อนุ กบอ.เตรียมชงบอร์ดอีอีซีเร่งเสนอ ครม.ไฟเขียวกลุ่มบีบีเอส สร้างสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก คาดลงนามสัญญาได้ภายในเดือน พ.ค.นี้ ยังฝันหวานรัฐจะมีรายได้จากภาษีอากรเพิ่มกว่า 6 หมื่นล้านบาท เกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,640 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะอนุกรรมการบริหาร การพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาพตะวันออก (กบอ.) ที่มี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้พิจารณาโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก โดยมีมติให้เร่งนำเสนอคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเร็วที่สุด
ทั้งนี้ โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาฯ ใช้เงินลงทุน 2.9 แสนล้านบาท โดยรัฐจะมีรายได้จากภาษีอากรเพิ่มมากกว่า 6 หมื่นล้านบาท (ไม่นับรวมรายได้ภาษีทางอ้อมกับธุรกิจเชื่อมโยงนอกเมืองการบินภาคตะวันออก) และทำให้เกิดการจ้างงานเพิ่ม 15,640 ตำแหน่งต่อปี ในระยะ 5 ปีแรก
ด้าน พลเรือตรี เกริกไชย วจนาภรณ์ เลขานุการคณะกรรมการคัดเลือกเอกชนร่วมทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินตะวันออก กล่าวว่า สำหรับกลุ่มกิจการร่วมค้าบีบีเอส (BBS Joint Venture) (กลุ่มบีบีเอส) ประกอบด้วย บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (Lead Firm) บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) เป็นผู้เสนอผลประโยชน์สูงสุดในโครงการนี้ และคณะกรรมการคัดเลือกฯได้เห็นชอบผลการเจรจากับกลุ่ม BBSโดยจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) และคณะรัฐมนตรี (ครม.)ต่อไป พร้อมกันนี้ยังส่งร่างสัญญาที่จะนำไปลงนามสัญญากับกลุ่มบีบีเอสให้สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) ตรวจสอบก่อน และคาดว่าจะมีการลงนามสัญญากับเอกชนที่ผ่านการคัดเลือกเข้าร่วมลงทุนได้ภายในเดือน พ.ค.นี้
นายโชคชัย ปัญญายงค์ ผู้เชี่ยวชาญพิเศษด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในฐานะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาพตะวันออก (กบอ.) กล่าวว่า โครงการดังกล่าวนี้ได้วางยุทธศาสตร์สำคัญใน 3 ภารกิจ คือ 1. เป็น “สนามบินกรุงเทพฯ แห่งที่ 3” เชื่อมสนามบินดอนเมือง และสุวรรณภูมิ ด้วยรถไฟความเร็วสูง 2. เป็นศูนย์กลางการพัฒนาธุรกิจเป้าหมายโดยเฉพาะการเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรม ท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation” ของอีอีซี 3. เป็นศูนย์กลางของ “มหานครการบินภาคตะวันออก” ที่จะครอบคลุมการพัฒนาพื้นที่เมือง ประมาณ 30 กิโลเมตรโดยรอบสนามบิน (เมืองพัทยาถึงตัวเมืองระยอง) ซึ่งเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ของการพัฒนา Eastern Seaboardที่ต้องการให้เกิดเป็นเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย โดยเชื่อมโยงเป็นส่วนขยายของกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไปทางตะวันออกสามารถเชื่อมโยงกันได้อย่างสะดวกทั้งทางน้ำ (เรือและท่าเรือ) ทางบก (ทางด่วน รถไฟ และรถไฟความเร็วสูง) และทางอากาศ (สนามบิน)
นอกจากนี้ วางเป้าหมาย 6 กิจกรรมสำคัญ คือ 1. อาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 (Passenger Terminal Building 3) 2. ศูนย์ธุรกิจการค้าและการขนส่งภาคพื้นดิน (Commercial Gateway and Ground Transportation Centre) 3. ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (Maintenance Repair and Overhaul) 4. เขตประกอบการค้าเสรี และเขตธุรกิจเกี่ยวเนื่อง (Cargo Village or Free Trade Zone) 5. ศูนย์ธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศและโลจิสติกส์ (Cargo Complex) และ 6. ศูนย์ฝึกอบรมการบิน (Aviation Training Centre)