว่า ในเมื่อโครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่มีความสำคัญต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศ โดยเฉพาะการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ “อีอีซี” เมื่อเป็นโครงการร่วมลงทุน "พีพีพี" ก็สมควรที่รัฐจะต้องร่วมรับความเสี่ยงของโครงการด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เอกชนโม่แป้งรับความเสี่ยงอยู่ฝ่ายเดียวที่ว่าโครงการนี้ออกจะสร้างความสับสนให้ผู้คนในวงกว้าง ก็เพราะทุกฝ่ายต่างรู้แก่ใจกันดีว่า เงื่อนไขการร่วมลงทุน “พีพีพี” โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนี้ ถือเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดใน 3 โลก ที่นอกจากเอกชนจะได้สัมปทานรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินมูลค่า 2.24 แสนล้านไปแล้ว ระหว่างก่อสร้างยังได้รับเงินอุดหนุนจากรัฐแถมพกไปด้วยอีก 1.17 แสนล้าน ทั้งยังได้สิทธิพัฒนาที่ดินทำเลทองสถานีรถไฟมักกะสันและศรีราชามูลค่ากว่า 1.2 แสนล้านไปด้วยอีกยังไม่รวมโครงข่ายรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์มูลค่า 2.5 หมื่นล้าน เงื่อนไขที่ดีที่สุดในสามโลกเช่นนี้ เป็นไปได้อย่างไรที่บริษัทเอกชนที่ชนะประมูลไปตั้งแต่ปีมะโว้ จะฟ้อนเงี้ยวอิดออดไม่ยอมเข้ามาเซ็นสัญญาแต่มูลเหตุที่ทำให้กระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ ยังคง “ปิดดีล” อภิโปรเจ็กต์แสนล้านนี้ไม่ลง ต้องยักตื้นติดกึกยักลึกติดกักมากว่า 7-8 เดือนนั้น ก็ด้วยเหตุที่การรถไฟฯ เองนั่นแหล่ะยังไม่สามารถเคลียร์หน้าเสื่อปัญหาการส่งมอบที่ดินและเงื่อนไขทางการเงินอื่นๆ ที่ถูกพ่วงเข้ามาเป็นบัญชีหางว่าวในสัญญาแนบท้ายที่จะลงนามกันต่างหากเพราะขืนสุ่มสี่สุ่มห้าเซ็นๆ กันไปเถอะอย่างที่ใครบางคนเคยต้มตุ๋นประชาชนคนไทยในอดีตให้ลงประชามติในรัฐธรรมนูญฉบับ “รับๆ ไปเถอะ” นั้น ก็คงจะเห็นพิษสงของรัฐธรรมนูญฉบับรับๆ ไปเถอะนี้แล้วว่าเป็นอย่างไร แถมการรถไฟฯ เองยังเพิ่งจะช็อคตาตั้งเอากับ “ค่าโง่” ในโครงการโฮปเวลล์ 2.5 หมื่นล้านที่จนป่านนี้ก็ยังคลำทางออกไม่เจออยู่ด้วยอีกแล้วจะให้เสี่ยงคุกเสี่ยงตะรางหลับหูหลับตาเซ็น ๆ กันไปก่อนได้อย่างไร?เรื่องของรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินที่ “เสี่ยหนู” กำลังเกทับบลั๊ฟแหลกทำราวกับภาครัฐและกระทรวงคมนาคมถือไพ่เหนือกว่ากลุ่มทุนเอกชนหลายขุมนั้น สำหรับประชาชนคนไทยคงไม่อินังขังขอบอะไรด้วยแน่ เพราะปูเสื่อรอมาตั้งแต่ปีมะโว้ 2535 โน้นแล้วจนป่านนี้ก็ยังยักแย่ยักยันไม่ไปไหน เบื่อจอรอเก้อกันมาหลายทศวรรษแล้วว่างั้นเหอะ!