ปมเหล้ายาดอง! สุดท้ายเพราะ “ขลาดเขลา-โมหะจริต” ของคนให้ข่าวและเขียนข่าว ทำเอาสะเทือนเลื่อนลั่น ตั้งแต่ทำเนียบรัฐบาล ยันกระทรวงการคลัง และเป็น “ต้นสังกัด” กรมสรรพาสามิต ที่ต้องออกมาเคลียร์ข่าวนี้ สรุป! คนทำ-คนขาย-คนดื่ม “เหล้ายาดอง” ยังคงใช้ชีวิตปกติ หากไม่มีการนำเหล้าเถื่อน-เหล้าปลอมมาผลิต
โดนด่าขรม! ไปทั้งเมือง? กับข่าว “คลังสั่งปราบปรามการผลิตเหล้ายาดอง” หลังพบเหยื่อเคราะห์ร้ายดื่มยาดองที่ผลิตจากเหล้าปลอม ปรากฏข่าวตายไป 3 ศพที่เมืองชลบุรี เมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้
เรื่องของเรื่อง “คนให้ข่าว” ก็ให้ข่าวได้ไม่เคลียร์ ขณะที่คนเขียนข่าวโดยเฉพาะสื่อหัวใหญ่ย่านประชาชื่นเอง ก็เขียนข่าวภาษีมั่ว ทำเอาคนแถลงข่าว “ร้อนตัว” ตั้งแต่...กรมภาษีย่านคลองเตย ยันกรมภาษีย่านราชวัตร
เรียกว่า...2 ข่าวภาษี ที่สื่อค่ายนี้นำเสนอกันมา ทำเอา 2 กรมภาษีใหญ่ ต้องเปิดแถลง “แก้ข่าว” กันไปคนละครั้ง
ปมข่าวภาษี “คนไทยจนไม่จริง” นำเข้ารถหรูยี่ห้อดังระดับโลก เพิ่มขึ้นจำนวนมากในปี 2562 นั้น ข่าวนี้...คนไทยส่วนใหญ่ ไม่หืออืออะไรด้วย เพราะต่างเข้าใจกันดีว่าเป็น...ข่าวมั่ว เนื่องจากข้อเท็จจริง คือ คนนำเข้ารถยนต์ยี่ห้อหรูนั้น หาใช่ตัวแทนของคนไทยส่วนใหญ่ แต่เป็น...เศรษฐี - มหาเศรษฐี และเป็นคนส่วนน้อย
หากเป็น “สินค้าฟุ่มเฟือย” แล้วมีปริมาณนำเข้าเป็นจำนวนมาก ถึงจะใช้คำที่ว่า “คนไทยจนไม่จริง” ได้
ล่าสุด กับข่าว “ยาดอง” เรื่องของเรื่อง คนแถลงให้ข่าว “หวังดี” เห็นว่ามี “คนตาย” จากการดื่มเหล้ายาดอง ที่ผลิตจากเหล้าเถื่อน และมันตรงกับภารกิจของ “ต้นสังกัด” เลยรายงาน “ส่งต่อ” เป็นทอดๆ จากระดับกรมฯ ไปยังกระทรวง และจากระดับอธิบดี ไปยังปลัดกระทรวง และรัฐมนตรีเจ้าสังกัด
หากทุกฝ่ายนิ่งกันสักนิด...สื่อสารและนำเสนอตามข้อเท็จจริง ประเด็น “ด่าขรมกันทั่วเมือง” ทำนอง...รัฐบาลไทยจ้องจะทำลายเหล้ายาดอง อันเป็น “ภูมิปัญญาไทยแท้มาแต่โบราณ” คงไม่เกิดขึ้น!
