เมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2563 นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ร่วมด้วย นายพงษ์ชัย ชัยจิรวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และนายชลัช ชินธรรมมิตร์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่ม ร่วมส่งมอบแอลกอฮอล์เจลขนาด 50 มิลลิลิตร จำนวน 30,000 ขวด แก่กระทรวงพลังงานเพื่อนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ ผ่านช่องทางต่างๆ ของกระทรวงพลังงาน เช่น สำนักงานพลังงานจังหวัด เป็นต้น โดยมี นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน รับมอบ ณ กระทรวงพลังงาน อาคารบี ศูนย์เอนเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า จากการร่วมหารือกับกระทรวงพลังงานด้านแนวทางความร่วมมือในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) บริษัท บางจากฯ ในฐานะองค์กรด้านพลังงานที่มีภารกิจร่วมดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม แม้จะเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ แต่ยังคงมีความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนชาวไทยที่ต่างเผชิญสถานการณ์นี้โดยทั่วกัน จึงพร้อมสนับสนุนช่วยเหลือด้วยมาตรการต่างๆ ที่สอดคล้องกับความสามารถทางธุรกิจ
โดยบางจากฯ จะส่งมอบแอลกอฮอล์เจลสำหรับทำความสะอาดมือขนาด 50 มิลลิลิตร ที่มีส่วนผสมของเอทานอลและกลีเซอรีนจากกระบวนการผลิตของบริษัท บีบีจีไอ จำกัด (มหาชน) บริษัทในกลุ่มบางจากฯ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพ จำนวน 30,000 ขวด ผ่านกระทรวงพลังงาน เพื่อนำไปแจกให้กับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้ โดยไม่มีการผลิตเพื่อจำหน่ายแต่อย่างใด
นอกจากนี้ บางจากฯ ยังมีแผนใช้สถานีบริการน้ำมันบางจากเป็นสถานที่ตั้งจุดเติมเจลทำความสะอาดมือ (refill station) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ลดการใช้วัสดุสิ้นเปลือง โดยคาดว่าจะเริ่มจัดตั้งจุดเติมเจลทำความสะอาดมือในสถานีบริการนำร่องจำนวนหนึ่งได้ในเร็วๆ นี้
และด้วยความห่วงใยเพื่อนพนักงานที่ประจำการในโรงกลั่นน้ำมัน อีกทั้งพนักงานที่ปฏิบัติการในสถานีบริการ ร้านกาแฟอินทนิล และร้านค้าปลีก SPAR พนักงานในกลุ่มบางจากฯ จึงได้ร่วมกันทำหน้ากากอนามัยชนิดผ้า ส่งมอบแก่เพื่อนพนักงานในกลุ่ม เพื่อร่วมสร้างความปลอดภัยในการปฏิบัติงานประจำวันอีกด้วย
ทั้งนี้ บางจากฯ ยังได้เตรียมมาตรการจัดการในองค์กร แผนรองรับผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การดูแลสังคมทั้งที่ได้ปฏิบัติไปแล้ว และแผนการลดผลกระทบเพื่อรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต ดังนี้
1. ปฏิบัติตามมาตรการดูแลสุขภาพของประชาชนพร้อมกับมาตรการควบคุมการแพร่กระจายโรคของประเทศไทย และปฏิบัติตามคำแนะนำของ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขอย่างเคร่งครัด โดยออกประกาศมาตรการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส COVID-19 ภายในองค์กรเป็นระยะๆ ตั้งแต่วันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา และมีการยกระดับการแจ้งเตือนอิงจากกระทรวงสาธารณสุข โดยให้พนักงานทุกคนรวมถึงบริษัทผู้รับเหมายึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด เช่น งดการเดินทางไปปฏิบัติงานต่างประเทศ หรือผู้ที่เดินทางกลับจากต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศ กลุ่มเสี่ยงให้ Work from home 14 วันเพื่อเฝ้าระวังอาการของตนเอง เป็นต้น
2. แจกหน้ากากอนามัยชนิดผ้าและเจลทำความสะอาดมือชนิดพกพาให้กับพนักงาน จัดวางเจลทำความสะอาดมือในพื้นที่ต่างๆ ในบริษัทฯ ควบคุมทำความสะอาดจุดสัมผัสทุกพื้นที่ อบโอโซนค่าเชื้อ กำหนดจุดตรวจคัดกรองเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายพนักงานและผู้มาติดต่องาน พร้อมทั้งประชาสัมพันธ์วิธีการดูแลและป้องกันการติดเชื้อผ่านสื่อต่างๆ ของบริษัท ทั้งกับพนักงานและบุคคลภายนอก เช่น เฟซบุ๊กบางจาก
3. ติดตามสถานการณ์และเตรียมรับสถานการณ์ตาม Business Continuity Plan รวมถึงมีการซ้อมรับสถานการณ์โดยการจำลองเหตุการณ์
4. ปิดให้บริการศูนย์เรียนรู้นวัตกรรมพลังงานสีเขียวของบางจากฯ ที่อาคารเอ็มทาวเวอร์ กรุงเทพฯ และ BCPG Visitor Center อ.บางปะอิน จ. พระนครศรีอยุธยา เป็นการชั่วคราว เพื่อลดความเสี่ยงในการแพร่ระบาด
5. ช่วยบรรเทาผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายของผู้ใช้น้ำมันดีเซล มอบโปรโมชั่น “สุดคุ้ม 3 ต่อ” เติมน้ำมันบางจากไฮ ดีเซล S B10 ราคาถูกกว่าน้ำมันดีเซลทั่วไป 3 บาท แถมน้ำดื่มขวดใหญ่ 2 ขวด ระหว่าง 1 มีนาคม - 31 พฤษภาคม ในสถานีบริการน้ำมันบางจากที่ร่วมรายการ พร้อมรับคะแนนสะสม 2 เท่า
“ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่อาจคาดการณ์ได้ ขอให้เราทุกคนให้ความร่วมมือกับทางภาครัฐ ปฏิบัติตามคำแนะนำที่เป็นประโยชน์ เพื่อลดความเสี่ยง ร่วมดูแลสุขภาพของตนเองและมีจิตสำนึกร่วมรับผิดชอบต่อคนรอบข้างและสังคม เพื่อที่เราทุกคนจะได้ปลอดภัย ไม่เป็นต้นเหตุในการส่งเชื้อโรคให้ใคร และไม่รับเชื้อโรคจากใคร เราจะผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปด้วยกันครับ” นายชัยวัฒน์ กล่าวทิ้งท้าย
เกี่ยวกับบางจากฯ
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กลุ่มธุรกิจผู้นำนวัตกรรมสีเขียวเพื่ออนาคตที่ยั่งยืน ดำเนินงานใน 5 ธุรกิจหลัก คือ
1) กลุ่มธุรกิจโรงกลั่นและการค้าน้ำมัน เป็นโรงกลั่นแบบ Complex Refinery ที่ทันสมัย 2) กลุ่มธุรกิจการตลาด ช่องทางหลักในการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ผ่านเครือข่ายสถานีบริการของบริษัทฯ กว่า 1,100 แห่ง มีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 2 ของประเทศ เสริมด้วยธุรกิจ Non – oil ร้านกาแฟอินทนิลและร้านสะดวกซื้อ SPAR เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานไฟฟ้า ผ่านการดำเนินธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนของบมจ. บีซีพีจี ประกอบด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ลม ความร้อนใต้พิภพและน้ำ ในประเทศไทย ญี่ปุ่น ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย และลาว 4) กลุ่มธุรกิจผลิตภัณฑ์ชีวภาพ ดำเนินการภายใต้ บมจ. บีบีจีไอ ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเชื้อเพลิงชีวภาพที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย 5) กลุ่มธุรกิจทรัพยากรธรรมชาติ ได้แก่ ธุรกิจปิโตรเลียม ผ่านการถือหุ้นใน OKEA ASA ผู้พัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในประเทศนอร์เวย์ และธุรกิจเหมืองลิเทียม ผ่านการถือหุ้นใน Lithium Americas Corp. (LAC) ผู้ประกอบธุรกิจเหมืองลิเทียมในประเทศอาร์เจนติน่าและสหรัฐอเมริกา
นอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งสถาบันนวัตกรรมและบ่มเพาะธุรกิจ (BiiC) เพื่อสร้างระบบนิเวศน์สำหรับนวัตกรรมสีเขียว (Green Ecosystem) ส่งเสริมและผลักดันนวัตกรรมที่สนับสนุนการก้าวกระโดดของพลังงานสีเขียวและผลิตภัณฑ์ชีวภาพเพื่อสร้างความมั่นคงและยั่งยืนด้านพลังงานของประเทศต่อไป