ดีเดย์เร่งขับเคลื่อนเมกะโปรเจ็กต์ของกระทรวงคมนาคมอย่างเต็มที่แล้ว หลังจากเข้ามารับตำแหน่งเจ้ากระทรวงคมนาคมผ่านไป 4-5 เดือนกว่าจะค่อยเคลียร์ปัญหาอุปสรรคในกระทรวงจนลงตัวเรียบร้อย
ล่าสุด นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ฤกษ์เป็นประธานการประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัดกระทรวงคมนาคม ครั้งที่ 1/2563 ประจำเดือนมกราคม 2563 ไปเมื่อช่วงค่ำของวันที่ 4 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เพื่อเดินหน้าโครงการขนาดใหญ่ต่างๆ
โดย ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ ได้สรุปสาระสำคัญของการประชุมติดตามงานในครั้งนี้มานำเสนอดังนี้ คือ เร่งติดตามความคืบหน้าการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้แก่ การแก้ไขปัญหาโครงการก่อสร้างล่าช้า ไม่ว่าจะเป็นโครงการก่อสร้างบนถนนพระราม 2 ที่กรมทางหลวงอยู่ระหว่างเร่งรัดงานก่อสร้างระดับพื้นราบให้แล้วเสร็จตามแผนงานเดิม (ในเดือน ส.ค.63) ปัจจุบันมีผลงานร้อยละ 48 คาดว่าจะเปิดให้วิ่งครบทั้ง 14 ช่องจราจรได้ภายในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีนี้ และงานยกระดับได้กำหนดแผนก่อสร้างของทุกโครงการที่ใช้พื้นที่ร่วมกัน โดยจะเริ่มก่อสร้างเฉพาะส่วนที่ไม่มีผลกระทบต่อกระแสจราจร
โครงการทางพิเศษพระราม 3 ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก ลงนามในสัญญาแล้ว 2 สัญญา อยู่ระหว่างเตรียมประกาศผลผู้ชนะการประกวดราคา 2 สัญญา เช่นเดียวกับการแก้ไขปัญหางานก่อสร้างขยาย ถ.ราชพฤกษ์ ระยะ 2 ตอนที่ 3 บริเวณสะพานข้ามคลองบางบัวทอง ฝั่งขาออก สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)และ กรมทางหลวงชนบท (ทช.) ได้หารือร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการแก้ไขปัญหาผลกระทบที่เกิดจากการก่อสร้าง
ปม PM 2.5 ยังเกาะติดสถานการณ์
สำหรับการแก้ไขปัญหามลภาวะฝุ่น PM2.5 ที่ยังพบว่า มีปรากฎค่าเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่กรุงเทพมหานครนั้นสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้จัดทำแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลเพื่อขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาในภาคคมนาคมให้เกิดผลเป็นรูปธรรม
โดยแบ่งเป็น 3 ระยะ ได้แก่ ระยะเร่งด่วน ตรวจสอบและบำรุงรักษาเครื่องยนต์ ตรวจวัดควันดำ บังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ห้ามรถโดยสารควันดำวิ่งเด็ดขาด ระยะสั้น (2563 – 2565) พัฒนาโครงข่ายขนส่งสาธารณะให้เชื่อมโยงทุกระบบ ผลักดันการใช้รถ NGV และ EV และระยะยาว (2566 – 2575) ทำจุดจอดแล้วจรอย่างต่อเนื่อง เก็บค่าธรรมเนียมรถยนต์ในเขตเมือง เป็นต้น
ทั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ยังได้กำชับในที่ประชุมเพื่อแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 เมื่อวันที่ 24 มกราคม 2563 ที่ผ่านมาโดยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตามมาตรการที่ สนข. เสนอ และให้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 โดยให้รายงานผลการปฏิบัติการจากทุกหน่วยงานในสังกัดทุกวัน
