นับเป็นคดีร้อนข้ามปีต่อกรณีทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ แต่กลับพบว่า มีการดึงเกมให้เกิดความล่าช้าจากผู้สูญเสียผลประโยชน์บางกลุ่ม ซึ่งกลุ่มสมาชิกกว่า 6,000 คน ร่วมกับทนายความกลุ่มธรรมาภิบาล ยังคงตามติด 6 คณะกรรมการที่ร่วมกันทุจริต พร้อมจับตาบิ๊กกรมส่งเสริมสหกรณ์ที่อาจมีส่วนร่วมกระทำผิดในครั้งนี้หรือไม่ โดยเร่งแจ้งความดำเนินคดี เพื่อเข้าสู่กระบวนการฟ้องร้องยึดทรัพย์มาคืนสมาชิกแล้ว
“มนัญญา” ไล่บี้เร่งเอาผิด!
ล่าสุดนั้น นางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางไปตรวจงานที่สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ เพื่อหารือสางปมทุจริต 2.2 พันล้านบาทอย่างเป็นทางการ หลังจากเกิดคดีอื้อฉาวข้ามปีแต่ยังปิดคดีไม่ได้แถมยังส่อแววลุกลามไปถึง 15 สหกรณ์พันธมิตรเงินกู้ โดยได้กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลข้อกฎหมาย พร้อมเร่งเจ้าหน้าที่ตำรวจทำสำนวนส่งอัยการฟ้องคดี
แต่ที่น่าจับตา คือ กรมส่งเสริมสหกรณ์ยันพร้อมรับเรื่องกรณีกลุ่มธรรมาภิบาล แฉบิ๊กข้าราชการร่ำรวยผิดปกติ ซึ่งถูกจับตาว่าเป็นตัวการสำคัญเบื้องหลังปล่อยเงินกู้พิเศษ และส่งซิกว่าใครมีหลักฐานส่งมาได้เลย
โดยความคืบหน้าคดีฉาวในวงการสหกรณ์ประเทศไทยในครั้งนี้ เริ่มขึ้นอีกครั้งเมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2563 เมื่อนางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และทีมงาน ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินการและรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาการทุจริตสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (สอ.สรฟ.) กรณีอดีตผู้บริหารสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด กับพวกรวม 6 ราย ได้ปล่อยเงินกู้ 199 สัญญา วงเงิน 2,200 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกระทำผิดระเบียบสหกรณ์ที่กำหนดให้กู้รายละไม่เกิน 15 ล้านบาท
พร้อมประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ณ ห้องประชุม ชั้น 3 สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ประกอบไปด้วย นายฉกรรจ์ แสงรักษาวงศ์ ที่ปรึกษารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายพิเชษฐ์ วิริยะพาหะ อธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายโอภาส ทองยงค์ อธิบดีกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ นายวิศิษฐ์ ศรีสุวรรณ รองอธิบดีกรมส่งเสริมสหกรณ์ นายประกอบ เผ่าพงศ์ ผู้ตรวจราชการกรมส่งเสริมสหกรณ์ พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ รองผู้กำกับการ (สอบสวน) สถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เจ้าพนักงานสอบสวนในคดีนี้ โดยมีนายสาโรจน์ สุขแสงดาว ประธานกรรมการ สอ.สรฟ. นายสมนึก ทองคำดี รองประธานกรรมการ สอ.สรฟ. นายวิฑูรย์ สรรเสริญ กรรมการ สอ.สรฟ. รวมทั้ง เจ้าหน้าที่จากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กรมส่งเสริมสหกรณ์ และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ เข้าร่วมหารือ
ต่อมานางสาวมนัญญา ไทยเศรษฐ์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมหารือว่า ได้มอบแนวทางให้กรมส่งเสริมสหกรณ์และกรมตรวจบัญชีสหกรณ์ ไปเขียนระเบียบหรือกฎหมายใหม่ เพื่อให้การกำกับดูแลงานสหกรณ์มีความรัดกุมมากกว่านี้ เช่น การกู้หรือฝากต้องมีเพดาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น
ในส่วนปัญหาเกี่ยวกับเรื่องเงินฝากเงินกู้ที่สหกรณ์สโมสรรถไฟ ทำกับสหกรณ์อื่น ๆ จำนวน 15 แห่งนั้นทางสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ได้ทยอยใช้ไปแล้วในส่วนของเงินฝาก ประมาณเกือบ 100 ล้านบาท แต่ในส่วนของเงินกู้นั้นต้องมีการตรวจสอบว่าการกู้ถูกต้องตามระเบียบข้อบังคับหรือไม่อย่างไร ซึ่งสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ได้มีการชะลอชำระหนี้เงินกู้เพื่อตรวจสอบโดยได้ให้ทางสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดมาว่าได้ชำระเงินไปที่ไหนอย่างไร และจะเข้าไปตรวจสอบว่า สหกรณ์นั้น ๆ ได้รับเงินจากสหกรณ์ออมทรัพย์รถไฟ จริงหรือไม่อย่างไร ต้องเป็นข้อมูลที่ตรงกัน ทั้งนี้ สหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟในปัจจุบันนั้นเริ่มมีสภาพคล่องและดำเนินการไปในทิศทางที่ดีขึ้นตามลำดับ
มอบแนวทาง 3 ข้อปฎิบัติ..
นอกจากนั้น ยังได้ให้แนวทางในการปฏิบัติหลัก 3 ข้อ คือ 1. การชำระเงินฝากให้ สอ.สรฟ. ชำระตามสัญญาความร่วมมือ (MOU) ที่ได้ทำไว้กับสหกรณ์ต่าง ๆ ให้เป็นไปตามสัญญา ซึ่ง สอ.สรฟ. ได้รับว่าจะดำเนินการต่อไป 2. เกี่ยวกับสหกรณ์อื่นๆ ที่ได้ฟ้องร้อง สอ.สรฟ. เรื่องเงินกู้นั้น รมช.เกษตรฯ ให้เป็นไปตามกฎหมาย เมื่อมีการพิสูจน์ข้อเท็จจริงหรือคำพิพากษาออกมาว่าอย่างไรให้ สอ.สรฟ. ดำเนินการไปตามนั้น 3. กำชับและเร่งรัดให้เจ้าพนักงานสอบสวนที่ดูแลคดีเกี่ยวกับการกล่าวหาอดีตผู้บริหาร สอ.สรฟ. กับพวก ในปัญหาการทุจริต ทำสำนวนให้แล้วเสร็จและส่งให้อัยการพิจารณาดำเนินการส่งฟ้องต่อไปภายในเดือนมกราคม 2563 นี้โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะได้เรียกตัวอดีตผู้บริหารทั้ง 6 คน มาให้ข้อเท็จจริงในวันที่ 16 มกราคมนี้ ที่ สน.ปทุมวัน
ประการสำคัญยังสั่งการให้กรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปช่วยฟื้นฟู สอ.สรฟ. โดยให้เจ้าหน้าที่เข้ามาช่วยดูแลให้ดำเนินการเป็นไปตามกรอบของกฎหมาย และไม่ให้ส่งผลกระทบไปยังสหกรณ์อื่น ๆ เพื่อป้องกันปัญหาไม่ให้เกิดซ้ำ ซึ่ง รมช.เกษตรฯ ได้กำชับให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดูแลควบคุมกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้รัดกุมยิ่งขึ้น
ฟากนายสาโรจน์ สุขแสงดาว ประธานกรรมการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟ จำกัด (ชุดที่ 14) ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่า สหกรณ์ยังดำเนินการชำระเงินฝากคืนตามสัญญาข้อตกลงความร่วมมือให้กับสหกรณ์ต่างๆ ในส่วนของสหกรณ์เจ้าหนี้เงินกู้นั้น ได้ชะลอการชำระเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า สัญญาเงินกู้นั้นถูกต้องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับหรือไม่ โดยขณะนี้มี 3 สหกรณที่ได้ฟ้อง สอ.สรฟ. เกี่ยวกับกรณีดังกล่าว จึงต้องไปพิสูจน์ข้อเท็จจริงในศาลต่อไป ทั้งนี้ สอ.สรฟ. เริ่มมีสภาพคล่อง ภาพรวมสามารถดำเนินการบริการให้กับสมาชิกสหกรณ์ต่อไปได้บ้างแล้ว
ลุ้นส่งฟ้องหรือนัดพบ 6 แกนนำ 16 ม.ค.นี้
