“สงครามการทหาร – สงครามการค้า” ส่งผลลบต่อเศรษฐกิจโลก พ่วงปัจจัยลบในไทย “บาทแข็ง - สินค้าแพง - ค่าแรงถูก – ราคาสินค้าเกษตรกรต่ำ - คนตกงาน – โรงงานปิดตัว” ผสมปัจจัยการเมือง “วิ่งไล่ลุง - อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล” ปรากฏการณ์นี้ คนไทย...ควรปรับตัวอย่างไร?
โลกกลับเข้าสู่บรรยากาศ “อึมครึม” อีกครั้ง หลังจาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีแห่งสหรัฐฯ ลงนามคำสั่งอนุมัติให้กองทัพสหรัฐฯ เปิดปฏิบัติการโจมตีทางอากาศ ด้วยการใช้ “โดรนพิฆาต เอ็มคิว-9 รีปเปอร์” ยิงขีปนาวุธถล่มขบวนรถของนายพล คาเซม สุไลมานี่ ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ (หน่วยรบต่างแดน) สังกัดกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติแห่งอิหร่าน ผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นนายทหารคนสนิทระดับ “มือขวา” ของ “คาเมนี” ผู้นำสูงสุดของอิหร่าน จนบางคนยกย่องให้เป็น “ผู้นำอันดับ 2” จนเสียชีวิตในบริเวณสนามบินกลางกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก เมื่อช่วงเช้าวันศุกร์ที่ 3 มกราคมที่ผ่านมา
ท่ามกลางความหวั่นวิตกที่ว่า เมื่อทางการอิหร่าน “ชักธงแดง” เหนือยอดมัสยิด “ญัมการอน” อันศักดิ์สิทธิ์ เป็นครั้งแรก นั่นเท่ากับประกาศ “สงครามการล้างแค้น” แบบตาต่อตา ฟันต่อฟัน กับสหรัฐฯและประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัปม์ อย่างเป็นทางการ
สิ่งนี้...จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกในมิติต่างๆ มากมายตามมา
“สำนักข่าวเนตรทิพย์” มองเห็นปรากฏการณ์นี้ ไม่ต่างกัน! แน่นอนว่า...ทางการอิหร่าน คงไม่ประกาศสงครามทางการทหารโต้งๆ แน่ ด้วยเหตุผลที่ตัวเอง “ด้อยกว่า” กองทัพสหรัฐฯในทุกมิติ แถมหากสิ่งนี้...เกิดขึ้น! มันคงไม่ไกลไปจากดินแดนของประเทศอิหร่านสักเท่าใด? สู้ปลุกระดม “แนวร่วม” ที่กระจายตัวอยู่ในทั่วทุกมุมโลก แม้กระทั่งในสหรัฐฯ เอง ไม่ดีกว่าหรือ?
ปลุกให้กลุ่มคนที่เคารพรักและเทิดทูล นายพล คาเซม สุไลมานี่ สร้าง...นายพล คาเซม สุไลมานี่ ขึ้นใหม่ เพิ่มจากสิบ เป็นร้อย พัน หมื่น แสน หรืออาจจะหลักล้านคน ขึ้นมา เพื่อปฏิบัติการบางอย่างกับ “ทุกอย่าง” ที่เป็นของ “อเมริกันชน” ไม่ว่าจะในดินแดนส่วนไหนของโลก
ตรงนี้ น่ากลัวกว่า...สงครามทางการทหารมากนัก เพราะไม่รู้ว่า...มันจะเกิดกับใคร? ที่ไหน? เมื่อไหร่? และอย่างไร?
อาจเป็น...ธุรกิจร้านรวงของ “อเมริกันชน” ใกล้บ้านหรือที่ทำงานของคุณและคนที่คุณรักก็เป็นได้!!!
ผลที่เกิดขึ้นตามมา คือ สภาวะความไม่มั่นใจและไม่เชื่อใจในสถานการณ์หลังจากนี้ และนั่นส่งผลทำให้บางอย่างในโลกเศรษฐกิจธุรกิจ...มีค่ามากขึ้น และบางอย่าง...มีค่าต่ำลง
เหล่านี้ เป็นอะไรที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” อยากให้ผู้อ่าน...เกาะติดข้อมูลเพื่อการเตรียมตัวและรับมือกันเสียแต่เนิ่นๆ เพราะไม่แน่ว่า...สภาวะความ “อึมครึม” นี้ จะดำรงอยู่ในโลกนานแค่ไหน?
กลุ่มสินค้าที่มีค่าหรือมีราคาแพงขึ้น...คงไม่พ้น ทองคำ น้ำมัน ฯลฯ
ขณะที่กลุ่มซึ่งน่าจะได้รับผลกระทบเชิงลบ จนราคาตกต่ำ คงจะเป็น...ดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลก ปริมาณการค้าโลก (นำเข้า-ส่งออก) ค่าเงินสกุลต่างๆ อัตราดอกเบี้ย ฯลฯ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่ประเทศไทย...เคยได้รับผลประโยชน์มาตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา
แต่เมื่อโลกเดินเข้าสู่สภาวะ “ไม่มั่นใจ-ไม่เชื่อมั่น” ต่อสถานการณ์ “สงครามไร้รูปแบบ” กับผลประโยชน์ของ “อเมริกันชน” ทั่วโลกแล้ว ยังจะมีใครหน้าไหน...อยากจะเดินทางท่องเที่ยวกันอีก
ไม่เพียงสงคราม “สหรัฐฯ-อิหร่าน” จะขย่มขวัญเศรษฐกิจโลก หากก่อนหน้านี้...โลกก็ประสบกับปัจจัยลบต่างๆ มากมาย โดยเฉพาะสงครามการค้า “สหรัฐฯ-จีน” ที่ลากยาวมานานกว่าปีครึ่ง และยังไม่มีแนวโน้มว่าจะยุติลงแต่อย่างใด?
