ยุรัฐ “ตีเหล็กตอนร้อน” ตีป่าว Doing Business
“เวิลด์แบงก์” ส่งสารชื่นชมรัฐบาลไทย ปรับสภาพแวดล้อมการลงทุนได้ดี จนดึงความสนใจของต่างชาติ กระทั่งอันดับ Doing Business พุ่งขึ้น 6 ขั้น และเป็น “รองนายกฯ สมคิด” ที่หวังไกล ผลักดันให้ไทยขยับเข้าสู่...โซน TOP 20 ในปี 2563 แต่ปัญหาอยู่ที่การพีอาร์ ระวัง! ตกม้าตาย หากไม่รีบตีเหล็กตอนร้อน!!!
สารแสดงความยินดีกับรัฐบาลไทย ที่ธนาคารโลก (World Bank) ส่งถึง “รัฐบาลประยุทธ์” หลังจากประเทศไทยได้รับการยกระดับ...การรายงานผลการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อม สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก (Doing Business) จากอันดับที่ 27 มาอยู่ที่อันดับ 21 ของโลก และเป็นเบอร์ 3 ของอาเซียน...รองจากสิงคโปร์และมาเลเซีย..
กระนั้น ยังมีอีก 3-4 เรื่อง...ที่ “ทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาลชุดนี้ จะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน!
ทั้งเรื่อง...การคืนภาษี การล้มละลาย และการบังคับให้เป็นไปตามสัญญา รวมถึงเรื่องการค้าระหว่างประเทศ แล้วที่จะขาดไม่ได้ คือ ต้องเร่งประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจกับคนไทยถึง “ข้อดี” ของอันดับประเทศไทยใน Doing Business
รวมถึงทำความเข้าใจและแจ้งความคืบหน้าขอบการดำเนินการให้แก่นักลงทุนต่างชาติ แม้กระทั่ง กับธนาคารโลกเอง เพราะแม้แต่...ธนาคารโลก ยังไม่รู้ เพราะไม่ได้รับรายงานจากฝั่งไทย ถึงพัฒนาการที่ก้าวหน้าของการปรับเปลี่ยมโฉมหน้าใหม่ รองรับการลงทุนใหม่ๆ จากภายนอกประเทศ
ถึงขั้นระบุชัดว่า...ให้รัฐบาลไทยเร่งทำการประชาสัมพันธ์ผลงานโดยเร็ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมการรายงานผลการดำเนินการตามแนวทางการปรับปรุงสภาพแวดล้อม สำหรับการประกอบธุรกิจในประเทศไทยของธนาคารโลก (Doing Business) โดยมีนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง นายธนากร วังบุญคงชนะ เลขานุการ รมว.คลัง ข้าราชการระดับสูงของกระทรวงการคลัง และสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (กพร.) ร่วมประชุมหารือ ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 กระทรวงการคลัง
ไฮไลต์ของเรื่องนี้คือ..การที่นายสมคิดคาดหวังจะผลักดันให้ประเทศไทยติดอันดับ TOP 20 ในการจัดแรงกิ้งของ Doing Business ในปี 2563
“แม้รัฐบาลไทยจะได้รับคำชมจากธนาคารโลก แต่จำเป็นที่เราจะต้องเร่งปรับปรุงสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ เพื่อให้เกิดความสะดวกและเอื้อต่อการแข่งขันของผู้ประกอบการจากทั่วโลก โดยเฉพาะการสร้างการรับรู้ในหมู่คนไทย เพราะการเป็นประเทศที่สร้างปัจจัยส่งเสริมการลงทุนของต่างชาติ ไม่ได้สำคัญเฉพาะในเชิงธุรกิจ แต่ยังสำคัญต่อเชิงเศรษฐกิจและสังคม” รองนายกฯสมคิด ย้ำ ก่อนอธิบายเพิ่มเติมว่า...
