ข้อมูลการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อ 2 ปีก่อน หรือปี 2560 ระบุว่า การซื้อขายหุ้นด้วยหุ่นยนต์หรือโรบอทเทรดมีสัดส่วนกว่า 20% ของทั้งหมด ส่วนตลาดหุ้นในต่างประเทศกินสัดส่วนไปถึงกว่า 70% ผ่านมากว่าปีจนถึงปัจจุบัน ล่าสุดไม่รู้ว่านักลงทุนรายย่อยของไทย หรือแมงเม่าทั้งหลาย โดนโรบอททำเจ๊งไปขนาดไหนแล้วประเด็นนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. รวมทั้งผู้กำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. น่าจะออกมาแอคชั่นมากกว่าที่ผ่านมา โดยเฉพาะการซื้อขายผ่านหุ่นยนต์ หรือนักลงทุนประเภท HFT (High-frequency trading) ที่มีการพัฒนาต่อยอดจากการซื้อขายผ่านโปรแกรมสั่งซื้อขายออนไลน์ทั่วไป ที่มีการตั้งคำสั่งซื้อขายตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยไม่ต้องเสียเวลานั่งเฝ้าหุ้นทั้งวันสำหรับ HFT พูดแบบภาษาชาวบ้าน เป็นระบบเทรดที่โรบอทจะเทรดตามที่มีการเขียนโปรแกรมการตัดสินใจลงทุนล่วงหน้า ว่าผู้ลงทุนต้องการลงทุนด้วยกฎเกณฑ์แบบไหน โดยมีการทดสอบนำข้อมูลตลาดหุ้นย้อนหลัง หรือแบ็คเทส ใช้วิเคราะห์ข้อมูลหรือดาต้าอนาไลติกส์ ส่วนการเทรดทางหุ่นยนต์ จะเทรดอัตโนมัติ จับตามอัลกอริทึ่ม การส่งคำสั่งซื้อขาย จึงเร็ววกว่ามนุษย์ชนิดหลายสิบเท่าตัวไม่ใช่เหมือนเมื่อก่อนที่หุ่นยนต์ประมวลผลมาตามโปรแกรมที่เขียนไว้ว่า จะลงทุนด้วยเงื่อนไขไหน จากนั้นผู้ตัดสินใจสุดท้ายยังเป็นมนุษย์ เพราะเคยเกิดความเสียหายในต่างประเทศที่ให้หุ้นยนต์ตัดสินใจเทรด 100% แล้วขาดทุนหลายล้านเหรียญสหรัฐ แต่ทางโบรกเกอร์ ไม่กล้าสั่งหยุด เนื่องจากกลัวโดนลูกค้าฟ้องร้อง รวมทั้งขณะนั้น พวกปัญญาประดิษฐ์ หรือ เอไอ ยังมีข้อมูลที่ป้อนเข้าไปไม่ได้มากพอใช้ตัดสินใจ ซึ่งเรื่องตลกของเอไอที่มีการยกตัวอย่างกันมาก คือ นำเต่าไปให้เอไออ่านว่านี่คืออะไร เอไอตอบได้ว่าเต่า แต่พอนำเต่าตัวนั้นไปทาสีที่กระดองให้มีหลากสีสัน ทางเอไอระบุว่านี่คือปืนเล็กยาวแต่นั่นคืออดีตที่ผ่านมาแล้วหลายปี ซึ่งหลายคนคงรู้จักกฎของมัวร์ ที่ทำนายว่า ความสามารถของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายจะเพิ่มขึ้นฉลาดขึ้น 1 เท่าตัวในทุก 1-2 ปี จากนั้นขยับเร็วขึ้นเป็น 6 เดือนถึง 1 ปี และจะฉลาดขึ้นทุกๆ เท่าตัวในอัตราที่เร็วขึ้น โดยมนุษย์โลกได้ผวากันมาแล้ว เมื่อหุ่นยนต์อัลฟาโกะ สามารถเอาชนะแชมป์โกะ ระดับโลกได้อย่างราบคาบ จากที่เริ่มเดินเกมโกะ หุ่นยนต์จะตัดสินใจช้ามาก เพราะกระดานยังว่าง ทางเลือกที่จะเดินแล้วชนะคู่แข่งมีเป็นหลายพันหลายหมื่นวิธี แต่พอช่วงท้ายเหลือไม่กี่ช่อง ฝ่ายมนุษย์กลายเป็นฝ่ายช้า เพราะต้องคิดหนักที่จะเอาชนะ ขณะที่ทางหุ่นยนต์มีข้อมูลที่โดนป้อนโปรแกรมไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ถ้าคู่แข่งวางหมากตัวไหน จะมีกี่ทางเลือกที่จะวางให้ชนะ จึงตัดสินใจได้เร็วและชนะอย่างขาดลอยเมื่อเป็นเช่นนี้ หากยังให้นักลงทุนรายย่อยหรือแมงเม่าทั้งหลาย ที่ทางตลาดหลักทรัพย์ฯอยากสนับสนุนให้รู้จักเก็บออม ให้รู้จักลงทุน เพื่อได้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ ได้รับการแบ่งปันจากการเติบโตของเศรษฐกิจมากขึ้น ไม่กระจุกตัวอยู่แต่ไม่กี่กลุ่ม แต่ถ้ายังปล่อยให้นักลงทุนรายย่อยสู้กับรายใหญ่ สถาบัน นักลงทุนต่างประเทศ ที่มีเทคโนโลยีเหนือกว่า โดยไม่มีการกำหนดกรอบในการแข่งขันที่ให้สามารถไปด้วยกันได้ ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลว่ามีการอนุญาตให้ใช้หุ่นยนต์ ใช้เอไอ เข้ามาซื้อขายหุ้นได้ถึงระดับไหน นอกจากนี้ ทางหน่วยงานที่ดูแล มีการวางมาตรการในการตรวจสอบ มีเครื่องมือกำกับดูแล เช่นที่ต่างประเทศมีการตั้งตำรวจหุ่นยนต์เข้ามาตรวจสอบหุ่นยนต์ที่ปั่นราคา หรือทุบราคาหุ้นอย่างไม่มีเหตุผล มีการกำกับดูแลโรบอทเทรดที่เข้ามาดีสรับโรบอทเทรดด้วยกันเองให้อยู่ในจริยศาสตร์หุ่นยนต์ทั้งหมดนี้จึงไม่ควรมองผิวเผินว่า เป็นเรื่องของบางบริษัทหลักทรัพย์ที่มีลูกค้าเป็นรายย่อยมาก ออกมาร้อง เพราะ โดน HFT ทำให้นักลงทุนรายย่อยหายไป ทำไมไม่ปรับตัวตามกระแสโลกที่กำลังมา แต่ควรต้องเร่งวางกติกา และที่สำคัญอยากเรียกร้องให้เปิดเผยการซื้อขายหุ้นผ่านวิธี HFT เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจของนักลงทุน ก่อนที่อัลฟาโกะในวงการหุ้นจะกินรวบทั้งตลาด เพราะในซีโร่ซัมเกมอย่างตลาดหุ้น ถ้าหุ่นยนต์ชนะ ฝ่ายที่แพ้ก็ต้องเป็นมนุษย์ นั่นเอง!โดย..คนฝั่งธนฯ