ก.อุตฯ ผนึกกำลังพันธมิตรและผู้ประกอบการดันมาตรการผลิตหน้ากากอนามัยด้วยวัสดุคุณภาพทดแทน แก้ปัญหาเร่งด่วน ขณะพาณิชย์ดึงหน้ากากบริหารผ่านศูนย์กระจายฯให้ทั่วถึงประชาชน ขณะเดียวกันมีการแนะช่วยซื้อแมสจากผลิตภัณฑ์ผู้ต้องขังไม่ถูกโขกราคาเหมือนโลกโชเชี่ยล!
ก.อุตฯ ดึงพันธมิตรผลิต 10 ล้านชิ้น!
จากกรณีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กำชับให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยขาดแคลน โดยเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 กระทรวงอุตสาหกรรมจัดประชุมผู้ประกอบการภาคเอกชนผู้ผลิตหน้ากากอนามัย เจลล้างมือ แอลกอฮอล์ และผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้อง โดยมี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยคณะผู้บริหารกระทรวงอุตสาหกรรม และหน่วยงานพันธมิตร ผู้ประกอบการกว่า 50 ราย ร่วมหารือและเร่งหาแนวทางแก้ปัญหาหน้ากากอนามัย จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ดันมาตรการผลิตหน้ากากอนามัยจากวัสดุผ้า สั่งสถาบันสิ่งทอฯ ประสานกระทรวงสาธารณสุขการันตีวัสดุคุณภาพ ปลอดภัย พร้อมเร่งการผลิต 10 ล้านชิ้น
โดยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ตามที่ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ออกข้อสั่งการ มาตรการเร่งด่วนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาจากโรคติดเชื้อไรรัสโคโรนา 2019 หรือโควิด 19 โดยมอบหมายให้ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกันพิจารณาปริมาณความต้องการของสินค้าที่จำเป็นต่อการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เช่น หน้ากากอนามัย และน้ำยาฆ่าเชื้อหรือเจลฆ่าเชื้อ และจัดหาให้เพียงพอกับความต้องการดังกล่าวในแต่ละช่วงเวลา โดยจัดลำดับความสำคัญในการกระจายสินค้าที่จำเป็นดังกล่าวตามระดับความเสี่ยงของบุคคล หน่วยงาน และสถานที่ เช่น สถานพยาบาลทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มบุคลากรทางการแพทย์ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน กลุ่มที่มีความเสียงต่อการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) และประชาชนทั่วไป นั้น
กระทรวงอุตสาหกรรมจึงได้จัดประชุมหารือกับกระทรวงการคลัง สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ รวมถึงผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นผู้ผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เจลล้างมือ น้ำยา ฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์หรืออื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกว่า 50 ราย เพื่อเตรียมความพร้อมด้านปัจจัยการผลิตภาคอุตสาหกรรม เร่งแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือขาดแคลน พร้อมผลักดันออกมาตรการเร่งด่วน โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนสำคัญ ประกอบด้วย
1. เร่งหารือ และขอความร่วมมือบริษัทผู้ผลิตหน้ากากอนามัยชนิดใช้ครั้งเดียว ซึ่งอยู่ในหมวดของอุปกรณ์สำคัญสำหรับทางการแพทย์ เพื่อแพทย์ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วยมีปริมาณเพียงพอกับการใช้งาน ซึ่งได้กำชับให้เร่งการผลิตเต็มกำลังการผลิต ด้วยความเร่งด่วน
2. หารือกับหน่วยงานร่วมที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะด้านผู้ประกอบการอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพื่อเตรียมความพร้อมผลิตหน้ากากอนามัยด้วยวัสดุผ้า ที่สามารถซักและนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อ.กลุ่มประชาชนที่มีความต้องการใช้เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เบื้องต้นจะดำเนินการส่งตัวอย่างผ้าเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขรับรองว่า ผ้าชนิดใดที่มีความปลอดภัยต่อประชาชน ไม่มีสารพิษตกค้าง และมีประสิทธิภาพในการป้องกันฝุ่นละออง และเชื้อโรค ซึ่งเบื้องต้นได้มีการหารือไปยังผู้ประกอบการเตรียมเร่งผลิต และตั้งเป้ากำลังการผลิตไว้ที่ 10 ล้านชิ้นภายในเดือนนี้
ด้าน นายกอบชัย สังสิทธิสวัสดิ์ ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ผ่านมากระทรวงอุตสาหกรรมในฐานะที่รับผิดชอบภาคผู้ประกอบการ ได้มีหนังสือสั่งการไปยังอุตสาหกรรมจังหวัดทั่วประเทศกำชับผู้ผลิตหน้ากากอนามัย หน้ากากผ้า เจลล้างมือ น้ำยาฆ่าเชื้อ แอลกอฮอล์หรืออื่นๆที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งการผลิตและจัดเตรียมวัตถุดิบให้เพียงพอกับความต้องการของประชาชน พร้อมทั้งเร่งประชาสัมพันธ์ ให้ผู้ประกอบการอุตสาหกรรมในพื้นที่ กำหนดมาตรการ วางแผนเตรียมการรับมือ โรคติดเชื้อไวรัสโคโรน่า2019 (โควิด-19) ระยะการระบาดในวงจำกัด ระยะที่ 2 ไปพร้อมกันด้วย
จุรินทร์ เด็ดขาด! จัดหน้ากากอนามัยบริหารรวมศูนย์ ส่ง สธ.กระจายโรงพยาบาลวันละ 7 แสนชิ้น ที่เหลือวันละ 5 แสนชิ้นกระจายสู่ร้านธงฟ้า สนามบิน สายการบิน ให้ถึงประชาชนกลุ่มเสี่ยง
“พาณิชย์”คุมแจกหน้ากากเอง!
เมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2563 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร) กล่าวว่า วานนี้ (4 มีนาคม 2563) กรรมการเชิญผู้แทนของโรงงานหน้ากากอนามัย และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ไม่ได้เป็นกรรมการเข้ามาหารือด้วย และได้ข้อสรุปดังนี้ คือ ภาพรวมของการผลิตหน้ากากอนามัยในประเทศ โดยหน้ากากที่เป็นที่ต้องการอยู่ขณะนี้คือหน้ากากสีเขียว มีโรงงานที่ผลิตได้ 11 โรง มีกำลังการผลิตเดือนละ 36 ล้านชิ้น หรือ 1.2 ล้านชิ้นต่อวัน โดยก่อนหน้านี้ กระทรวงสาธารณสุขร่วมกันกรมการค้าภายใน ได้แบ่งหน้ากาก 600,000 ชิ้น จากโรงงานผู้ผลิตมาบริหารจัดการร่วมกัน ส่วนอีกครึ่งหนึ่งนั้นกระจายออกตลาดโดยโรงงานผู้ผลิตเอง ซึ่งอาจจะทำให้ราคาแตกต่างกันในตลาด
"แต่ว่านับจากนี้ไปหน้ากากที่ผลิตได้จากโรงงานทั้งหมดจะถูกนำมาบริหารโดยศูนย์กระจายหน้ากากอนามัย ตามมติครม.และคำสั่ง กกร.โดยมีกระทรวงสาธารณสุขบริหารร่วมกันกับกระทรวงพาณิชย์ โดยมีตัวแทนคือ รองเลขาฯ อย. องค์การเภสัชกรรม และผู้แทนจากโรงพยาบาลต่างๆ ศูนย์จึงมีหน้าที่บริหารจัดการหน้ากากทั้ง 1.2 ล้านชิ้น ให้กระจายไปยังภาคส่าวนต่างๆ" นายจุรินทร์ กล่าว
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ได้มีการประชุมกันสรุปว่า จะจัดสรรให้กระทรวงสาธารสุข 700,000 ชิ้น โดยให้กระจายไปยังสถานพยาบาลทั้งหมดทั้งประเทศ ส่วนที่เหลือประมาณ 500,000 ชิ้น จะกระจายไปยังกลุ่มเสี่ยงอื่น รวมทั้งประชาชนทั้งประเทศ 60 ล้านคน เช่น ร้านขายยา หรือสายการบิน เช่น การบินไทย ร้านค้าส่งค้าปลีกต่างๆ รวมทั้งร้านธงฟ้า และอื่นๆ เป็นต้น โดยศูนย์กระจายหน้ากากอนามัยจะบริหารจัดการหน้ากาการ่วมกันทุกวัน เพื่อตรวจสอบการกระจายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ โดย 700,000 ชิ้นแรกจะเร่งไปเติมสต๊อกที่ขาดไปของโรงพยาบาลก่อน และจากนั้นจะได้บริหารจัดการอีกที ซึ่งครม.มีความเห็นชอบแล้วที่จะให้ขายหน้ากากอนายมัยที่ราคา 2.50 บาท โดยต้นทุนส่วนเกินรัฐบาลจะเป็นผู้รับภาระเอง
สำหรับหน้ากากนำเข้า จะมี 2 ส่วน ส่วนแรกคือหน้ากากอนามัยที่มีสีเขียว ที่เราใช้อยู่ขณะนี้ ซึ่งจะมีอยู่ไม่มากนัก และหน้ากากทางเลือกที่จะมีรูปทรงแตกต่างกันไป สำหรับหน้ากากทางเลือกนี้ กกร.มีความเห็นว่าราคาขายปลีกนนั้นไม่ควรจะเกินไปกว่าร้อยละ 60 ของต้นทุนนำเข้า ซึ่งร้อยละ 60 นี้จะรวมค่าใช้จ่ายอื่นๆทั้งหมด เช่น ต้นทุนบริหาร ค่าขนส่ง และค่าตอบแทนต่างๆ นี่เป็นตัวแรกโดยประมาณ โดยผู้นำเข้าจะต้องแสดงต้นทุนนำเข้าว่าเป็นเท่าไหร่ เพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการพิจารณาของเจ้าหน้าที่
สำหรับหน้ากากที่ผลิตโดยโรงงานทั้ง 11 โรงงาน ที่ยังคงมีเหลือในประเทศ ที่ขายในราคาแตกต่างกันไป จะให้เวลาผู้ประกอบการ 3 วันในการเคลียร์สต๊อก จากวันจันทร์เป็นต้นไป จะต้องจำหน่ายในราคา 2.50 บาทต่อชิ้น ข้อกำหนดข้างต้นนี้ไม่รวมหน้ากากผ้า ที่ ครม.มีมติจัดสรรงบให้ 225 ล้านบาทเพื่อการผลิตโดยองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือหน้ากากผ้าชนิดอื่นๆ ที่จะถูกผลิตในอนาคต ที่กระทรวงสาธารณสุขรับรองแล้วว่ากันเชื้อโรคได้
นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับการส่งออก ขอเรียนว่าจะไม่มีการอนุมติให้มีการส่งออกโดยเด็ดขาด เนื่องจากหน้ากากที่ผลิตได้ในประเทศทั้ง 36 ล้านชิ้น ก็ไม่เพียงพอกับการใช้ในประเทศอยู่แล้ว แต่หากสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติ ก็จะมีการเปลี่ยนแปลงต่อไป ซึ่งที่ผ่านมา ไทยมีหน้ากากเพียงพอ เนื่องจากความต้องกสรยังไม่สูงขนาดนี้ และช่วงบ่ายนี้เวลา 13.30 น. กรมการค้าภายในจะจัดรถโมบายออกไปจำหน่ายหน้ากากอนามัยแพ็คละ 4 ชิ้น จำนวนรวม 111 คัน สำหรับ กทม มี 21 คัน สำหรับต่างจังหวัด 90 คัน โดยมุ่งเน้นชุมชนเมือง โดยในรถโมบายจะมีสินค้าอุปโภคบริโภคจำเป็นอื่นๆ นำไปขายประชาชนด้วย เนื่องจากสินค้าเหล่านั้นอาจจะมีแนวโน้มขาดแคลน และจากนี้จะมีการประชุมคณะทำงานทุกวัน เพื่อประเมินสถานการณ์ต่อเนื่อง
เนื่องจากหน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุมแล้ว ผู้ที่มีพฤติกรรมดังต่อไปนี้ จะถูกดำเนินคดีในการกักตุน ได้แก่ 1. เก็บสินค้าไว้ที่อื่นนอกเหนือจากที่ที่แจ้งเจ้าหน้าที่ 2. ไม่นำหน้ากากที่มีอยู่ออกมาจำหน่าย 3. ปฏิเสธการจำหน่าย 4. ประวิงการจำหน่าย 5. ส่งมอบหน้ากากอนามัยโดยที่ไม่มีเหตุผลสมควร ผู้กักตุนหรือขายที่ราคาสูงเกินสมควรที่มีเจตนาจะสร้างความปั่นป่วน (ผิดตามมาตรา 29) มีโทษจำคุกไม่เกิน 7 ปี ปรับไม่เกิน 140,000 บาท โดยปริมาณการครอบครองสูงสุดยังไม่มีการกำหนด เนื่องจากจะเกรงว่าจะกระทบกับผู้บริสุทธิ์ทั่วไป ที่จำเป็นต้องเก็บหน้ากากอนามัยไว้สำหรับปฏิบัติภารกิจ เช่นสถานพยาบาล ซึ่งหากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงก็จะมีการเปลี่ยนคำสั่งอีก ทั้งนี้ ผู้ขายเกินราคา (แต่ไม่เกินสมควร) จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
สำหรับสถานพยาบาลจะถือว่าเป็นผู้ที่จะได้รับการจัดสรรเป็นลำดับต้น โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเป็นผู้บริหารจัดการให้กระจายไปให้ทั่วถึงมากที่สุด โดยไม่ให้มีสถานพยาบาลใดตกหล่น
สำหรับประกาศ กกร. วันนี้จะมี 3 ฉบับ ฉบับแรก คือ ประกาศราคาขายปลีกสูงสุดของหน้ากากอนามัย ฉบับที่สองคือประกาศวิธีคิดต้นทุนในการกำหนดราคาขายหน้ากากนำเข้า และประกาศที่สามเรื่องเจลแอลกอฮอล์ ซึ่งการปรับราคาต้องขออนุญาตก่อน และ 2-3 วันที่ผ่านมานี้ ทางกระทรวงพาณิชย์ได้ส่งคนประจำโรงงานทั้ง 11 โรงแล้ว รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปประจำแต่ละโรงงานด้วย เพื่อรายงานจำนวนผลผลิตจริง และจัดการการกระจายสินค้าไปยังส่วนอื่นๆ และสำหรับการนำเข้าวัตถุดิบสำหรับการผลิตหน้ากากอนามัย มีแนวโน้มนำเข้าได้ยากขึ้น แต่ยังพอเป็นไปได้คือจากอินโดนีเซียแต่ก็จะมีราคาที่สูงขึ้น ซึ่งได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ช่วยประสาน เพื่อหาแหล่งผลิตวัตถุดิบแล้ว
แนะซื้อแมสจากผลิตภัณฑ์ผู้ต้องขังดีกว่าโดนออนไลน์โขกราคา!
ขณะเดียวกันช่องทางการแก้ปัญหาหน้ากากอนามัยราคาแพงและขาดแคลนนั้น มีการแนะนำให้ช่วยซื้อหน้ากากอนามัยจากผลิตภัณฑ์ของผู้ต้องขัง โดยผลิตจากผ้ามัสลินที่ทอถี่ถึง 2 ชั้น คุณสมบัติไม่แพ้หน้ากากอนามัยทั่วไปสามารถซักกลับมาใช้ใหม่ได้หลายครั้ง..
ราคาชิ้นละ 15 บาท สินค้าพร้อมส่ง สอบถาม มือถือ: 082-348-0914
จำหน่ายที่ร้านชวนชม ทัณฑสถานหญิงกลาง ริมถนนงามวงศ์วาน จตุจักร กรุงเทพ
ส่งไปรษณีย์
จำนวน 50 ขึ้น ค่าส่ง 30 บาท
จำนวน 100 ชิ้น ค่าส่ง 60 บาท
จำนวน 200 ชิ้น ค่าส่ง 100 บาท
มากกว่า 200 ขึ้น ติดต่อ Admin
สนใจสั่งซื้อ แจ้งจำนวน พร้อมชื่อ ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ โอนเงินเข้าบัญชี ธนาคารกรุงไทย สาขารัตนาธิเบศร์
ชื่อบัญชี "เงินผลพลอยได้ทัณฑสถานหญิงกลาง" เลขที่บัญชี 137-1-09485-3