เชิงเศรษฐกิจ แน่นอนว่า สิ่งนี้กลายเป็นเงื่อนไขสำคัญทำให้นักลงทุนจากทั่วโลกใช้เป็นเกณฑ์การตัดสินใจในการเข้ามาลงทุน และเมื่อมีธุรกิจเข้ามาลงทุนเป็นจำนวนมาก ย่อมส่งผลต่อการจ้างงาน และการมีรายได้ของคนในประเทศ ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นตามมมา
“แน่นอนว่าอนาคตข้างหน้า ไม่ใช่ของง่ายที่จะพัฒนาให้มันดีขึ้นอย่างฮวบอาบ เพราะว่าทุกปัจจัยในขณะนี้ กำลังไปสู่จุดที่เรียกว่า “เกือบเต็ม” มันเหมือนเราเป็นนักเรียนเกรด A กระนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยที่เราสามารถพัฒนาและต่อยอดได้เช่น ในเรื่องของการค้าระหว่างประเทศ แม้ที่ผ่านมา เราได้ทำกันไปเยอะแล้ว แต่ในบางครั้งอาจยังสื่อได้ไม่ชัดเจน โดยเฉพาะการกรอบแบบฟอร์มสอบถามจากผู้ประกอบการ ขณะที่ธนาคารโลกเอง ก็ยังไม่เข้าใจอย่างเต็มที่ในสิ่งที่เราได้ทำมา แต่ผมก็มั่นใจว่าทีมงานของ กพร.ที่จะเข้ามาเก็บฐานข้อมูลนับแต่ต้นปีหน้า จะทำให้เรากลายเป็น 1 ใน 20 ของอันดับ Doing Business” รองนายกฯ สมคิด ระบุ
ทั้งนี้หากรัฐบาลไทยทำได้ถึงขณะนี้ จำเป็นที่เราจะต้องทำให้คนไทยได้รับรู้ว่า Doing Business มันสำคัญอย่างไรบ้าง เพราะการมีอันดับที่ดีใน Doing Business ย่อมส่งผลต่อความเชื่อมั่นและการตัดสินใจจะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย ดังนั้น จำเป็นที่ทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน จะต้องร่วมแรงร่วมใจสร้างอันดับที่ดีใน Doing Business เพื่อดึงดูนักลงทุนต่างประเทศ โดยเฉพาะธุรกิจใหม่ๆ ทำให้พวกเขาเข้ามาลงทุนได้ง่าย ไม่มีเงื่อนและอุปสรรคต่อการลงทุน แม้สิ่งนี้จะทำให้เกิดขึ้นได้ไม่ง่าย แต่เป็นสิ่งจำเป็นที่เราจะต้องทำร่วมกัน
ถึงตรงนี้ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เชื่อมั่นว่า...สังคมไทยส่วนใหญ่คงไม่รู้และไม่เข้าใจว่า Doing Business คืออะไร? และมีความสำคัญเพียงไหน? หากไม่มีสิ่งนี้แล้ว...ประเทศไทย เศรษฐกิจไทย ธุรกิจไทย และคนไทยเอง จะเป็นอย่างไร?
จำเป็นเหลือเกินที่รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้ที่นั่งถ่างขา ควบทั้งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม แถมยังพ่วงตำแหน่งเป็น “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” เสียอีก จะต้องเร่งประชาสัมพันธ์อย่างเร่งด่วน! ต่อสร้างการรับรู้ไปถึงคนไทย สังคมไทย สังคมธุรกิจ-เศรษฐกิจ และสังคมโลก
อย่าได้ปล่อยความหวังและโอกาสต่อการจะดึงเงินทุนและนักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอีกเลย ยิ่งเรามี...ระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) รองรับนักลงทุนต่างชาติด้วยแล้ว ยิ่งต้องรีบเลย
เหล็กมันร้อนได้ขนาดนี้ (หาก) ไม่รีบตี ก็ ”เบิ๊ดคำสอนเว้า=ไม่มีคำที่จะพูดแล้ว”!!!