“บรรยง พงษ์พานิช” นักบริหารการเงินชื่อดัง มากประสบการณ์ มีตำแหน่งสำคัญๆ คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เคยเป็นอดีตประธานกรรมการ บริษัท หลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) , อดีตบอร์ดการบินไทย และอดีตซุปเปอร์บอร์ดรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊คในหัวข้อ “เรากำลังสู้ศึกครั้งใหญ่!” มีสาระสำคัญที่น่าสนใจ..ยังไงก็ไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก เปลี่ยนแม่ทัพกลางสงครามเราควรสนับสนุนรัฐบาลให้ความร่วมมือบรรลุเป้าหมายชนะศึก พักความขัดแย้งทั้งหลายไว้ก่อนแต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าต้องปิดปากสนิท ห้ามวิพากษ์วิจารณ์หรือเสนอแนะใดๆ …แต่ขอให้ทำอย่างสร้างสรรค์ผมสนับสนุน ในการออก พรก.บริหารฯ ฉุกเฉิน สนับสนุนมาตรการเข้มงวดต่างๆ ที่จะต้องหยุดยั้งการแพร่ระบาดโรคให้ได้โดยเร็วผมสนับสนุนให้ออก พรก.กู้เงิน และเพิ่มงบประมาณฉุกเฉินอีก ไม่น้อยกว่า1 ล้านๆ บาท (ไม่เกิน 1.7 ล้านล้านบาท หรือ 10% ของGDP)โดยขอให้จัดลำดับความสำคัญของงบประมาณพิเศษดังนี้1. เพิ่มงบสาธารณสุขให้พอเพียง ทั้งสถานพยาบาล เครื่องมือ อุปกรณ์ รวมถึงงบจ้างบุคคลากรพิเศษ (แม้ต้องจ้างต้องเชิญหมอพยาบาลจากจีนมาเสริมถ้าจำเป็นก็ควรเริ่มเตรียมการครับ) ถ้ายังหยุดโรคไม่ได้ก็ไม่มีทางเปิดเศรษฐกิจใหม่ได้ครับ2. งบข่วยเหลือดูแลประชาชนผู้ที่ต้องเดือดร้อนจากมาตรการต่างๆ ตลอดอายุของมาตรการ โดยเฉพาะผู้ที่ขาดรายได้พื้นฐานในการดำรงชีวิต (ที่ทำไปแล้วยังน้อยไปมาก และยังไม่ครอบคลุมครับ)3. งบช่วยเหลือสร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจที่หยุดชะงักจากผลของการระบาด และจากมาตรการของรัฐ (อย่าลืมว่ารัฐเป็นคนออกคำสั่งปิดเศรษฐกิจนะครับ)4. งบเพื่อดูแลสภาพคล่องและช่วยเหลือให้ตลาดการเงินยังดำรงอยู่ได้ (ดูแลและ rescue ระบบ โดยไม่ใช่อุ้มนายทุน)ทั้งหมดนี่เพื่อฝ่าฟันทั้งวิกฤตโรคร้ายและวิกฤติเศรษฐกิจที่ตามมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ต้องทำเร็ว ทำมาก ทำให้ดีไว้ก่อน จะหลีกเลี่ยงหายนะ หรือไม่ก็ลดความเสียหายได้มากได้สิงคโปร์ และสหรัฐฯ ประกาศมาตรการออกมา มีต้นทุนประมาณ 10% ของ GDP พอๆ กันไทยมีวินัยทางการคลังพอสมควรตลอดมา มีหนี้สาธารณะต่อ GDP แค่ 42% เรายังมีศักยภาพเพียงพอที่จะใช้ทรัพยากรกลางได้อีกเยอะครับ (มีวินัยมาก็เพื่อการนี้แหละครับ)ขอเพียงให้ใช้งบอย่างมีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้ก็แล้วกันนะครับ เปิดโอกาสให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการติดตามตรวจสอบประเทศไทยต้องชนะ (ยามนี้ยอมตามท่านนายกครับ)