ธนารักษ์เตรียมปัดฝุ่นสนามกอล์ฟบางพระ เปิดประมูลอีกรอบ ปรับเงื่อนไขร่วมลงทุน เปิดเอกชนเข้าร่วม รองรับตลาดอีอีซี ส่วนแผนพัฒนาศูนย์ราชการโซน C เดินหน้า พร้อมผุดไอเดียลุย Business Model ใหม่หารายได้เพิ่ม
ปัดฝุ่นสนามกอล์ฟบางพระ
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ สัมภาษณ์พิเศษ “นาฬิกอติภัค แสงสนิท” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์ จำกัด (ธพส.) โดยระบุว่า ขณะนี้ กรมธนารักษ์อยู่ระหว่างปรับปรุงข้อกำหนดเงื่อนไขการร่วมลงทุนแบบ PPP สนามกอล์ฟบางพระ จังหวัดชลบุรี หลังจากก่อนหน้านี้ ได้เปิดให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนในสนามกอล์ฟดังกล่าว แต่ยังไม่มีเอกชนรายใดสนใจยื่นประมูล คาดว่าในต้นปี 63 จะจัดทำแผนร่วมทุนใหม่ได้และจะเปิดให่เอกชนเข้าทาประมูลอีกครั้ง
ทั้งนี้ เงื่อนไขที่ต้องดำเนินการปรับปรุงนั้น จากเดิมกำหนดเงื่อนไข ต้องสร้างโรงแรมขนาดห้องพักเพิ่มอีก 100 ห้อง รวมเป็น 200 ห้อง สร้างห้องประชุมสัมมนารองรับผู้เข้าร่วมประชุมอีก 200 คน ที่ผ่านมา ที่ปรึกษาของกรมธนารักษ์ มองว่าที่ดินแปลงนี้ มีศักยภาพสูง โดยเป็นผู้บริหารเป็นธุรกิจไมซ์จัดการประชุมสัมมนา ซึ่งเป็นธุรกิจคนละแบบกับสนามกอล์ฟ จึงขาดผู้สนใจ กรมธนารักษ์ จึงต้องปรับปรุง TOR ใหม่ ด้วยการตัดการสร้างห้องพักโรงแรมออก เพื่อใช้พัฒนาเป็นห้องอเนกประสงค์อื่น และรองรับครอบครัวนักกอล์ฟ รวมทั้งการลงทุนเพิ่มศักยภาพสนามกอล์ฟมากกว่า รวมทั้งต้องปรับปรุงห้องพักและบรรยากาศ และสนามกอล์ฟให้ดีขึ้น เพื่อดึงดูดนักกอล์ฟในภาคตะวันออก ซึ่งเป็นชาวญี่ปุ่น เกาหลี หรือต่างชาติ เข้ามาออกรอบในสนาม
ยอมรับว่า การเปิดประมูลครั้งที่ผ่านมา มีเอกชนผู้สนใจซื้อซองประมูลเพียง 1 ราย คือ เกาะล้านเพรสซิเดนท์ เมื่อกรมธนารักษ์ กำหนด TOR ใหม่และตัดการสร้างห้องพักโรงแรมออก เหลือเพียงการบริหารสนามกอล์ฟบางพระอย่างเดียว คาดว่า จะมีผู้สนใจยื่นซองมากขึ้น ยอมรับว่า ธุรกิจสนามกอล์ฟขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการต้นทุนและดูแลลูกค้า เช่น นักลงทุนชาวญี่ปุ่น นิยมซื้อสมาชิกที่สนามบางพระ ราคาเฉลี่ย 30,000-40,000 บาทต่อปี แต่ปริมาณการมาใช้สิทธิ์ออกรอบเล่นกอล์ฟยังน้อยมาก เมื่อสนามบางพระต้องการใช้คอนเซปต์คงความเป็นสนามกอล์ฟมีตำนานสำหรับลูกค้าญี่ปุ่น พร้อมการพัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวก และอยู่ใกล้ อ.ศรีราชา เป็นที่ตั้งนิคมอุตสาหกรรมของชาวญี่ปุ่น และใกล้เมืองพัทยา คาดว่า การพัฒนาศักยภาพของสนามกอล์ฟบางพระจัดให้เป็นสนามระดับ 4 ดาว ส่วนโรงแรมที่พักระดับ 3.5 ดาว
ศูนย์ราชการโซน C รุกคืบ!
ส่วนความคืบหน้าแผนก่อสร้างโครงการก่อสร้างศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ (โซน C) เนื้อที่ 81 ไร่เศษ มูลค่าการลงทุน 22,000 ล้านบาท มีความคืบหน้าโครงการ ณ วันที่ 31 ตุลาคม 62 ขณะนี้เข้าปรับพื้นที่ ล้อมรั้ว อยู่ระหว่างการจัดจ้างผู้รับจ้างก่อสร้างงานเสาเข็ม นับว่าเป็นไปตามแผน เดิมกำหนดตอกเสาเข็มในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา ได้ปรับแผนการตอกเสาเข็ม รองรับการสร้างที่จอดรถเพิ่มจาก 4,000 คัน เพิ่มเป็น 4,300 คัน และรองรับการเช่าของส่วนราชการ 12 หน่วยงาน
รวมทั้งยังต้องพัฒนาที่จอดรถรองรับ โซน A, B เพิ่มอีก 8,000 คัน จึงต้องเริ่มตอกเสาเข็มในเดือน ม.ค.ปี 63 ธพส. จึงเตรียมเปิดประมูลการตอกเสาเข็ม กำหนดได้ราคาลดลงไปอีก 210 ล้านบาท จากราคากลาง 796 ล้านบาท เหลือ 500 กว่าล้านบาท สำหรับการสร้างอาคารโซนซีหลังใหม่ มูลค่า 20,000 ล้านบาท ส่วนเงินลงทุนเพิ่มอีก 2,000 ล้านบาท ใช้สำหรับปรับปรุงอาคาร A, B ส่วนเหลือเป็นภาระดอกเบี้ย ค่าจ้างที่ปรึกษา เงินสำรอง รวมเป็น 30,000 ล้านบาท ระยะเวลา 4 ปี คาดว่าอาคารโซนซีการก่อสร้างเสร็จ มิ.ย. ปี 66 เตรียมเปิดให้ส่วนราชการย้ายเข้าทำงานเดือน ก.ย.ปี 66 ส่วนแหล่งที่มาของเงินทุนในการก่อสร้าง สำนักบริหารหนี้สาธารณะ เป็นผู้ศึกษาแนวทางจัดหาแหล่งทุนเพื่อกู้เงินในระยะเวลา 4 ปี
“เริ่มตอกเสาเข็ม ม.ค. ปีหน้า จากนั้นเริ่มงานพื้นฐาน ขณะนี้อยู่ระหว่างนี้ออกแบบอาคารโซนซี อาคารด้านทิศเหนือคาดว่าแล้วเสร็จปลายปีหน้า ส่วนแผนการระบายรถจากศูนย์ราชการฯ พร้อมหารือกับ กทม. ตัดถนนเพิ่มเติมตามแผนแม่บทของศูนย์ราชการ โดยต้องตัดถนนเชื่อม Local Road บริเวณประชาชื่น วิภาวดีฯ ด้านถนนประชาชนชื่น ต้องขยายจาก ถนนขนาด 2 ช่องจราจร เ เพิ่มเป็น 4 ช่องจราจร ใช้งบประมาณ 400 ล้านบาท ส่วนอีก 200 ล้านบาท ใช้ตัดถนนประชาชื่น ตรงจุดแยกของการประปานครหลวง ส่วนด้านถนนวิภาวดี มีถนนหมายเลข 8 ตัดออกอยู่ข้างถนนสภาวิจัยจุฬาภรณ์ ข้างคลองเปรม ซึ่งเปิดใช้งานแล้ว ที่เหลือเหลือต้องหารือกับการรถไฟฯ เพื่อสร้างถนนข้ามทางรถไฟ เมื่อแล้วเสร็จจะเชื่อมกับถนนวิภาวดีฯ” นายนาฬิกอติภัค กล่าว
ผุดไอเดียเจ๋งหารายได้!
ธพส. ยังมี Business Model ในการหารายได้เพิ่ม โดยใช้โมเดลโครงการพหลโยธิน 11 เป็นต้นแบบ โดย ธพส. เช่าที่สร้างอาคารสำนักงาน 4 ชั้น คิดค่าใช้จ่าย กรมธนรักษ์เป็นคนเช่าต่อ และยังมีพื้นที่บริเวณอาคารสโมสร เนื้อที่เกือบไร่ ของกรมสรรพสามิต ส่งคืนให้กรมธนารักษ์ จึงให้ ธพส. เช่าที่แปลงดังกล่าวเพื่อก่อสร้างอาคารและปล่อยให้เช่า ซึ่งกรมสรรพสามิตโยกจากงบลงทุนเป็นงบทำการ ใช้งบทำการจ่ายเป็นงบค่าเช่า ขณะที่กระทรวงสาธารณสุข เสนอแนวคิด การนำงบการก่อสร้างที่พักบุคลากรทางการแพทย์ทั่วประเทศ กำหนดให้เป็นประจำทุกปี พร้อมให้เป็นงบลงทุนของ ธพส. สร้างอาคารที่พักอาศัยบุคคลากรทางการแพทย์ในต่างจังหวัด นำเป็นข้อเสนอที่ดีมองว่าคุ้มทุนในการลงทุน
เมื่อรัฐบาลต้องจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างในปี 63 ยอมรับว่า ธพส. ยังเสียเปรียบรัฐวิสาหกิจอื่น เพราะใช้กฎหมายจัดตั้งเป็นบริษัทจำกัด เสียภาษีนิติบุคคลอีก 20% ทั้งนี้ ยอมรับว่า ต้องเสนอกระทรวงกาคลังปรับค่าเช่าจากส่วนราชการ เนื่องจากมีภาระภาษีที่ดินฯเพิ่มขึ้น 150 ล้านบาทต่อปี จากหน่วยงานผู้เช่า เช่น ศาลปกครองสูงสุด กระทรวงดีอี สนง.อัยการสูงสุดบางส่วน สำนักงาน ปปง. ปปท. สนง.ผู้ตรวจการแผ่นดิน ที่เหลือเป็นหน่วยงานขนาดเล็ก โดยต้องปรับขึ้นค่าเช่าอาคารเอและบี และโซนซีขอปรับเพิ่มเช่นกันหลังจากสร้างแล้วเสรร็จ จากเดิมไม่เสียภาษีโรงเรือน สำหรับอาคารโซนซีราคาเพิ่ม 15.61 บาทต่อตารางเมตร จัดของบผูกพันระยะเวลา 30 ปี ขณะนี้ยังไม่จัดเก็บเพราะยังไม่เริ่มก่อสร้าง
ส่วนโซนเอและบีเพิ่มประมาณ 23 บาทต่อ ตร.ม. เริ่มเก็บวันที่ 1 ม.ค. 63 รวมพื้นที่ใช้สอยกว่าล้านตารางเมตร เตรียมเสนอกรมธนารักษ์และกระทรวงกาคลัง เพื่อนำเสนอที่ประชุม ครม. พิจารณาในขั้นต่อไป
โชว์ผลงานปี 62 รายได้ 2,800 ล้าน!
สำหรับผลดำเนินงานในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริหารจัดการทรัพย์สินของรัฐตามนโยบายรัฐบาล ได้แก่ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา 5 ธันวาคม 2550 (โซนเอ โซนบี โซนซี และอาคารศาลปกครอง) สนามกอล์ฟบางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา จ.เชียงใหม่ นอกจากนี้ ธพส. ยังได้จัดกิจกรรม งานแสดงสินค้าอย่างต่อเนื่อง จึงทำให้ ธพส. ประมาณการรายได้ ปี 2562 ประมาณ 2,800 ล้านบาท กำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 290 ล้านบาท สำหรับแผนบริหารจัดการโครงการในปี 63 ธพส. เตรียมจะพัฒนาพื้นที่เพิ่มเติม ได้แก่ โครงการก่อสร้างอาคารอเนกประสงค์หลังใหม่ ของกรมสรรพสามิต โดยบอร์ด ธพส. มติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการแล้ว ขณะนี้กำลังรอผลการพิจารณาอนุมัติจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) คาดว่าจะทราบผลความคืบหน้าในไตรมาสแรกของปี 63