“ม่วนซื่น” หลังคณะ คปภ.ไทย ยกทีมเยือน สปป.ลาว ก่อนตบเท้าเข้าพบบิ๊กหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของเพื่อนบ้าน ประกาศพร้อมเดินหน้ายกระดับความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน หวังทำหน้าที่เป็นฟันเฟืองเพิ่มศักยภาพนำระบบประกันภัยช่วยเหลือประชาชนทุกระดับ
อีกภารกิจสำคัญของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ที่ไม่เพียงจะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย หากยังเป็นการเติมเต็มและเพิ่มโอกาสที่ดีให้กับธุรกิจประกันภัยของไทยในสายตาของประเทศเพื่อนบ้าน
สิ่งนี้ เกิดขึ้นหลังจาก ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คปภ. นำทีมคณะผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ คปภ. ได้เดินทางเข้าพบและร่วมประชุมหารือแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านประกันภัย กับหน่วยงานที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยคณะผู้บริหารของ คปภ. จากประเทศไทย ได้มีโอกาสเข้าพบและร่วมปรึกษาในภารกิจด้านการกำกับดูแลประกันภัยกับ Mr. Sonephet Inthavong, Deputy Director General State-Owned Enterprise Management and Development, and Insurance Department, Ministry of Finance ASEAN Insurance Regulator Meeting) พร้อมด้วยคณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากหน่วยงานดังกล่าว ซึ่งมีหน้าที่ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของ สปป.ลาว
ดร.สุทธิพล กล่าวว่า เพื่อประสานความร่วมมือระหว่างทั้งสองหน่วยงาน และยกระดับมาตรฐานการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของทั้งสองประเทศให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งความช่วยเหลือทางด้านวิชาการ พร้อมทั้งหารือทวิภาคีระหว่างกันในการเตรียมการประชุมประจำปีของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยในภูมิภาคอาเซียน ณ ประเทศเมียนมา ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
สำหรับการหารือในครั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของ สปป.ลาว ได้นำเสนอภาพรวมการเติบโต ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย ทำให้เห็นได้ว่าตลาดประกันภัยของ สปป.ลาวมีศักยภาพและโอกาสในการเติบโตสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจประกันชีวิตที่มีอัตราการเติบโตอย่างก้าวกระโดด นับตั้งแต่ปี 59 เป็นต้นมา อันเนื่องมาจากประชาชนมีความรู้ความเข้าใจและสนใจการทำประกันชีวิตมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทประกันภัยของไทยหลายแห่งได้เข้าร่วมลงทุนในธุรกิจประกันภัยของ สปป.ลาว และมีบทบาทอย่างมากในการถ่ายทอดเทคโนโลยี การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัย ความรู้ประกันภัยต่างๆ รวมทั้งยกระดับมาตรฐานในการดำเนินธุรกิจประกันภัยใน สปป.ลาว รวมทั้งบริษัทร่วมทุนระหว่างไทยและ สปป.ลาว ถือได้ว่าเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีส่วนแบ่งตลาดสำคัญในตลาดประกันภัยของ สปป.ลาว
ดร.สุทธิพล ยังกล่าวอีกว่า นับตั้งแต่ลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MoU) ระหว่างหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยของ 2 ประเทศ เมื่อปี 2559 หลังจากนั้น ได้มีการประสานความร่วมมือกันอย่างดียิ่งมาโดยตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการให้ความช่วยเหลือด้านวิชาการต่างๆ อาทิ มาตรฐานการกำกับดูแลความมั่นคงทางการเงินและการกำกับพฤติกรรมทางการตลาดของธุรกิจประกันภัย การพัฒนาบุคลากร รวมถึงความร่วมมือในการประกันภัยรถภาคบังคับสำหรับรถผ่านแดน ซึ่งในปัจจุบันได้มีการแก้ไขกฎหมายแม่บทด้านการประกันภัยของ สปป.ลาว ส่งผลให้ต้องมีการยกระดับมาตรฐานและหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลธุรกิจประกันภัยครั้งใหญ่ อาทิ การแยกใบอนุญาตการประกอบธุรกิจประกันชีวิตและธุรกิจประกันวินาศภัยออกจากกัน รวมถึงการพัฒนาบุคลากรด้านคณิตศาสตร์ประกันภัย และบุคลากรที่มีความรู้ด้านการประกันภัย เพื่อรองรับการพัฒนาธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเตรียมดำเนินการ
ด้าน Mr. Sonephet Inthavong ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณ สำนักงาน คปภ. ที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนอย่างดียิ่ง ทั้งการช่วยเหลือทางด้านวิชาการ ถ่ายทอดบทเรียนจากประสบการณ์ ให้คำปรึกษาหารือที่ดีในการพัฒนาระบบประกันภัย ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างยิ่งต่อ สปป.ลาว ในการนำไปประยุกต์ใช้ รวมถึงการสนับสนุนซึ่งกันและกันในระดับภูมิภาคและนานาชาติ การหารือร่วมกันในครั้งนี้ ถือเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นอกจากนี้การร่วมมือเพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยรายย่อย จะก่อให้เกิดประโยชน์อย่างมากต่อธุรกิจประกันภัย และประชาชนของ สปป.ลาว ให้เข้าถึงและได้รับความคุ้มครองจากการประกันภัย
ในการหารือครั้งนี้คณะกรรมการ คปภ. ได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับข้อมูลการเติบโตของธุรกิจประกันภัยใน สปป. ลาว การร่วมมือในการช่วยเหลือเพื่อพัฒนาธุรกิจประกันภัยระหว่างกัน และแนวทางในการส่งเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจเพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและประโยชน์ของการประกันภัย ตลอดจนการกำกับดูแลคนกลางประกันภัย ทั้งในส่วนของตัวแทนประกันภัย นายหน้าประกันภัย เพื่อป้องกันการฉ้อฉล
“สำนักงาน คปภ. และหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย สปป.ลาว มีความสัมพันธ์และความร่วมมือที่ดียิ่งตลอดมา ในปี 2563 จึงมีโครงการให้ทุนการศึกษาวิจัยแก่บุคลากรรุ่นใหม่ของหน่วยงานกำกับดูแลธุรกิจประกันภัย สปป.ลาว เพื่อให้มา training ที่สำนักงาน คปภ. พร้อมกับจัดทำรายงานศึกษาวิจัยในหัวข้อต่างๆ ที่น่าสนใจ เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ร่วมกันในการพัฒนาและส่งเสริมธุรกิจประกันภัยของทั้งสองประเทศ ทั้งนี้ ความร่วมมือและการให้การสนับสนุนช่วยเหลือระหว่างกันนี้ จะเป็นฟันเฟืองเพิ่มศักยภาพนำระบบประกันภัยไปช่วยเหลือประชาชนในทุกระดับต่อไป” เลขาธิการ คปภ.ย้ำสรุป