เพราะ “ผู้นำ” เชื่อมั่นตัวเองสุดๆ หรือไม่ เลยทำให้ “คนเก่ง-คนดี” มีความเป็น “มืออาชีพ” ไม่อยากมาร่วมงานด้วย ผลที่เห็นคือ ความสะเปะสะปะ ไร้ความเป็นมืออาชีพ วิ่งไล่ตามปัญหา ทำงานเหมือนลิงแก้แห! เป็นเหตุให้ไวรัสโควิด-19 ลุกลามไปทั่วประเทศ หากรัฐบาลมอง “ซีเคว้นท์” ของการรับมือเป็น! ปัญหาคงไม่รุนแรงถึงเพียงนี้ยังคงวิ่งไล่ตามปัญหา...จนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว สำหรับการทำงานของรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ผู้ที่พกความมั่นใจมาเต็มเปี่ยมว่ ประมาณว่า “ข้าแน่ - ข้าของจริง”ก่อนหน้านี้ อาจยังไม่ชัดเจน แต่หลังจากเกิดวิกฤติการณ์ไวรัสโคโรน่าสายพันธุ์ใหม่ 2019 (โควิด-19) ที่แพร่ระบาดไปทั่วไทยกว่า 60 จังหวัด กระทั่ง ยอดผู้ป่วยของไทย ที่ ศอฉ. โควิดฯ แถลงข่าวเมื่อวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา พบว่ามีผู้ป่วยติดเชื้อรายใหม่ 136 คน ผู้ป่วยสะสม 1524 คน เสียชีวิตเพิ่ม 2 ราย รวมเสียชีวิตไปแล้ว 9 รายและมีแนวโน้มว่า...สถานการณ์ในไทย แม้จะไม่ลุกลามใหญ่โตเหมือนในยุโรปและอเมริกา ที่กราฟผู้ติดเชื้อฯ พุ่งสูงเป็นแนวดิ่ง แต่ก็ไม่ใช่แนบราบเหมือนที่รัฐบาลญี่ปุ่น ไต้หวัน หรือสิงคโปร์ ทำแน่!โอกาสที่เส้นกราฟของไทยจะพุ่งในลักษณะ “อยู่ตรงกลาง” ระหว่างชาติในยุโรปและอเมริกา กับชาติในเอเชีย มีสูง นั่นก็หมายความว่า...ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในประเทศไทย อาจไม่ถึง “หลักแสน” แต่แค่ “หลักหมื่น” ก็สร้างปัญหาอย่างมากมายแล้วนั่นเพราะ อุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ ตั้งแต่หัวจรดเท้า หรือที่วงการแพทย์เรียกว่าเป็น “ชุดอาวุธสงครามสู้กับเชื้อไวรัสโควิด-19” นั้น ไม่เพียงพอต่อการจะรับมือ แม้กระทั่ง โรงพยาบาล เตียงนอนผู้ป่วย รวมถึงอุปกรณ์เครื่องช่วยหายใจ ล้วนมีไม่เพียงพอต่อการศึกสงครามในครั้งนี้ปัญหาคือ งบประมาณในส่วนที่เรียกว่า “งบกลางฯ” ซึ่งนายกรัฐมนตรี ถือและสั่งจ่ายได้กว่า 4 แสนล้านบาท ในปีงบประมาณ 2563 หายไปไหน? ตัวเลขที่กรมบัญชีกลางแจ้งไว้ ว่ามีการใช้ไปแล้วกว่า 2.2 แสนล้านบาท เหลือเพียง 1.91 แสนล้านบาทเศษนั้นทำไมแค่ระยะเวลาเพียงเดือนเศษๆ หลังจาก...ปัญหาความล่าช้าของงบประมาณฯ ได้รับการแก้ไขจากสภาผู้แทนราษฎร เม็ดเงินถึงกว่า 2.2 แสนล้านบาท ถึงถูกละลายหายไปในพริบตาทั้งที่ช่วงเวลาดังกล่าว การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก็แสดงให้เห็นว่ามันรุนแรงอยู่แล้วทำไม?...ทำไม?...ทำไม?...นายกรัฐมนตรี ไม่ใช้ก้อนนี้ รวมถึงเงินก้อนอื่นๆ ที่ในสถานการณ์นี้...คงไม่มีความจำเป็นใดๆ จะมาแทนที่การสู้รบตบมือกับเจ้าไวรัสโควิด-19 ได้อีกแล้วไม่ว่าจะเป็น “งบลับ” “งบจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์” “งบจัดอบรมสัมมนา” “งบเดินทางท่องเที่ยวในต่างแดน” “งบก่อสร้างอาคารสำนักงาน” และอีกสารพัดงบที่ยังไม่มีความจำเป็นในยามนี้เอางบทั้งหมดที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” เขียนปะเอาไว้ข้างต้น...