ด้านโครงการปรับเวลาเดินรถบรรทุก 10 ล้อขึ้นไป ซึ่งสร้างความกังวลให้กับผู้ประกอบการรถบรรทุกทั่วไปนั้นในที่ประชุมคณะกรรมการแปรนโยบายเร่งด่วนไปสู่การปฏิบัติ เมื่อวันที่ 16 สิงหาคม 2562 มีมติเห็นชอบหลักการมาตรการห้ามรถบรรทุกตั้งแต่ 10 ล้อขึ้นไปโดยอนุญาตให้วิ่งเฉพาะเวลา 24.00 – 04.00 น. และได้มอบให้ สนข. ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องศึกษาถึงผลกระทบต่อผู้เกี่ยวข้องและมาตรการเยียวยาจากนโยบายกำหนดมาตรการห้ามรถบรรทุกเข้าเมือง และให้วิเคราะห์ข้อเสนอของสหพันธ์การขนส่งทางบกแห่งประเทศไทยด้วย
เช่นเดียวกับโครงการการกำหนดอัตราความเร็วถนน 4 ช่องจราจรขึ้นไปให้ใช้อัตราความเร็วได้ไม่เกิน 120 กม./ชม. ซึ่งสร้างความฮือฮาและได้รับความสนใจจากผู้ใช้รถใช้ถนนทั่วไปนั้นขณะนี้กรมทางหลวง (ทล.) ได้กำหนดแนวทางการปรับปรุงสภาพทางกายภาพและกำหนดแผนการดำเนินงานทั้งในส่วนที่สามารถดำเนินการได้ในปี 2563 สำหรับระยะถัดไปจะจัดทำรายละเอียดงบประมาณบนทางหลวงหมายเลข 32 บางปะอิน – นครสวรรค์ เป็นโครงการนำร่อง รวมถึงเส้นทางหลักสาย 1, 2 และ 4 ในช่วงที่เหมาะสม รวมทั้งอยู่ระหว่างจัดทำร่างกฎกระทรวงกำหนดอัตราความเร็วบนทางหลวงสาย 32 ช่วง กม.4+000 – กม.50+000 อีกด้วย
44 โครงการเร่งติดตามถี่ยิบแน่!
ทางด้านการติดตามผลการประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการเจรจาการค้าและการลงทุน ครั้งที่ 1/2563 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2563 นั้น มีรายละเอียดที่น่าติดตามหลายประเด็นดังนี้ คือ ความคืบหน้าการดำเนินโครงการลงทุนขนาดใหญ่ของกระทรวงคมนาคมจำนวน 44 โครงการ แบ่งออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ โครงการสำคัญที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติแล้ว อยู่ระหว่างการก่อสร้าง 18 โครงการ เช่น โครงการมอเตอร์เวย์ จำนวน 3 สาย (สายพัทยา – มาบตาพุด, สายบางปะอิน – สระบุรี – นครราชสีมา, สายบางใหญ่ – กาญจนบุรี) โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ระยะที่ 1 จำนวน 7 เส้นทาง (อยู่ระหว่างการก่อสร้าง) โครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ – นครราชสีมา) ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้เห็นชอบให้ใช้เงินสกุลดอลลาร์ในการซื้อขายแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างประสานฝ่ายจีนกำหนดวันประชุมคณะกรรมการฯ 2 ฝ่าย เพื่อลงนามสัญญา 2.3 (งานระบบราง ระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร)
โครงการก่อสร้างรถไฟชานเมืองสายสีแดง 2 สายทาง โดยงานก่อสร้างโยธาช่วงบางซื่อ – ตลิ่งชัน แล้วเสร็จ ส่วนช่วงบางซื่อ – รังสิต อยู่ระหว่างการก่อสร้าง โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) สายสีชมพู ช่วงแคราย – มีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว – สำโรง งานก่อสร้างโยธาเป็นไปตามแผน
ในส่วนโครงการสำคัญที่ ครม. อนุมัติแล้วและอยู่ระหว่างเตรียมดำเนินการ 11 โครงการ เช่น โครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ด้านตะวันตก (ประกวดราคาแล้วเสร็จ) โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (ติดประเด็น พ.ร.ฎ. กำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนและกำหนดภาระในอสังหาริมทรัพย์ยังไม่บังคับใช้ จึงส่งผลให้การจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินไม่สามารถดำเนินการได้)
