คปภ. มอบของขวัญปีใหม่พิเศษ 3 ชิ้นใหญ่ ให้คนไทยอุ่นใจด้วย “ประกันภัย 7 บาทพลัส” เพิ่มความคุ้มครองประกันภัยภาคบังคับและภาคสมัครใจรวมเป็น 1 ล้านบาท ผนึกภาคอุตสาหกรรมประกันภัยรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ พร้อมให้ความช่วยเหลือด้านประกันภัยอย่างครบวงจร ผ่านสายด่วน คปภ. 1186 Hotline 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันอันตราย
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า ดร.สุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) กล่าวว่า สำนักงาน คปภ. ร่วมกับภาครัฐและเอกชน รวมถึงภาคอุตสาหกรรมประกันภัย จัด “โครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ ประจำปี 2563” พร้อมเปิดตัวกรมธรรม์ประกันภัย อุ่นใจปีใหม่พลัส (ประกันภัยกลุ่ม ไมโครอินชัวรันส์) เนื่องจากช่วงวันหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ มักจะเกิดอุบัติเหตุการณ์ต่อชีวิตและทรัพย์สินสูงกว่าช่วงเวลาปกติ โดยเฉพาะช่วงเข้มข้น 7 วันอันตราย ระหว่างวันศุกร์ที่ 27 ธันวาคม 2562 - วันพฤหัสบดีที่ 2 มกราคม 2563
สำหรับโครงการรณรงค์ความปลอดภัยทางถนนฯ ได้มอบหมวกนิรภัยแก่เด็กนักเรียน และ “พี่วิน” จักรยานยนต์รับจ้างในเขตกรุงเทพฯ รวมทั้งให้ความรู้ด้านประกันภัยผ่านบูธนิทรรศการต่างๆ การให้ความรู้ด้านประกันภัยผ่านสารคดีสั้นและคลิปวิดีโอสั้น ตลอดจนประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสื่อออนไลน์ เพื่อกระตุ้นจิตสำนึกของผู้ใช้รถใช้ถนน ทั้งผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้ตระหนักถึงความปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการตรวจเช็ค เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่องและหลอดไฟรถจักรยานยนต์ฟรี
ดร.สุทฺธิพล กล่าวอีกว่า ส่วนการเตรียมความพร้อมเพื่ออำนวยความสะดวกด้านประกันภัยในช่วงเทศกาลปีใหม่ สำนักงาน คปภ. ได้เปิดศูนย์บริการสายด่วน คปภ. 1186 อย่างครบวงจร ให้บริการ Hotline 24 ชั่วโมง ตลอด 7 วันอันตราย รวมทั้งให้รายงานข้อมูลกรณีอุบัติภัยกลุ่มหรือรายใหญ่ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ในรูปแบบ Platform ทั้งบริษัทประกันวินาศภัย บริษัทประกันชีวิต และสำนักงาน คปภ. ทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค เพื่อกำกับและติดตามการจ่ายค่าสินไหมทดแทนให้แก่ประชาชนผู้เอาประกันภัย ผู้รับประโยชน์ และผู้เสียหายตามกรมธรรม์ประกันภัยที่รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ได้สั่งการให้ ผอ.สำนักงาน คปภ. ภาค ทุกภาค และสำนักงาน คปภ. จังหวัดทุกจังหวัด เข้าร่วมบูรณาการกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัย และศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนระดับจังหวัดที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานศูนย์ประจำจังหวัด ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัด หน่วยงานสังกัดกระทรวงมหาดไทย กระทรวงคมนาคม ฯลฯ เพื่อรณรงค์การขับขี่ปลอดภัยทางถนนในส่วนภูมิภาคทั่วประเทศ รวมทั้งดำเนินการเกี่ยวกับมาตรการด้านประกันภัยเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากรถให้ได้รับการช่วยเหลือเยียวยาอย่างทันท่วงที รวดเร็ว ถูกต้อง และเป็นธรรม
เลขาธิการ คปภ. กล่าวด้วยว่า ยังได้ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมประกันภัยและพันธมิตรที่เป็นผู้ประกอบการสินค้าอุปโภค บริโภค บริการ และกิจการโทรคมนาคมกว่า 20 บริษัท ร่วมกันส่งมอบความสุขและสร้างความอบอุ่นใจในการเดินทางให้กับพี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ ด้วยการมอบของขวัญพิเศษ 3 ชิ้นใหญ่ และถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ ส่งท้ายปี 2562
ชิ้นแรก เป็นกรมธรรม์ประกันภัยที่มีราคาถูกที่สุดในโลก แต่ให้ความคุ้มครองแบบคุณภาพคับแก้ว คือ กรมธรรม์ประกันภัยอุ่นใจปีใหม่พลัส (ประกันภัยกลุ่ม ไมโครอินชัวรันส์) หรือ กรมธรรม์ประกันภัย 7 บาทพลัส โดยจ่ายเบี้ยประกันภัยเพียงแค่ 7 บาท จะได้รับความคุ้มครอง 4 กรณี คือ
กรณีแรก การเสียชีวิต สูญเสียมือ เท้า สูญเสียสายตา หรือทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิงเนื่องจากอุบัติเหตุไม่รวมการถูกฆาตกรรม ลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 100,000 บาท