ส่วนความคืบหน้าทางคดีนั้นได้รับการยืนยันจาก พ.ต.ท.เจริญสิทธิ์ จงอิทธิ รองผู้กำกับการสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน เจ้าพนักงานสอบสวนในคดี สอ.สรฟ.ว่า ขณะนี้การทำสำนวนคดีอยู่ที่ประมาณ 80% กำหนดส่งให้อัยการพิจารณาดำเนินการส่งฟ้องในวันที่ 16 ม.ค. 2563 นี้
ทั้งนี้ ภายหลังการประชุม นายกิ่งแก้ว โยมเมือง ในนามทนายกลุ่มธรรมาภิบาล เครือข่ายภาคประชาชนต้านทุจริตและคอร์รัปชัน ได้ยื่นข้อมูลประกอบการตรวจสอบเพิ่มเติมต่อ น.ส.มนัญญา ไทยเศรษฐ์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 7 ม.ค. 2563 ที่ผ่านมา ได้เข้าให้ข้อมูลเบื้องต้นกับ น.ส.มนัญญา เกี่ยวกับการทุจริตภายใน สอ.สรฟ. ไปแล้ว
จับตาปมสมาชิกร้องปลด คกก.พ้นตำแหน่ง
เพียงปัญหาการทุจริตที่คณะกรรมการชุดที่ 14 ได้เร่งดำเนินการจะยังคลำทางพร้อมเร่งทางคดีฟ้องร้องเพื่อยึดทรัพย์หวังนำมาแก้ไขสภาพคล่อง แต่ดูเหมือนว่าปัญหาจะยังไม่จบลงง่ายๆเพราะขณะเดียวกันกลุ่มสมาชิก สอ.สรฟ. ยังได้ยื่นหนังสือพร้อมข้อมูลเอกสาร เพื่อขอให้กรมส่งเสริมสหกรณ์ ดำเนินการออกคำสั่งให้คณะกรรมการดำเนินการสหกรณ์ออมทรัพย์สโมสรรถไฟพ้นจากตำแหน่งทั้งคณะ ตาม พ.ร.บ.สหกรณ์ พ.ศ. 2542 และฉบับแก้ไข พ.ศ. 2562
โดยผู้ร้องเรียนยังระบุชัดว่า คณะกรรมการชุดที่ 14 ไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ และไม่แก้ไขข้อบกพร่องตามคำสั่งของนายทะเบียนสหกรณ์ อีกทั้งคณะกรรมการฯ ไม่ชำระหนี้ตามสัญญาคืนให้แก่สหกรณ์พันธมิตร คณะกรรมการฯ ไม่จ่ายคืนเงินฝากออมทรัพย์ให้แก่สมาชิกสหกรณ์ที่ขอเบิกถอนเงิน รวมทั้งระบุถึงการดำเนินการของคณะกรรมการ สอ.สรฟ. ที่ไม่โปร่งใสและเป็นธรรมอีกด้วย
นับเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวอื้อฉาวในวงการสหกรณ์ออมทรัพย์ของประเทศไทยที่เกิดการทุจริตครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งจากคณะกรรมการบริหาร แล้วยังมีการกล่าวอ้างถึงระดับบิ๊กกรมส่งเสริมสหกรณ์เข้าไปมีเอี่ยว ซึ่งคงจะต้องส่งเรื่องถึงกรมสิบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เข้ามาสืบสวนสอบสวนถึงเบื้องลึกเบื้องหลังอันสลับซับซ้อนเพื่อเอาผิดกับผู้กระทำผิดในครั้งนี้ ส่วนจะสำเร็จหรือจะลุกลามไปยังสหกรณ์พันธมิตรทั้ง 15 แห่งที่ส่อแววสูญเงินฝากกว่า 5 หมื่นล้านบาทเมื่อไหร่ หรือไม่นั้น คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป