ในสถานการณ์ภัยแล้ง แพร่ถือเป็นหนึ่งในจังหวัดที่กำลังเผชิญกับสถานการณ์ดังกล่าว อีกทั้งยังเป็นปัญหาซ้ำซาก ที่จำเป็นต้องหาทางแก้ไขให้ยั่งยืน เนื่องจากเกษตรกรในพื้นที่ขาดแหล่งน้ำในการเพาะปลูก ทำให้ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะในปีนี้ประสบกับภัยแล้งหนักกว่าทุกปีที่ผ่านมา น้ำในลำธารไหลผ่านไปยังแม่น้ำยมแห้งสนิท พืชทางด้านการเกษตรไม่สามารถเพาะปลูกได้ อาทิ ข้าวโพด มะขามหวาน ลำไย และผักหวาน
ด้วยเหตุนี้ ทางกรมชลประทานได้จัดทำโครงการ "อ่างเก็บน้ำห้วยเป้า" เพื่อช่วยประชาชนและเกษตรกรใน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านนาฝาย หมู่บ้านนาหลวง หมู่บ้านแม่เต้น และหมู่บ้านดอนชัยสักทอง จ.แพร่ เพื่อแก้ปัญหาการบริหารน้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการในการทำการเกษตรกว่า 2,310 ไร่ และรองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคตอีก 30 ปีข้างหน้า
เพื่อเดินหน้าภารกิจดังกล่าว ทางอธิบดีกรมชลประทาน นายทองเปลว กองจันทร์ จึงได้มอบหมายให้ นายเฉลิมเกียรติ คงวิเชียรวัฒน์ รองอธิบดีกรมชลประทาน ลงพื้นที่ติดตามและเร่งรัดโครงการนี้
“โครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเป้า เป็นหนึ่งในโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในลุ่มน้ำยมตอนบน เพื่อช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรใน 4 หมู่บ้าน ที่ไม่มีน้ำเพียงพอต่อการทำเกษตร เนื่องจากในบริเวณห้วยเป้ามีปัญหาด้านภัยแล้งมาทุกปี ทำให้ชาวบ้านมีรายได้ลดลง จึงได้จัดทำโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเป้า โดยกรมชลประทานได้ว่าจ้างมหาวิทยาลัยนเรศวรเข้ามาศึกษาตั้งแต่ปี 2558 จากผลการศึกษาพบว่า มีฝายทดน้ำอยู่ 18 แห่ง แต่สามารถใช้งานได้ 12 แห่ง เก็บกักน้ำหน้าฝายไว้ได้รวม 28,600 ลูกบาศก์เมตรเท่านั้น ซึ่งโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเป้ามีพื้นที่หัวงาน 68 ไร่ อยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติแม่ยม 39 ไร่ (ร้อยละ 57.35 ของพื้นที่หัวงาน) อยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติป่าแม่สอง 29 ไร่ (ร้อยละ 42.65 ของพื้นที่หัวงาน) และอ่างเก็บน้ำ จำนวน 90 ไร่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ยมทั้งหมด 90 ไร่ (ร้อยละ 100 ของพื้นที่อ่างเก็บน้ำ) เนื่องจากโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยเป้าตัดผ่านพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จึงต้องทำการก่อสร้างโดยใช้ระบบท่อส่งน้ำเพื่อจะไม่ให้ส่งผลเสียต่อหน้าดินและพื้นที่ป่า ทำให้กระทบต่อพื้นที่ป่าสงวนไม่มากนัก แต่การก่อสร้างด้วยระบบท่อส่งน้ำชนิด HDPE มีราคาค่อนข้างสูง ทำให้มูลค่าในการก่อสร้างสูง” รองอธิบดีกรมชลประทาน ระบุ