กรณีที่สอง การเสียชีวิต สูญเสียมือ เท้า สูญเสียสายตา หรือ ทุพพลภาพถาวรสิ้นเชิง จากการถูกฆาตกรรม ลอบทำร้ายร่างกาย และ/หรือ อุบัติเหตุ ขณะขับขี่หรือโดยสารรถจักรยานยนต์ จะได้รับความคุ้มครอง 50,000 บาท
กรณีที่สาม ค่าใช้จ่ายในการจัดการงานศพกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วย (ยกเว้นกรณีเสียชีวิตจากการเจ็บป่วยภายใน 15 วันแรก นับจากวันเริ่มต้นระยะเวลาประกันภัย) จะได้รับความคุ้มครอง 5,000 บาท
และกรณีที่ 4 ผลประโยชน์ค่าชดเชยรายได้ระหว่างการเข้ารักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน กรณีได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ วันละ 150 บาท (สูงสุดไม่เกิน 30 วัน)
ทั้งนี้ เนื่องจากประกันภัย 7 บาทพลัส เป็นกรมธรรม์แบบกลุ่ม จึงกำหนดเงื่อนไขผู้ที่สามารถซื้อได้ คือ ผู้ประกอบการซื้อเพื่อมอบความคุ้มครองแก่พนักงาน ลูกจ้าง ลูกค้า หรือถ้าเป็นบุคคลทั่วไปสามารถรวมตัวเป็นกลุ่ม ก็สามารถซื้อได้เช่นกัน สำหรับบุคคลทั่วไปรายเดียวสามารถซื้อได้ที่ธนาคารออมสิน และ Shopee ออนไลน์ โดยเริ่มจำหน่ายแล้วตั้งแต่วันที่ 15 ธันวาคม 2562 ถึงวันที่ 31 มกราคม 2562 ผู้มีสิทธิเอาประกันภัยต้องมีอายุตั้งแต่ 20-70 ปีบริบูรณ์ สำหรับระยะเวลาการคุ้มครองจำนวน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่ทำประกันภัย
ชิ้นที่ 2 เป็นการปรับปรุงและเพิ่มความคุ้มครองประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจ โดยมีประเด็นสำคัญ 2 ประเด็น คือ ประเด็นแรก การปรับปรุงกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ภาคบังคับและภาคสมัครใจทั้งระบบ รวมถึงคู่มือตีความกรมธรรม์ ให้มีความทันสมัยและลดข้อขัดแย้ง ซึ่งจะมีผลบังคับ 1 มกราคม 2563
ประเด็นที่สอง คือ การเพิ่มความคุ้มครอง โดยเฉพาะกรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าสินไหมทดแทนรวมทั้งสองประเภทเดิมไม่ต่ำกว่า 6 แสนบาท เป็นรวมไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท กล่าวคือ การประกันภัยภาคบังคับกรณีเสียชีวิต ทุพพลภาพ จากเดิม 3 แสน เพิ่มเป็น 5 แสนบาท สูญเสียอวัยวะจากเดิม 2 – 3 แสนบาท เป็น 2 – 5 แสนบาท และกรณีที่ต้องใช้กะโหลกศีรษะเทียมให้ถือว่าเป็นการสูญเสียอวัยวะอื่นใดให้ได้รับความคุ้มครองเป็นค่าเสียหายเบื้องต้นจำนวน 35,000 บาท และมีความคุ้มครองสูงสุดที่ 250,000 บาท
ส่วนการประกันภัยรถยนต์ภาคสมัครใจค่าสินไหมทดแทนขั้นต่ำเป็นจากเดิม 3 แสน เพิ่มเป็น 5 แสนบาท โดยถ้ามีจำนวนเอาประกันภัยระหว่าง 5แสน – 2 ล้านบาท หากบุคคลภายนอกเสียชีวิตหรือทุพพลภาพถาวร กรมธรรม์กำหนดให้จ่ายค่าสินไหมทดแทนเป็นจำนวนเงินที่แน่นอนตามจำนวนเงินที่เอาประกันภัย สำหรับในส่วนที่เกิน 2 ล้านบาท กำหนดให้พิจารณาจ่ายตามฐานานุรูป ซึ่งจะมีผลบังคับวันที่ 1 เมษายน 2563 โดยจะมีการลงนามในคำสั่งนายทะเบียนก่อนสิ้นปี 2562 นี้
และชิ้นที่ 3 เป็นประกาศแบบมาตรฐานประกันสุขภาพใหม่ ที่ช่วยเพิ่มความคุ้มครองและกำกับเบี้ยประกันภัยให้ถูกลงและได้รับความเป็นธรรมมากขึ้น
“สำนักงาน คปภ. มีความห่วงใยต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่จะเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่จะถึงนี้ ดังนั้นผู้ใช้รถควรขับขี่รถด้วยความไม่ประมาท เตรียมสภาพร่ายกายและตรวจสภาพรถให้พร้อม และปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ด้วยการขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร และสิ่งสำคัญก่อนการเดินทางขอให้ตรวจสอบกรมธรรม์ประกันภัยและวันหมดอายุของการประกันภัยรถภาคบังคับ (พ.ร.บ.) และขอให้ทุกท่านเดินทางกลับภูมิลำเนาหรือท่องเที่ยวปีใหม่อย่างปลอดภัย ทั้งนี้หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับประกันภัยสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วน คปภ. 1168” เลขาธิการ คปภ. ย้ำ
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม สายด่วน คปภ. 1186 หรือเว็บไซต์ www.oic.or.th หรือ กลุ่มงานสื่อสารองค์กร โทรศัพท์ 02-515-3998-9 ต่อ 8307 โทรสาร 02-513-1437 http://www.facebook.com/PROIC2012