“สำนักข่าวเนตรทิพย์” ขอย้อนประเด็นข่าวนี้ ให้ได้อ่านกันอีกรอบ แล้วจะชี้ปมปัญหาและทางออกของเรื่องนี้ให้ได้เท่าทันกัน
เริ่มจาก...ข่าวที่มีชาวบ้าน 3 รายใน ตำบลเสม็ด อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลชลบุรี หลังมีอาการแน่นหน้าอก อาเจียน เพราะเหล้ายาดองที่ซื้อมาดื่ม มีส่วนผสมของสมุนไพรรากสามสิบ ที่มีการนำคางคกและเหล้าขาวมาผสม กระทั่ง เสียชีวิตทั้ง 3 ราย เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา
เมื่อได้เห็นข่าวนี้ สำนักงานสรรพสามิตพื้นที่ชลบุรี 1 ซึ่งเป็น “เจ้าของพื้นที่” ที่เกิดเหตุ จึงได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปสืบหาข้อเท็จจริง แล้วพบว่า ในสถานที่ที่ผลิตเหล้ายาดองดังกล่าว พบทั้งถังแกลลอนเปล่า ชนิดเมทิลแอลกอฮอล์ และชนิดเอทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งน่าจะเป็นส่วนผสมสำคัญของยาดอง ซึ่งหากหลักฐานที่ปรากฏเป็นจริง ย่อมถือว่า...เหล้าที่นำมาใช้ในการผลิตยาดองดังกล่าว ถือเป็น “เหล้าปลอม”
จากนั้น วันที่ 25 ตุลาคมที่ผ่านมา “รองโฆษกกรมสรรพสามิต” จึงได้แถลงข่าวดังกล่าว พร้อมยกหลักการและเหตุผลมาอธิบายความ ต่อมาว่า กรมสรรพสามิตจะดำเนินการเข้าปราบปรามผู้ผลิตยาดองเถื่อน และซุ้มยาดองผิดกฎหมายทั่วประเทศ เนื่องจากการดำเนินการดังกล่าวผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ภาษีสรรพสามิต พ.ศ.2560 ที่ไม่อนุญาตให้ทำเหล้ายาดองเพื่อขายได้ ยกเว้นจะดองเพื่อบริโภคเองเท่านั้น
การจะยกเว้น! ผลิตเหล้ายาดองนั้น สามารถกระทำได้ หากเป็นการนำเหล้าไปผสมเพื่อทำยาแผนโบราณ เช่น ยาแก้ไอ ม้ากระทืบโรง เป็นต้น โดยผู้ผลิตจะต้องนำบรรจุภัณฑ์ และส่วนผสมในการผลิตยาแผนโบราณไปให้สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ตรวจสอบ โดยหากผ่านการตรวจสอบคุณภาพจาก อย. ก็สามารถนำมาจำหน่ายได้ แต่จะถูกจัดอยู่ในหมวดยา และขายได้ที่ร้านขายยาเท่านั้น
“รองโฆษกกรมสรรพสามิต” ยังระบุด้วยถึงบทลงโทษของการกระทำผิดแบ่งเป็น 2 กรณี ได้แก่ กรณีที่ 1 ขายเหล้ายาดองที่ทำจากสุราที่เสียภาษีแล้ว จะผิดกฎหมายของ กรมสรรพสามิต ตามมาตรา 155 (ไม่มีใบอนุญาตขาย) มาตรา 157 (เปลี่ยนแปลงภาชนะบรรจุสุรา) และมาตรา 158 (เปลี่ยนแปลงสุรา) มีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 5,000 บาท หรือ กรณีที่ 2 การขายเหล้ายาดองที่ทำจากสุราที่ไม่ได้เสียภาษี จะผิดกฎหมายกรมสรรพสามิต ตามมาตรา 191 (ขายสุราที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต) และมาตรา 192 (ซื้อหรือครอบครองสุราที่ผลิตโดยไม่ได้รับอนุญาต) ซึ่งมีโทษสูงสุดปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ก่อนจะย้ำอีกว่า “การทำเหล้ายาดองเพื่อขาย เป็นการลักลอบทำโดยชาวบ้าน ซึ่งภายใต้พระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 กรมสรรพสามิตไม่มีการอนุญาตให้ทำเหล้ายาดองเพื่อขายได้ อย่างไรก็ตาม กรมสรรพสามิตควบคุมการผลิตสุราโดยออกใบอนุญาตผลิต รวมทั้งมีการควบคุมการผลิต การจำหน่ายและการตรวจสอบคุณภาพสุราที่ได้มาตรฐานสุราตามที่กรมสรรพสามิตกำหนด ซึ่งกรมสรรพสามิตจะทำการตรวจสอบ ตั้งแต่การใช้วัตถุดิบ กรรมวิธีการผลิต และตรวจสอบคุณภาพสุราก่อนนำออกจากโรงอุตสาหกรรม และตรวจสอบการใช้ฉลากและภาชนะ ตามประกาศกรมสรรพสามิต เรื่อง หลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการผลิตสุราและการนำสุราออกจากโรงอุตสาหกรรมเพื่อตรวจวิเคราะห์ในขั้นตอนการผลิต”
ทันทีที่ข่าวทำนองนี้ ได้ถูก “ใส่สีตีไข่” และเผยแพร่ออกไปในวงกว้าง เท่านั้นเอง...เสียงด่าจากผู้เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตเหล้ายาดอง ก็ดังกระหึ่มเมืองตามมาในทันที! ทำนอง...รัฐบาลไทย กระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต จ้องจะทำลาย “เหล้าภูมิปัญญาไทย” ขณะเดียวกันก็ แอบสนับสนุน “เหล้าโรง” ของกลุ่มทุนขนาดใหญ่...ไปไกลขนาดนั้นเชียว
กระทั่ง ร้อนกันไป ตั้งแต่...ทำเนียบรัฐบาล ยันกระทรวงการคลัง จนกรมสรรพสามิตต้องออกแถลงการณ์ชี้แจงกันอีกครั้ง
ครั้งนี้ เป็น...นางสาวรัชฎา วานิชกร ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้านวิชาการภาษี ออกมาชี้แจงกรณีดังกล่าว โดยยกข้ออ้างที่ตัวแทนกลุ่มเครือข่ายเหล้าภาคเหนือวิจารณ์มาตรการของกรมสรรพสามิตในการเร่งปราบปรามซุ้มยาดองเหล้า โดยระบุว่า มาตรการของกรมสรรพสามิตเป็นเพียงข้ออ้างเข้าไปทำลายวัฒนธรรม ภูมิปัญญาพื้นบ้าน ทำลายการแปรรูปข้าวในระดับพื้นบ้าน อีกทั้งยังเป็นการทำให้นายทุนใหญ่ไร้คู่แข่งนั้น
กรมสรรพสามิต ขอชี้แจงว่า ตาม พ.ร.บ.สรรพสามิต พ.ศ. 2560 ได้อนุญาตให้ผู้ประสงค์ผลิตสุราชุมชน สุราพื้นบ้านสามารถผลิตได้ ทั้งในรูปสุราแช่พื้นบ้าน เช่น อุ กระแช่ สาโท และสุรากลั่นชุมชน ซึ่งทั้ง 2 ประเภทต้องได้รับการตรวจสอบจากกรมสรรพสามิตก่อนการออกจำหน่าย เนื่องจากกรมฯ มีหน้าที่ตามกฎหมายในการกำกับดูแลสินค้าสุราให้มีคุณภาพ ไม่ขัดต่อหลักสุขอนามัย เพื่อให้ประชาชนในฐานะผู้บริโภคมีความปลอดภัยเป็นสำคัญ
อีกทั้ง หากมีผู้ต้องการสุราแช่พื้นบ้านหรือสุรากลั่นชุมชนไปผลิตเป็นยาแผนโบราณ โดยผสมสมุนไพรหรือวัตถุดิบพื้นบ้านตามภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อให้มีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคตามตำรับยาแผนโบราณก็สามารถดำเนินการได้ โดยต้องขอขึ้นทะเบียนเป็นตำราสมุนไพรแผนโบราณกับกรมการแพทย์แผนโบราณ กระทรวงสาธารณสุขได้ด้วย
"จะเห็นว่าหน่วยงานภาครัฐไม่ว่าจะเป็นกรมสรรพสามิต หรือกรมการแพทย์แผนโบราณ รวมถึงหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ไม่ได้ปิดกั้นการพัฒนาภูมิปัญญาท้องถิ่น แต่จำเป็นต้องออกกฎระเบียบเพื่อใช้กำกับการจำหน่ายสุรา เพื่อให้สุราได้รับการตรวจสอบและไม่เป็นอันตรายต่อผู้บริโภค" นางสาวรัชฎา กล่าว
พร้อมย้ำว่า การดำเนินการในลักษณะนี้จะเป็นการดำเนินเช่นเดียวกันสินค้าอื่นๆ ที่ผู้บริโภคจะใช้ดื่มกิน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม หรืออาหารต่างๆ ก็จำเป็นต้องได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานภาครัฐก่อนออกจำหน่ายเช่นกัน
ถึงตรงนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ขอยืนยันอีกครั้งว่า...รัฐบาลไทย ไม่มีเจตนาจะปิดกั้นภูมิปัญญาไทย ไม่คิดจะทำลาย “เหล้ายาดอง” และไม่หวังสนับสนุนกลุ่มทุนใหญ่ ผู้ผลิตและขายเหล้าโรง แต่เพราะ “ความไม่ฉลาดในการตอบคำถามนักข่าว” ของคนให้ข่าว และ “โมหะจริต” ของคนเขียนข่าว เรื่องที่น่าจะจบกันแบบ “แฮปปี้ เอนดิ้ง” ก็ไม่เป็นอย่างที่ควรจะเป็น
สรุป! คนทำ-คนขาย “เหล้ายาดอง” ยังคงทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปได้ เพียงแต่อย่าคิด “ประหยัดต้นทุน” ด้วยการนำ “เหล้าเถื่อน-เหล้าปลอม” มาผลิตแค่นั้นพอ!!!.