ทันที่ที่ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ ภาค 1 มีคำสั่งให้รับฟ้องคดีที่นายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุทธยา อดีตผู้บริหาร บริษัท ปตท.กรีนเอ็นเนอร์ยี จำกัด (PTTGE) ที่เป็นโจทย์ยื่นฟ้องผู้บริหาร PTTGE กับพวกอีก 4 คน ที่เป็นเจ้าหน้าที่สำนักงานคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไว้พิจารณา เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2562 เป็นคดีหมายเลขดำที่ อท.1/2562
หลังจากศาลได้ตรวจสอบเอกสารที่เกี่ยวข้องมาร่วมปีนั้น แม้ล่าสุดนายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. จะออกโรงยืนยันว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. คนใดเข้าไปเกี่ยวข้องกับการสร้างหลักฐานหรือบิดเบือนสำนวนการสอบสวน และการรับคดีไว้พิจารณาของศาลทุจริตฯ ก็เป็นเพียงขั้นตอนด้านธุรการเท่านั้น
พร้อมยืนยันการเดินทางไปสอบพยานบุคคลที่เกี่ยวข้องกับคดีปาล์มอินโดฯ ของกรรมการและเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. นั้น ได้ดำเนินไปตามกฎหมายโดยดำเนินงานร่วมกับสำนักงานอัยการสูงสุด และมีการประสานผ่านหน่วยงานต่อต้านการทุจริตของอินโดนีเซียและการสอบสวนนั้นเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. และสำนักงานอัยการสูงสุดที่เข้าร่วมเป็นเพียงสังเกตการณ์เท่านั้น
แต่คำสั่งของศาลอาญาคดีทุจริตฯ ที่ให้รับคดีไว้พิจารณาดังกล่าว ปฏิเสธไม่ได้ว่า มันชี้ให้เห็นถึง "เงื่อนงำ" บางประการของคดีนี้ที่ "ไม่ปกติ" จนทำให้ศาลต้องออกโรงไต่สวนคดีด้วยตนเองแทนที่จะรอผลไต่สวนจาก ป.ป.ช. หรืออัยการ
ก่อให้เกิดคำถามย้อนแย้งไปถึงกระบวนการไต่สวนคดีปาล์มอินโดฯ มูลต่ากว่า 20,000 ล้าน ของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนตั้งแต่ปี 2556 เหตุใดจนป่านนี้ยังคงย่ำกับที่ และเต็มไปด้วยความล่าช้า และยังคงสอบย้ำอยู่แต่ประเด็นที่อดีตผู้บริหารพีทีทีจีอีถูกกล่าวหาว่า กระทำทุจริต จนเป็นเหตุให้รัฐและบริษัท ปตท. เสียหาย
ในขณะที่อีกคดีที่อดีตผู้บริหารบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) ที่ถูกกล่าวหาว่า เป็นตัวการสำคัญที่ทำให้โครงการปาล์มอินโดฯเสียหายด้วยนั้น กลับ "หายเข้ากลีบเมฆ" ซ้ำร้ายอดีตผู้บริหาร ปตท. ที่ว่ายังได้ดิบได้ดี ได้รับแต่งตั้งให้เป็น รมต. ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา รัฐบาลที่ป่าวประกาศจะไม่ยอมให้คนทุจริตคอร์รัปชั่นมีที่ยืนใจสังคม ทั้งล่าสุดยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้วยอีก!
หลายฝ่ายได้แต่ตั้งตารอคอยบทสรุปแห่งมหากาพย์ปาล์มอินโดฯ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านนี้ จะลงเอยอย่างไร?
จะถูกตัดตอนหา "แพะบูชายัญ" ดั่งที่หนึ่งในจำเลยคดีนี้ลุกขึ้นมาฟัอนเงี้ยวร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ จนศาลต้องสั่งไต่สวนมูลฟ้องคดีเอง หรือจะหายเข้ากลีบเมฆเฉกเช่นอีกหลายดีที่องค์กรอิสระแห่งนี้ดำเนินการ!
ย้อนรอย... มหากาพย์ปาล์มอินโดฯ
โครงการปลูกปาล์มน้ำมันที่ประเทศอินโดนีเซียของ ปตท. นั้น สังคมรับรู้แต่เพียงว่า ดำเนินการโดย บริษัท พีทีทีกรีน เอเนอร์ยี่ (PTTGE) ในเครือบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เท่านั้น
แต่ข้อเท็จจริง ปตท. ริเริ่มศึกษาโครงการมาตั้งแต่ปี 2549 ในยุคที่ "ประเสริฐ บุญสัมพันธ์" นั่งหัวเรือใหญ่ ด้วยเล็งเห็นว่า ธุรกิจน้ำมันของ ปตท. เริ่มจะไม่สดใส จำเป็นต้องแสวงหาแหล่งรายได้จากพลังงานชนิดอื่นเข้ามา ก่อนจะมาลงเอยที่โครงการ ”ปาล์มอินโดฯ”
โดยคณะกรรมการ (บอร์ด) ปตท.ได้อนุมติหลักการให้ ปตท. พิจารณาเข้าลงทุนในธุรกิจปาล์มและผลิตน้ำมันปาล์มดิบในประเทศอินโดนีเซีย ในการประชุมบอร์ด ปตท.ครั้งที่ 11/2549 วันที่ 30 พฤศจิกายน 2549 ในบริษัทเป้าหมาย 5 แห่ง ประกอบด้วย โครงการ PT.Az Zhara , PT.MAR Pontianak, PT.MAR Banyausin, PT.FBP และ PT.KPI
ต่อมาบอร์ด ปตท.ได้ดึงนายนิพิฐ อิศรางกูร ณ อยุธยา รองกรรมการผู้จัดดารใหญ่ ปตท.สผ. มาปฏิบัติงานสมทบในตำแหน่งผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท. (มติบอร์ด ปตท. เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 2550) ก่อนที่อีกสัปดาห์ต่อมา บอร์ด ปตท. จะเห็นชอบให้จัดตั้ง Holding Company เพื่อลงทุนในธุรกิจดังกล่าว โดย เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. 2550 ปตท. มีคำสั่งตั้งโครงการพัฒนาธุรกิจปาล์มน้ำมัน พร้อมแต่งตั้ง นายนิพิฐ เป็น ผอ.โครงการ สังกัดรองกรรมการผู้จัดการใหญ่การเงินและบัญชีองค์กร รวมทั้งเห็นชอบการตั้งบริษัท PTT.GE Singapore เป็น Holding Company ที่มี ปตท. ถือหุ้น 100% เมื่อวันที่ 14 ก.ย. 2550
บอร์ด ปตท.สั่งลุยเต็มสูบ!
ก่อนที่ ปตท. จะเริ่มต้นลงทุนในโครงการ PT.Az Zhara และ PT.MAR Pontianak โดยเมื่อวันที่ 25 พ.ย. 2550 บอร์ด ปตท. ให้ความเห็นชอบดำเนินการลงทุนใน PT.Az Zhara และ PT.MAR Pontianak โดยอ้างข้อมูลที่ JP Morgan (บริษัทประเมินหลักทรัพย์และธุรกิจระดับโลก) วิเคราะห์เอาไว้ว่าราคาหุ้นของทั้งสองโครงการสูงกว่าราคาที่ ปตท. จะลงทุน
ปลายปี 2550 โครงการ PT.MAR Bonyuasin เริ่มเดินเครื่อง โดยบอร์ด ปตท. ได้อนุมัติกรอบลงทุนในพื้นที่ไม่เกิน 500,000 เฮกตาร์ (3 ล้านไร่) ในเวลา 5 ปี กำหนดราคาการใช้สิทธิบนที่ดินเปล่า (Greenfield) ไม่เกิน 600 เหรียญสหรัฐฯ/เฮกตาร์ และอนุมัติให้ซื้อหุ้น PT.SHS (คือ PT.MAR Banyuasin) วงเงิน 21.5 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
ต่อมาเมื่อวันที่ 21 มี.ค. 2551 บอร์ด ปตท.ได้อนุมัติซื้อสินทรัพย์ PT.SHS (คือ PT.MAR Banyuasin) และอนุมัติเงินพัฒนาโครงการอีก 44 ล้านเหรียญในระยะเวลา 7 ปี รวมทั้งอนุมัติหลักเกณฑ์การลงทุน และเงินลงทุนอีกจำนวน 315 ล้านเหรียญสหรัฐฯสำหรับซื้อสิทธิบนที่ดินเปล่า 3-3.5 แสนเฮกตาร์ ที่ราคาไม่เกิน 900 เหรียญสหรัฐฯ/เฮกตาร์ ทั้งยังเห็นชอบเข้าลงทุนในโครงการ PT.MAR Banyuasin เพิ่มเติมเป็น 70% วงเงิน 86.94 ล้านเหรียญสหรัฐฯเมื่อวันที่ 21 พ.ย. 2551 ด้วย
ก่อนที่ บอร์ด ปตท. จะอนุมัติกรอบการขยายบริเวณเพาะปลูกและพัฒนาโครงการส่วนขยายของ PT.Az Zhara (โครงการ PT.KPI) และโครงการอื่นๆ ในอินโดนีเซียอีกไม่เกิน 2 แสนเฮกตาร์ เมื่อต้นปี 2555
“การลงทุนในโครงการต่างๆ ของ PTT.GE ข้างต้นนั้น ไม่ได้เป็นการตัดสินใจลงทุนของคนๆ เดียว แต่กระทำในรูปของบริษัทและทุกอย่างได้ดำเนินไปตามกรอบที่บอร์ด ปตท. ได้อนุมัติหลักการวางกรอบเอาไว้ แต่เหตุใดทั้ง ปตท. ที่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นสอบสวนในภายหลัง และ ป.ป.ช. กลับตัดตอนให้ผมรับผิดคนเดียว" นิพิฐ อิศรางกูรฯ ให้สัมภาษณ์สำนักงานเนตรทิพย์ออนไลน์ ภายหลังจากที่ศาลอาญาคดีทุจริตฯ มีคำสั่งให้รับฟ้องคดีดังกล่าวไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวน
ส่วนที่ว่าการดำเนินโครงการปาล์มอินโดฯ มูลค่ากว่า 20,000 ล้านบาทดังกล่าว เต็มไปด้วยการทุจริต มีการจัดหาที่ดินไร้เอกสารสิทธิ์ และมี ”นายหน้า” เข้ามาเกี่ยวข้องจนนำมาซึ่งการที่ ปตท. ต้องสั่งถอนทัพลงทุนและขายกิจการทั้งหมดออกไปนั้น
“เนตรทิพย์ออนไลน์”จะคลี่ปมเขื่องเหล่านี้ต่อไป
ติดตาม ลับ ลวง พราง มหากาพย์ "ปาล์มอินโดฯ" (2) เมื่อ ”แพะ” ปาล์มอินโดฯ ถอดสายน้ำเกลือฮึดสู้ เมื่อบรรษัทภิบาล ปตท. ซุกปัญหาใต้พรหมกับช้างตายทั้งตัว เอาใบบัวปิดไม่มิด!
...