สำหรับรูปแบบการสร้างเขื่อน เป็นเขื่อนประเภทคอนกรีต หรือเขื่อนประเภท RCC และเขื่อนคอนกรีต (concrete gravity dam) สูง 45 เมตร ความยาวสันเขื่อน 320 เมตร ลาดท้ายเขื่อน 1 : 0.8 ระดับสันเขื่อน +500.00 ม.รทก. ความจุอ่างที่ระดับน้ำสูงสุด 2.49 ล้านลูกบาศก์เมตร คาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2565 นอกจากนี้ เมื่อมีการพัฒนาอ่างเก็บน้ำห้วยเป้าแล้ว จะมีการพิจารณาการใช้น้ำเพื่อกิจกรรมอื่นอีก โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พื้นที่เกษตร พื้นที่รับประโยชน์ระบบฝาย เดิม 1,000 ไร่ เป็น 1,784 ไร่ พื้นที่ในระบบท่อส่งน้ำจาก 1,173 ไร่ เพิ่มเป็น 1,935 ไร่ และพื้นที่ที่ชาวบ้านสูบน้ำใช้เอง 137 ไร่ เพิ่มเป็น 238 ไร่
สำหรับพื้นที่ทำการเกษตรของชาวบ้านที่ต้องการใช้น้ำมีประมาณ 2,310 ไร่ จึงมีโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับน้ำกว่า 3 ล้าน ลบ.ม./ปี โดยโครงการอ่างเก็บน้ำมีศักยภาพและการบริหารจัดการได้ดี อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากปัจจัยเบื้องต้นทั้งด้านวิศวกรรม ด้านสิ่งแวดล้อม สังคมและเศรษฐศาสตร์ พื้นที่ดังกล่าวนี้มีความเหมาะสมต่อภูมิทัศน์ในการสร้างอ่างเก็บน้ำ โดยระดับเก็บกักน้ำที่เหมาะสมคือ +496.00 ม.รทก. สามารถเก็บกักน้ำได้ 2.35 ล้านลูกบาศก์เมตร รวมมูลค่าการลงทุนโครงการประมาณ 97.34 ล้านบาท
ด้านนายประเสริฐ แก้วกุฬา ประธานสภาองค์การบริหารส่วนตำบลสะเอียบ กล่าวเพิ่มเติมว่า การที่กรมชลประทานมีโครงการสร้างอ่างเก็บน้ำห้วยเป้า จะทำให้สามารถเก็บกักน้ำไว้ใช้ในการเกษตรได้ ที่ผ่านมามีความต้องการเก็บกักน้ำ แต่ไม่สามารถทำได้ จึงทำให้พื้นที่ใน 4 หมู่บ้าน ได้แก่ หมู่บ้านนาฝาย หมู่บ้านนาหลวง หมู่บ้านแม่เต้น และหมู่บ้านดอนชัยสักทอง เกิดความแห้งแล้งในฤดูแล้งและเกิดอุทกภัยในฤดูฝน กระทบไปยัง จ.สุโขทัย และพิจิตร เมื่อมีโครงการก่อสร้างอ่างเก็บจะช่วยแก้ปัญหาดังกล่าวได้ นอกจากนี้ยังช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตเพิ่มขึ้น โดยปี 2562 ได้ผลผลิตลดน้อยลงกว่าปี 2561 จากปกติประมาณ 10,000 กิโลกรัม/เดือน ลดลงไปเหลือประมาณ 100 กิโลกรัม/เดือน จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ฉะนั้นหากเกิดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเป้าจะสร้างรายได้ให้เกษตรกรเพิ่มขึ้นถึง 80% และยังมีน้ำใช้อุปโภค-บริโภค ทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี
"การสร้างอ่างเก็บน้ำนอกจากช่วยเกษตรกรแล้วยังช่วยฟื้นฟูป่า เพราะเมื่อมีแหล่งน้ำ ผืนป่า ต้นไม้ สัตว์นานาชนิด จะมีความสมบูรณ์ทั้งความเขียวขจีของต้นไม้ หากย้อนไปเมื่อประมาณปี 2541 ชาวบ้านมีการตัดไม้เหลือแต่ตอเต็มไปหมด เราพยายามเปลี่ยนความคิดของชาวบ้านว่า การตัดไม้ทำลายป่ามีผลเสียอย่างไร เมื่อคนรุ่นใหม่มาเห็นคนรุ่นเรารณรงค์ เขาก็มาสนับสนุน จนตอนนี้ชาวบ้านในพื้นที่เข้าใจเป็นเสียงเดียวกันว่า การตัดไม้ทำลายป่ามีผลกระทบจะมีผลตามมาในอนาคตอย่างไร เราจึงมีมาตรการผู้ที่ฝ่าฝืนตัดไม้จะปรับต้นละ 5,000 บาท" นายประเสริฐ กล่าว
อย่างไรก็ตาม การพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเป้าอาจก่อให้เกิดผลกระทบทั้งทางบวกและทางลบต่อทรัพยากรสิ่งแวดล้อมได้ ดังนั้นจึงต้องดำเนินการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทั้งในช่วงระยะก่อสร้าง และระยะดำเนินการ เพื่อให้การพัฒนาโครงการเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนในจังหวัดแพร่