วงการสื่อสารเตือน “ดีอีเอส” ดั้นเมฆให้ “แคท-ทีโอที” ลุยกำถั่วประมูล 5จี อาจทำมาสเตอร์แพลน 5จี ปั่นป่วน-บิดเบือนตลาด ชี้บทเรียนในอดีต กสทช. ปล่อยบริษัทสื่อสารเข้ามาป่วนประมูลกอดคลื่นเกือบพังมาหนแล้ว แนะรัฐไปเคลียร์หน้าเสื่อ เน็ตประชารัฐ-เน็ตชายขอบให้ประชาชนได้ใช้ฟรีให้ได้ก่อน
หลังจากนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (ดีอีเอส) ออกมาจุดพลุจะให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) และบริษัท กสท โทรคมนาคม จำกัด (มหาชน) หรือแคท เทเลคอม เข้าร่วมประมูล 5จี ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) จะจัดประมูลในวันที่ 16 ก.พ.63 นั้น แหล่งข่าวในวงการโทรคมนาคม เปิดเผยว่า 3 ค่ายมือถือต่างแสดงความไม่เห็นด้วยกับจุดยืนของกระทรวงดีอีเอสข้างต้น เพราะเกรงว่าจะทำให้เกิดการบิดเบือนตลาด
ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณคลื่นหลัก 5จี คือ คลื่น 2600 เมกะเฮิร์ตซ์ (MHz) ที่จะนำออกมาประมูล 19 ใบอนุญาตๆ ละ 10 เมกะเฮิร์ตซ์นั้น มีจำนวนเพียง 190 MHz เท่านั้น หากมีการแข่งขันจนทำให้เกิดการบิดเบือนด้านราคาจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนและขยายเครือข่าย 5จี ตามมาอย่างแน่นอน และแม้ทีโอทีและแคท จะประมูลได้ไปก็จะเกิดปัญหาการนำคลื่นไปให้บริการ เนื่องจาก 2 หน่วยงานดังกล่าวมีศักยภาพในการลงทุนไม่เพียงพอ จะก่อให้เกิดการถือครองคลื่นที่ยังความสูญเสียต่อโอกาสในการพัฒนา 5จีตามมา
“ลำพังการประมูลคลื่นหลายย่านความถี่ ก็ทำให้บริษัทสื่อสารที่จะเข้าร่วมประมูลพากันถอดใจ เพราะเกินกำลังที่จะประมูลได้พร้อมกันอยู่แล้ว หากปล่อยให้หน่วยงานรัฐเข้ามาป่วนการประมูลในบางคลื่นอีก จะยิ่งทำให้การถือครองคลื่นที่จะส่งผลต่อการลงทุนและพัฒนา 5 จีเกิดปัญหาตามมา เพราะหากทีโอทีและแคทประมูลได้คลื่นไปเพียงบางคลื่น ก็จะเกิดปัญหาต่อผู้ประกอบการโทรคมนาคมอื่น ๆ ในขณะที่สองหน่วยงานดังกล่าวมีข้อจำกัดในการลงทุน ผลเสียจะเกิดกับการพัฒนา 5จีในภาพรวมตามมาอย่างแน่นอน”
แหล่งข่าวกล่าวว่า ก่อนหน้านี้เมื่อปลายปี 2558 กสทช.ก็เคยมีบทเรียน กรณีปล่อยให้บริษัทสื่อสารหน้าใหม่เข้ามาป่วนการประมูล 4จี บนคลื่น 900 MHz และมีการเคาะราคาค่าคลื่นไปติดยอดดอยกว่า 75,600 ล้านบาท ก่อนทิ้งใบอนุญาตไปและสุดท้ายเมื่อบริษัทสื่อสารรายอื่นต้องเข้ามาแบกรับคลื่นดังกล่าวก็ต้องไปขอให้รัฐบาล คสช.ใช้อำนาจพิเศษผ่อนปรนเงื่อนไขการจ่ายค่าธรรมเนียมใบอนุญาตและเงื่อนไขอื่นๆ ตามมา หากครั้งนี้ กสทช.ปล่อยให้ทีโอทีและแคทเทเลคอมเข้ามาป่วนการประมูลอีก ก็จะเกิดปัญหาในลักษณะเดียวกันตามมา สุดท้ายเส้นทางการพัฒนา 5จีของประเทศอาจล้มเหลว ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่รัฐตั้งไว้ ซึ่งจะโทษใครไม่ได้ นอกจากรัฐเองที่ปล่อยให้เป็นแบบนี้
แหล่งข่าวยังกล่าวด้วยว่า กระทรวงดีอีเอส และ กสทช.น่าจะหวนกลับไปเคลียร์ปัญหาเน็ตประชารัฐ และเน็ตชายขอบของทีโอที และดีอีเอส ที่ได้รับงบมาจากรัฐบาลเป็นหมื่นล้านก่อนหน้านี้ ขณะนี้สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายหรือไม่ โดยเฉพาะกรณีเน็ตชายขอบของ กสทช. ที่ไปให้บริษัททีโอทีดำเนินการติดตั้ง 2 พื้นที่ วงเงินกว่า 1,300 ล้านบาทนั้น จนถึงขณะนี้ยังไม่แล้วเสร็จและไม่สามารถส่งมอบได้ตามกำหนด จนทำให้โครงการเน็ตชายขอบล้มเหลวไม่สามารถให้บริการประชาชนได้
“ล่าสุด นัยว่า กสทช.ต้องแก้ลำด้วยการเตรียมแก้ปัญหาเฉพาะหน้าในการเปิดให้บริการในพื้นที่ที่ติดตั้งได้แล้วเสร็จไปก่อน ส่วนประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้ลงทะเบียนใช้งานเน็ตประชารัฐ 200 บาทต่อเดือน กว่า 70,000 ครัวเรือนนั้น ก็คงต้องรอให้โครงการแล้วเสร็จทั้งหมดก่อน ซึ่งไม่รู้จะต้องรอไปถึง พ.ศ.ไหน เพราะ กสทช.เองก็ยังเคลียร์หน้าเสื่อปัญหาดังกล่าวไม่แล้วเสร็จ และแม้จะประสานให้ดีอีเอส เข้ามาร่วมแก้ไขปัญหาให้ก็ยังไม่คืบหน้า”
นายจักรกฤษณ์ อุไรรัตน์ รองผู้อำนวยการด้านรัฐกิจสัมพันธ์ บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยที่แคทและทีโอที จะเข้าร่วมประมูล 5จี เนื่องจากปริมาณคลื่น 2600 เมกะเฮิรตซ์ มีจำนวนเพียง 190 เมกะเฮิรตซ์เท่านั้น เกรงว่าจะมีการเคาะราคาแข่งขันกันมากจนราคาคลื่นแพงเกินไป ขณะที่ นายวีรวัฒน์ เกียรติพงษ์ถาวร หัวหน้าคณะผู้บริหารด้านธุรกิจสัมพันธ์และองค์กรเอไอเอส กล่าวว่า ที่ผ่านมาพิสูจน์ได้ว่าทีโอทีและแคท ไม่สามารถดำเนินธุรกิจได้ สุดท้ายก็จะนำคลื่นไปให้เอกชนอีกทอดหนึ่ง ขณะที่ปริมาณคลื่นก็มีอย่างจำกัด