คนกลุ่มหนึ่งที่สิ้นหวังกับระบบการเมืองแบบเดิมๆหรือนักการเมืองหน้าเดิมๆ เพราะเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วเลือกตั้งมากี่ครั้งก็ไม่มีอะไรดีขึ้น วนกลับเข้าสู่วงจรแบบเดิมๆ
คนกลุ่มนี้มักจะมองหาทางเลือกที่เป็นผลิตภัณฑ์ทางการเมืองใหม่ๆ เพื่อหวังไปตายเอาดาบหน้า ดีกว่าเลือกแบบเก่าที่รู้ผลลัพธ์อยู่แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นมันจึงไม่เร้าใจ ไม่ได้ลุ้น
แต่อย่าลืมนะครับว่า คนรุ่นใหม่ที่คิดว่า เป็นความหวังนั้น ยังมีวงศาคณาญาติ ยิ่งอยู่ในแวดวงธุรกิจด้วยแล้ว กว่าจะเติบโตมายืนอยู่แถวหน้าได้ย่อมต้องผ่านร้อนผ่านหนาว ฉาบทาด้วยสีเทากันมาขนาดไหนกับระบบการทำธุรกิจที่อิงการเมืองแบบไทยๆ
ในธุรกิจยานยนต์ก็เช่นกัน ขณะที่นักการเมืองที่ตีตราว่า เป็นคนรุ่นใหม่กำลังสร้างให้ผู้คนเห็นว่าเขากำลังสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองใหม่ขึ้นมา ญาติสนิทชนิดที่เรียกได้ว่าคลานตามกันมากลับทำตรงกันข้ามโดยแอบอยู่ในมุมมืดที่ผู้คนในสังคมยังไม่ได้รับรู้ มีเพียงข้าราชการในกระทรวงการคลังที่เห็นความไม่ถูกต้องแล้วอดรนทนไม่ไหวจนต้องนำข้อมูลวงในมาตีแผ่
ครับ...เรื่องที่ว่าก็คือ ยักษ์ใหญ่ธุรกิจด้านชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยจับมือกับค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่จากยุโรป ผลักดันให้กระทรวงการคลังแก้กฎหมายเพื่ออนุญาตให้บริษัทยักษ์ใหญ่ค่ายยุโรปที่ว่านั้น
นำรถยนต์ และมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบค์ของบริษัทตัวเองทำตัวถังและทำสีกับบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย ซึ่งบริษัทของไทยรายนี้อยู่นอกเขตปลอดอากร โดยจะขอให้ได้รับสิทธิ์การยกเว้นอากรเช่นเดียวกับที่อยู่ในเขต
ทั้งนี้ตามกฎหมายที่ใช้อยู่ในปัจจุบันกำหนดไว้ว่า “การนำเข้าชิ้นส่วนมาผลิตยานยนต์ต้องผ่านกระบวนการผลิตที่เป็นสาระสำคัญ ภายในเขตปลอดอากรเท่านั้น จึงจะสามารถได้รับสิทธิ์ในการยกเว้นอากรได้”
งานนี้ผู้บริหารระดับแถวหน้าของบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านชิ้นส่วนยานยนต์ของไทยถึงขั้นลงสนามลุยเอง ไล่บี้ข้าราชการกันแบบไม่ไว้หน้าจะให้ผ่านเรื่องนี้ให้ได้
ถึงขนาดเจ้ากระทรวงอย่าง “อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์” รมว.คลัง ทำท่าจะเห็นดีเห็นงามไปกับเขาด้วย
หากไฟเขียวให้แก้กฎหมายครั้งนี้ จะเป็นการลบล้างเจตนารมณ์ในกฎหมาย ที่ออกมาเพื่อส่งเสริมอุตสาหกรรมการผลิตในเขตปลอดอากร และมุ่งส่งเสริมให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในเขตปลอดอากร ดังนั้นความสำคัญของเขตปลอดอากรจะหายไปทันที ไม่จำเป็นต้องมีเขตปลอดอากรอีกต่อไป
รวมไปถึงจะมีผลกระทบต่อโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ซึ่งมีเป้าหมายส่งเสริมให้เกิดการลงทุนในเขตปลอดอากรเช่นกัน เนื่องจากบริษัทไม่จำเป็นต้องไปจัดตั้งในเขตปลอดอากรที่รัฐบาลส่งเสริม ก็จะได้ใช้สิทธิ์โดยการลดภาษีอากรได้
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีผลต่อกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ได้ลงทุนจัดตั้งในเขตปลอดอากรไปแล้ว เพื่อให้ได้รับสิทธิ์ยกเว้นอากร อาจจะส่งผลกระทบให้กลุ่มเหล่านี้ไม่พอใจ ถึงขั้นไม่ลงทุนเพิ่มตามแผนที่เตรียมไว้ หรือย้ายฐานการผลิตไปเลยก็ได้ เพราะเจอ “เส้นใหญ่” เข้าไป
ยังไม่ทันได้มีตำแหน่งทางการเมือง ก็มีเรื่องฉาวจากแวดวงเครือญาติเสียแล้ว ถ้าได้นั่งเป็นนายกรัฐมนตรีหรือรัฐมนตรีนี่จะขนาดไหน
นักการเมืองในอดีตที่เคยสัมผัสกับอำนาจล้นฟ้าชี้นิ้วสั่งได้อย่างใจ สุดท้ายก็ ”ตายน้ำตื้น” กับบรรดาสิ่งที่ญาติสนิทใช้บารมีไปหาประโยชน์กันทั้งนั้น ยังไงก็หนีความรับผิดชอบไปไม่พ้น!
โดย..ลูกชาวนา