ลุ้นโครงการใหม่เกิดช้าหรือเร็วตามแผน
โครงการก่อสร้างรถไฟเส้นทางสายใหม่ 2 สายทาง คือ ช่วงเด่นชัย – เชียงราย – เชียงของ และช่วงบ้านไผ่ – มุกดาหาร – นครพนม (อยู่ระหว่างการจัดจ้างที่ปรึกษาเพื่อเร่งรัดเวนคืนที่ดิน) โครงการก่อสร้างทางวิ่งเส้นที่ 3 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (อยู่ระหว่างการพิจารณารายงาน EHIA ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(สผ.)) โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ขั้นที่ 3 (อยู่ระหว่างดำเนินการให้เป็นไปตามแผน) โครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) มีบางประเด็นที่เอกชนผู้สนใจร่วมลงทุนยังมีข้อสงสัย จึงทำให้เอกชนยังไม่สามารถยื่นข้อเสนอได้ตามแผนงานที่กำหนด
โครงการที่คณะกรรมการนโยบายให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (คณะกรรมการ PPP) เห็นชอบแล้วและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) เตรียมเสนอ ครม. จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) และโครงการมอเตอร์เวย์ สายนครปฐม – ชะอำ อีกทั้งยังมีโครงการสำคัญที่จะนำเสนอ ครม. ในระยะต่อไป จำนวน 13 โครงการ
“สมคิด” เร่งรัดตามกรอบระยะเวลางบประมาณ
ทั้งนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้เร่งรัดให้กระทรวงคมนาคมเตรียมความพร้อมโครงการที่ได้รับอนุมัติจาก ครม. แล้ว เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ โดยเฉพาะงบปี 2563 หรืองบในปีต่อๆไปและเร่งรัดกรอบระยะเวลาของโครงการที่จะเสนอ ครม. ให้เร็วขึ้น รวมทั้งให้เร่งรัดดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์ – มีนบุรี (สุวินทวงศ์) โดยให้ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบของทางราชการและตามหลักธรรมาภิบาล
โดยในโอกาสเร่งรัดโครงการต่างๆ ต่อหัวหน้าหน่วยในสังกัดกระทรวงคมนาคมครั้งนี้ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ ยังได้มอบให้ทุกหน่วยงานเร่งรัดเสนอโครงการที่มีงบประมาณเกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อให้สามารถดำเนินโครงการได้โดยเร็ว เนื่องจากเป็นโครงการที่มีส่วนสำคัญของการเป็นเครื่องจักรขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งประสานกับสำนักงบประมาณเกี่ยวกับการดำเนินโครงการที่อยู่ในปีงบประมาณ 2563 พร้อมทั้งรายงานผลการดำเนินงานตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ และมาตรการป้องกันฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 เป็นรายวัน โดยให้วางแผนการดำเนินงานภายหลังสถานการณ์คลี่คลายด้วย
นอกจากนี้ มอบให้กรมทางหลวง (ทล.) และ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พิจารณาแนวทางการพัฒนาเส้นทางลงสู่ภาคใต้ เพื่อกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นตามนโยบายของนายกรัฐมนตรีอีกด้วย
ดังนั้น ท้ายที่สุดแล้วคงต้องติดตามผลความคืบหน้าอย่างเกาะติดว่า การจี้ติดเร่งรัดหลายโครงการของนายศักดิ์สยามและคณะต่อหัวหน้าหน่วยจะสามารถขับเคลื่อนโครงการให้สำเร็จตามแผนได้หรือไม่ จะพบอุปสรรคความล่าช้าในภาคปฏิบัติอย่างไรหรือไม่ ยังมีให้ได้ลุ้นในปี 2563 นี้อีกหลายโครงการ