มาใช้ในทางการแพทย์ เพื่อสู้รบตบมือในศึกสงครามกับเชื้อไวรัสโควิด-19แต่กลับไม่ทำ แถมยัง “ปิดปาก” กลุ่มแพทย์ที่ออกมาบอกกับสังคมว่า...อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ “ขาดแคลน” แล้วยังไม่ให้มีการขอรับบริจาคเสียอีก!จนถึงส่อเสียดจากวงการแพทย์ทำนอง “ผู้ใหญ่บางคน...มือไม่พาย เอาเท้าราน้ำ”อีกเรื่องที่ต้องขอตำหนิรัฐบาล ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จะด้วยความที่ขาด “มืออาชีพ” ในคณะรัฐมนตรีหรืออย่างไรไม่ทราบ แต่จากนโยบายและมาตรการต่างๆ ที่มีออกมา ถือว่า ทำกันได้อย่างสะเปะสะปะสิ้นดี!ลองไล่เรียงกัน...หากวันนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ใช้ความเป็น “ผู้นำ” เรียกประชุมร่วม ทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ และผู้เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อกำหนดแผนยุทธศาสตร์รับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19เริ่มจาก...1.นายกรัฐมนตรี ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ2.ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ประกาศ “ปิดจังหวัด - ปิดสถานบริการ/แหล่งบันเทิง” ตามแต่สถานการณ์และความเหมาะสม3.กระทรวงการคลัง เสนอคณะรัฐมนตรี เพื่อออกมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด-19 โดยแจกให้เร็วและแจกให้ครบ4.กำหนดแนวทางการขอรับเงินเยียวยา โดยย้ำชัดๆ ว่า...จะไม่มีการรวมตัว ต่อแถง หรือเข้าคิว ตามสาขาของธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐแต่อย่างใด ทุกอย่างทำผ่านระบบ “โมบายแบงก์กิ้ง”หากรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ ไล่เรียงแผนงาน ทั้งนโยบายและมาตรการ ตาม “ซีเคว้นท์” นี้ จะไม่มีกลุ่มคนที่เกิดอาการตื่นตระหนก กับคำสั่ง “ปิดจังหวัด - ปิดสถานบริการ/แหล่งบันเทิง” จนต้องแห่ขึ้นรถกลับบ้านเกิดเมืองนอนกระทั่ง นำเชื้อไปเผยแพร่ให้ญาติพี่น้องและคนร่วมทาง อย่างที่เห็นกันที่สำคัญ คำสั่ง “ให้อยู่กับบ้าน 14 วัน” ก็จะได้รับความร่วมมือ เพราะทุกคนที่ได้รับผลกระทบ จะมีเงินช่วยเหลือเยียวยาจากรัฐบาล คนละ 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน (เมษายน - มิถุนายน)พ้นกำหนดเส้นตาย 14 วัน ใครที่จะเดินทางกลับบ้านเกิดในต่างจังหวัด ก็ให้ไปขอใบรับรองแพทย์ เพื่อยืนยันการันตีว่า “ตัวเองปลอดเชื้อไวรัสฯ” โดยระหว่างเดินทาง...ก็ควรมีการสุ่มตรวจหาเชื้อฯ ตลอดเส้นทาง สร้างความมั่นใจให้กับคนที่อยู่ปลายทางเสียดายที่รัฐบาลชุดนี้ “ขาดความเป็นมืออาชีพ” “วิ่งไล่ตามปัญหา” และ “ทำงานเป็นลิงแก้แห” จึงมองไม่เห็น “ซีเคว้นท์” ที่ “สำนักข่าวเนตรทิพย์” ฉายให้ดูเป็นตัวอย่างตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงพุ่งพรวด สร้างความโกลาหล และตื่นตระหนก อย่างมากมายในสังคมไทย และทำให้นายทุนหลายกลุ่ม...ร่ำรวยจากสถานการณ์นี้ข้าวสารอาหารแห้ง ไข่ไก่ น้ำมันพืช หน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ ฯลฯ ล้วนดาหน้า...แพงแซงหน้ากันไม่เว้นวันยิ่งตื่นตระหนก ยิ่งกักตุน และยิ่งทำให้พ่อค้านายทุนร่ำรวย บนเส้นแบ่งความเป็นความตายของเพื่อนร่วมชาติ!