ดังนั้น โอกาสที่เศรษฐกิจ ซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เคยคาดการณ์เมื่อช่วงปลายปีก่อน ว่า...น่าจะขยายตัวจาก 3.0% ในปี 2562 เพิ่มเป็น 3.4% ในปีนี้...ก็น่าจะห่างไกลความเป็นจริงขึ้นไปอีก
กลับมาที่ประเทศไทย...นอกจากจะได้รับผลกระทบเชิงลบจาก 2 ปัจจัยข้างต้นแล้ว เรายังมีปัจจัยลบอื่นๆ แทรกตัวเป็น “ยาดำ” ทำลายขวัญ...สั่นประสาท คนไทยแฝงอยู่อีกมากมาย
เริ่มจาก...เงินบาทแข็งค่ามากถึง 20% จนบางช่วงหลุด 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ ก็มีให้เห็นมาแล้วในช่วงเวลาสั้นๆ รับเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา สิ่งนี้...กระทบทั่งภาคการส่งออกและการท่องเที่ยวของไทย ซึ่งทั้ง 2 ตัว เคยเป็น “เครื่องจักรสำคัญ” ผันรายได้เข้าสู่ประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ
ตามมาด้วยภาวะการเมือง ซึ่งพบว่า...มีมากกว่า 26 จังหวัดทั่วประเทศ จะจัดกิจกรรม “วิ่งไล่ลุง” ในเช้ามืดวันอาทิตย์ที่ 12 มกราคมนี้ ซึ่ง “ลุง” ในที่นี้ ก็คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะ “หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ” ของรัฐบาล นั่นเอง
จากนั้น...ก็ถึงคิวการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ของ “7 พรรคร่วมฝ่ายค้าน” ในช่วงปลายเดือนมกราคมนี้...
แม้รัฐบาลจะประกาศความมั่นใจว่า...ข้อมูลที่ฝ่ายค้านนำมาใช้ในสภาผู้แทนราษฎรรอบนี้ ไม่น่าจะส่งผลกระทบถึงขั้นทำให้รัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ ต้อง “ล่มสลาย” ด้วยการ “ลาออก” เปลี่ยนตัว “ผู้นำรัฐบาล” หรือแม้แต่จะกดดันให้ นายกรัฐมนตรี จำต้องประกาศ “ยุบสภา” ล้างไพ่ในทางการเมืองกันใหม่
กระนั้น รอยแผลที่ “ฝ่านค้าน” ทำการ “เปิด” เอาไว้ ก็น่าจะทำให้ “ฉลามการเมือง” หลายกลุ่ม...นำไปขยายผลในมิติต่างๆ จนอาจส่งกระทบต่อความเชื่อมั่นในตัว พล.อ.ประยุทธ์ และรัฐบาลชุดนี้
นี่ยังไม่นับรวม...ผลพวงจากภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยก่อนหน้านี้ ซึ่งได้ส่งผลร้ายต่อภาคธุรกิจ-อุตสาหกรรม รวมถึงคนไทยระดับ “ฐานราก” โดยเฉพาะพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศที่มีมากกว่า 40 ล้านคน ที่ต่างก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า
“เงินในกระเป๋าไม่มี แต่ราคาสินค้าและบริการแพงขึ้น” สภาวะนี้...มีอยู่จริงในสังคมไทย และเป็นสิ่งที่คนไทย “สัมผัสได้จริง”
ฉะนั้น...สถานการณ์นี้ ย่อมนำไปสู่ภาวการณ์ “ไร้เสถียรภาพ” ของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ที่ทำการ “ปะผุ” ดึงเอาพรรคการเมืองต่างๆ มาร่วมจัดตั้งรัฐบาล กระทั่ง “ผลจากรอยแผล” ที่พรรคฝ่ายค้าน เปิดเอาในครั้งนี้ อาจทำให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ อยู่ได้ไม่นานนัก
ทั้งๆ ที่ “รัฐบาลประยุทธ์ 2” เพิ่งเข้ามาบริหารประเทศได้เพียง 8 เดือนเศษ และเป็นควรช่วงแห่งการ “ฮันนี่มูน” ทว่า...ความต่อเนื่องจาก “รัฐบาลประยุทธ์ 1” ตลอด 5 ปีเศษ ภายใต้ร่มเงา คสช.นั้น มันไม่ได้ทำให้คนไทย...ให้เวลา “รัฐบาลประยุทธ์ 2” มากสักเท่าใด?
แต่ในทางกลับกับ สิ่งนี้...น่าจะเป็นจุดแตกหัก! เมื่อมี “โรคแทรกซ้อน” จากสภาวะ “สินค้าแพง ค่าแรงถูก ราคาพืชผลทางการเกษตรตกต่ำ คนตกงาน โรงงานแห่ปิดตัว”
อะไรในโลกเศรษฐกิจธุรกิจ...ที่จะมีค่ามากขึ้น และมีค่าต่ำลง เป็นสิ่งที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ส่งสัญญาณบอก เพื่อให้เตรียมตัวและรับมือ กันไปแล้ว.