แต่ที่อดประหลาดใจไม่ได้ก็คือ ตลอดห้วงที่ผ่านมา องค์กรในภาคประชาชนที่ออกโรงเคลื่อนไหวคัดค้านการประเคนสัมปทานโครงการยักษ์ไปให้กลุ่มทุนอย่างถึงพริกถึงขิง ที่เรียกตัวเองว่า "สภาที่ 3" โดยเฉพาะนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง ซึ่งมีบทบาทในการชำแหละสัญญาโครงการนี้อย่างถึงพริกถึงขิง มีการตีแผ่ปมตื้นลึกหนาบางที่จะทำให้ภาครัฐโดยเฉพาะการรถไฟฯตกเป็น "เบี้ยล่าง" ของเอกชน หากถลำลึกเซ็นสัญญากันไปอย่างรีบเร่งนั้นบทบาทของสภาที่ 3 และภาคประชาชนที่เคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้อดแปลกใจไปไม่ได้ว่าแล้ว “องค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย)” หรือ ACT ที่เคยมีบทบาทเป็นหัวหอกในการตรวจสอบความโปร่งใส ตรวจสอบกระบวนการประมูลให้สัมปทานโครงการลงทุนรัฐทั้งหลายแหล่ไปมุดหัวอยู่ไหนกันหรือ เหตุใดถึงตัวตัวเงียบหายเข้ากลีบเมฆไปทั้งที่ก่อนหน้านั้น นายมานะ นิมิตมงคล เลขาธิการเอซีที ก็เคยออกโรงให้สังคมช่วยกันจับตา 3 โครงการรัฐคือรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน การประมูลร้านค้าปลอดอากร ดิวตี้ฟรี ในสนามบิน และสัมปทานระบบ 4G โดยระบุถึงขั้นที่ว่าการประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มูลค่ากว่า 2.24 แสนล้านบาท ที่พ่วงสิทธิ์ในการบริหารที่ดินเชิงพาณิชย์รอบสถานีที่จะสร้างขึ้นใหม่ อาจเป็นช่องทางที่ทำให้เกิดค่าโง่ตามมาแต่พอปรับเปลี่ยนรัฐบาลและภาคประชาชนพากันรับลูกออกโรงตีแผ่ และชำแหละร่างสัญญาโครงการนี้อย่างถึงพริกถึงขิง ในส่วนขององค์การต่อต้านการคอร์รัปชั่นไทยเอง กลับหลบลี้หายเข้ากลีบเมฆไปซะงั้น ไม่มีการเคลื่อนไหวหรือออกโรงให้ภาครัฐ หรือผู้เกี่ยวข้องได้เข้ามาตรวจสอบโครงการนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่มีการพูดถึงการผลักดันการใช้ข้อตกลงคุณธรรมหรือการเรียกร้องให้มีการเปิดเผยเนื้อหาของร่างสัญญาที่มีการระบุว่า มีรายการหมกเม็ดเอาไว้อื้อ จนแม้กระทั่งสำนักงานอัยการสูงสุดเองก็เคยมีการตั้งข้อสังเกต ให้การรถไฟฯ ระมัดระวังการบริหารสัญญาโครงการนี้และปัญหาการส่งมอบที่ดิน ด้วยเกรงว่าจะลงเอยด้วย ปัญหาค่าโง่ที่เกิดจากภาครัฐเฉกเช่นโครงการโฮปเวลล์มาแล้วจนผู้คนชักไม่แน่ใจแล้วว่า ตกลงแล้วคุณธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เป็นประธานเครือข่ายต่อต้านคอร์รัปชั่น กันไปแล้วหรืออย่างไร หรือตัวองค์การต่อต้านฯ เมาหมัดจากการที่อดีตประธานถูกน็อคกลางสภาไม่ได้ไปต่อในกรรมาธิการ (กรธ.) ต่อต้านการทุจริตวุฒิสภาหรืออย่างไร ถึงได้เงียบหายเข้ากลีบเมฆ