จังหวะที่สหรัฐอเมริกา ประกาศจะตัดสิทธิพิเศษภาษีศุลกากรสินค้า หรือจีเอสพี (Generalized System of Preferences) เมื่อวันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมากว่า 10 ประเทศ..รวมทั้งไทยที่โดนจากเหตุแก้ปัญหาแรงงาน ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ซึ่งออกมาหลังจากไทย เพิ่งประกาศแบนสารเคมีอันตราย 3 ชนิด คือ “พาราควอต คลอร์ไพริฟอส และไกลโฟเซต”โดยสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย ทำจดหมายถึงนายกรัฐมนตรีไทยและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง ค้านที่ไทยแบนสารเคมีโดยเฉพาะยาฆ่าแมลงไกลโฟเซต ทำให้ภาพที่ออกมาเกมจีเอสพีกลายเป็นเกมต่อรองการค้าที่มีวาระซ่อนเร้นรวมทั้งเมื่อมองย้อนการให้สิทธิจีเอสพีของสหรัฐกับประเทศต่างๆ ส่วนใหญ่จะผูกโยงนโยบายการเมืองหรือความต้องการสินค้านั้นของสหรัฐฯ เกือบทั้งสิ้น หากช่วงก่อน 6 เดือนแต่ละประเทศมีการชี้แจงต่อรองตามที่สหรัฐฯ ต้องการ ก็อาจจะได้รับสิทธิจีเอสพีคืน ขณะที่ทางผู้ประกอบการซึ่งส่งออกโดยใช้สิทธิจีเอสพี ส่วนมากก็รู้อยู่แล้วว่าระยะยาวต้องปรับประสิทธิภาพรับผลกระทบหากปีไหนโดนตัดจีเอสพีทั้งนี้เพราะจีเอสพีเป็นสิทธิทางภาษีที่ประเทศพัฒนาแล้ว เช่นสหรัฐฯ จะให้กับประเทศที่กำลังพัฒนา โดยไม่ต้องเสียภาษีสินค้านำเข้าบางรายการเมื่อส่งสินค้าไปขายในประเทศที่ให้สิทธิ เพื่อให้ประเทศที่กำลังพัฒนาส่งสินค้าไปแข่งกับประเทศอื่นในตลาดนั้นได้ การให้สิทธิจะเป็นการให้แบบฝ่ายเดียว คือประเทศที่ให้สิทธิจีเอสพี แต่เป็นการให้แบบมีเงื่อนไขตามหลักเกณฑ์ อาทิ สหรัฐฯ จะให้สิทธิจีเอสพีกับประเทศที่มีรายได้ต่อหัวต้องไม่เกินกำหนดหรือให้จีเอสพีด้วยเงื่อนไขอื่นขณะที่กระทรวงพาณิชย์ออกมาประเมินการตัดสิทธิจีเอสพีรอบนี้ จะกระทบต่อการส่งออกประมาณกว่าพันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเกือบสี่หมื่นล้านบาทของการส่งออกทั้งปีกว่าสองแสนล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีการตัดสิทธิ 573 สินค้า หรือกว่า 40% ของจำนวนสินค้าที่ไทยได้รับสิทธิในปี 2561 รวม 1,485 รายการ และมีการได้คืนสิทธิให้ไทย 7 รายการในรอบนี้จากภาพรวมดราม่าจีเอสพีดังกล่าว ทางกูรูส่งออกภาคราชการเห็นว่า นอกจากเร่งชี้แจงเพื่อให้ได้คืนสิทธิจีเอสพีแล้ว ทางรัฐควรไปเดินหน้าปฏิรูปส่งออกตามปัจจัยใหญ่ที่กระทบการค้าโลก อย่างห่วงโซการผลิตหรือซัพพลายเชนโลกที่เปลี่ยนไปไทยจะปรับตัวเกาะห่วงโซ่ผลิตโลกที่เปลี่ยนไปอย่างไร สังคมผู้สูงอายุของโลกที่จะมากขึ้น การบริโภคที่จะตระหนักเรื่องสุขภาพคุณภาพเรื่องสิ่งแวดล้อม การเปลี่ยนของเทคโนโลยีก้าวหน้าเร็วมาก การเรียกร้องความเสมอภาคจะขยายตัวมากขึ้น การพัฒนาทุนมนุษย์รับโลกการค้าสมัยใหม่ รวมถึงการต่อยอดจากธุรกิจที่เก่งแข็งแกร่งเดิมด้านเอกชนผู้ประกอบการเห็นว่า ต้องปรับกระบวนคิดเกี่ยวกับการค้าโลกที่เปลี่ยนไป จากกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีมาตรการกีดกันทางการค้าทางภาษีและไม่ใช่ภาษีมากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาประเทศพัฒนาแล้วส่วนใหญ่จะปกป้องสินค้าเกษตรเพื่อรักษาฐานการเมืองในประเทศและใช้มาตรการเช่นรักษาทรัพย์สินทางปัญญากดดันประเทศอื่น การแข่งขันการค้าจะรุนแรงมากขึ้นจากการเปิดเขตการค้าเสรีต่างๆ การหาพันธมิตรขยายตลดาขยายธุรกิจ นำเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทการค้าโลกและการผลิตสร้างนวัตกรรมใหม่มากขึ้นนอกจากนี้ อยากให้ภาครัฐออกมาตรการเพิ่มความสามารถแข่งขันให้ภาคเอกชน เช่นการปรับปรุงกฎระเบียบต่างๆ ให้คล่องตัว ลดต้นทุนจากขั้นตอนซ้ำซ้อน ยืดหยุ่นต่อการประกอบการ ประสานความร่วมมือรัฐกับเอกชน มีการพัฒนาระบบสารสนเทศทางการค้า สร้างความรู้ความเข้าใจให้เอกชน สร้างแรงจูงใจให้กับผู้ประกอบการในเมื่อปัจจัยลบต่างๆ ยังรุมเร้าให้ส่งออกไทยปีนี้คงติดลบจากปีก่อนแน่ รวมทั้งผลกระทบใหญ่เศรษฐกิจโลกแนวโน้มทรุดตัว เกมสงครามการค้าของยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ กับจีนที่ยืดเยื้อข้ามปี ทางแก้จึงต้องยกเครื่องใหญ่โครงสร้างส่งออกของไทยจะปฏิรูปหรือปรับกระบวนคิดคงต้องเร่งทำโดย...คนฝั่งธนฯ