รายงานข่าวแจ้งว่า นายบรรยง พงษ์พาณิช นักบริหารการเงินชื่อดัง มากประสบการณ์ มีตำแหน่งสำคัญๆ คือ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารเกียรตินาคิน จำกัด (มหาชน) เคยเป็นอดีตประธานกรรมการ บริษัท หลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน), อดีตบอร์ดการบินไทย และอดีตซุปเปอร์บอร์ดรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊คในหัวข้อ ”Japan Airlines เขาฟื้นฟูกันอย่างไร…ใครต้องสูญเสีย ต้องเสียสละบ้าง!”
โดยระบุว่า...ขั้นต้น ผู้ถือหุ้นเดิมต้องรับผิดชอบก่อน ในฐานะที่มีอำนาจสูงสุดในการบริหาร ในการเลือกกรรมการตลอดมา ต้องลดทุนเดิมให้เกือบหมด(เหลือ1 สตางค์เหมือนกรณีแบงค์ล้ม หรือเพิ่มทุนใหม่ราคาหุ้นละ 1 สตางค์ก็ให้ผลใกล้เคียงกัน) หลังจากนั้น เจ้าหนี้และพนักงานก็ต้องสูญเสียบ้าง
การฟื้นฟูนั้น ไม่ใช่แค่หาผู้วิเศษมาเนรมิตครับ มันเป็นไปไม่ได้ มันยับเยินขนาดนี้ ต้องมีการสูญเสียแน่นอน ถ้าไม่งั้นต้องให้ผู้เสียภาษีรับภาระทั้งหมด
ด้าน นายนัท เหลืองนฤมิตขัย ผชจก.ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ระบุเพิ่มว่า ผมดีใจนะครับที่การบินไทยและรัฐบาลเลือกทางเดินที่ควรเลือกครับ แต่วันนี้มันยังเป็นแค่ทางแยกแรก หนทางยังอีกยาวไกล และเราต้องการผู้นำทางที่มีความสามารถ และกล้าที่จะเปลี่ยน และแน่นอนว่าต้องมีบางคนที่จะต้องสูญเสีย
เพื่อไม่ให้เราหวังสูงกับมันมากเกินไป ผมขอเอา case study กรณี Japan Airlines ที่คนพูดถึงกันว่าประสบความสำเร็จมากๆ ซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น แต่หลายๆ คนไม่เคยได้ยินว่าใครสูญเสียบ้าง
วันนี้เลยขอไล่รายชื่อผู้เกี่ยวข้องที่โดนผลกระทบ จากการที่ Japan Airlines เข้ากระบวนการฟื้นฟูเมื่อปี 2553 และออกจากกระบวนการฟื้นฟูในปี 2555
1. ด้วยกฎหมายล้มละลายที่เข้มงวดของญี่ปุ่นที่ยึดในความเชื่อที่ว่า ถ้าบริษัทมีปัญหา ผู้ถือหุ้นจะต้องรับผิดชอบในความเสียหายก่อนเจ้าหนี้ ผู้ถือหุ้นของ Japan Airlines ทั้งหมด 380,000 คน โดนลดทุน 100% และบริษัทเข้าควบรวมกับบริษัทย่อย คือ Japan Airlines International และเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น Japan Airlines แปลว่าไม่มีหุ้นเหลือเลยในบริษัทใหม่ครับ
2. ธนาคารและสถาบันการเงิน ยอมลดหนี้ของตน 87.5% (521.5 พันล้านเยน) จน article บางแห่งบอกว่านี้ไม่ใช่ haircut (ตัดผม) แต่เป็นการ shave (โกนหัว) เสียมากกว่า
3. ผู้โดยสารโดนผลกระทบจากการลดจำนวนเที่ยวบินภายในประเทศจาก 148 มาเป็น 109 เที่ยวบิน และเที่ยวบินนานาชาติจาก 75 มาเป็น 65 เที่ยวบิน (จากเดือน มี.ค. 2553 - มี.ค. 2556)
4. พนักงาน ค่าตอบแทนของพนักงานขับเครื่องบิน พนักงานต้อนรับ พนักงานภาคพื้น ถูกลดลง 21%, 24% และ 25% ตามลำดับ ในระหว่างปี 2551 - ปี 2554 การประกันชั่วโมงบินถูกยกเลิกทั้งหมด กองทุนสำรองเลี้ยงชีพถูกหักผลประโยชน์ลง 50% สำหรับพนักงาน และ 30% สำหรับพนักงานที่เกษียณอายุแล้ว นอกจากนี้ยังลดพนักงานอีก 15,700 คนจาก 47,000 คน แน่นอนที่สุด สหภาพแรงงานย่อมไม่พอใจเป็นอย่างมากและประท้วงในเรื่องนี้ แต่พอ ETIC ขู่ที่จะไม่ให้เงินสนับสนุนช่วยเหลือ Japan Airlines ถ้าหากสหภาพแรงงานทั้งสองของบริษัทจะออกมาประท้วง ประเด็นความขัดแย้งก็ลดลง
5. เจ้าหนี้การค้า ไม่ค่อยได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากเป็นปัจจัยสำคัญที่จะให้บริษัทดำเนินการต่อไปได้
6. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาล คือ DBJ ที่เข้ามาให้ความช่วยเหลือโดยการปล่อย bridge financing ให้ 100 พันล้านเยน ส่วนที่เป็นหนี้ได้รับการคุ้มครอง แต่หุ้นบุริมสิทธิ์มูลค่า 20 พันล้านเยนได้รับผลกระทบจากการลดทุน
ผมคงทิ้งท้ายไว้ตรงนี้ว่า นักลงทุนอย่าเพิ่งดีใจกับข่าวการเข้ากระบวนการฟื้นฟูของการบินไทยจนเกินไปครับ หนทางยังอีกยาวไกล และยังต้องถางกันอีกมากครับ
แต่ก็ต้องขอให้กำลังใจกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และหวังว่าจะร่วมกันผลักดันให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินชั้นนำของโลกในเร็ววันครับ
เดี๋ยวตอนหน้ามาดูกันว่า Japan Airlines ภายใต้การลงทุนของ ETIC และวิธีการบริหารแบบ Amoeba Management ของคุณลุง Inamori ทำอย่างไรถึงประสบความสำเร็จ
ป.ล. ความคิดเห็นส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับองค์กรใดๆ ครับ ข้อมูลข้างต้นเป็นข้อมูลในอดีตของ Japan Airlines ไม่สามารถเปรียบเทียบกับการบินไทยได้ เป็นเพียงข้อมูลอ้างอิงเท่านั้น
หมายเหตุ:
-นายบรรยง ขอขอบคุณ คุณนัท เหลืองนฤมิตขัย ผชจก.ตลาดหลักทรัพย์ (X ภัทร) ที่รวบรวมข้อมูลนี้นะครับ เป็นประโยชน์มากกับการฟื้นฟู
-ที่มา:(อ้างโดยนายนัท)..
https://en.wikipedia.org/wiki/Enterprise_Turnaround_Initiative_Corporation_of_Japan
https://en.wikipedia.org/wiki/Japan_Airlines
Yasuhiro Monden, Management of Enterprise Crises in Japan