“บสก.-บสย.”ขานรับนโยบายผู้ว่าการธปท.ประเดิมอุ้มสื่อตกงานหลายตำแหน่ง ทั้ง ”พีอาร์-เจรจาประนอมหนี้-จำหน่ายทรัพย์-พัฒนาบุคลากรและไอที” พร้อมแนะหากองค์กรขนาดใหญ่ ทั้ง ”รัฐวิสาหกิจ-เอกชน” ช่วยกัน ยันปัญหาสื่อตกงานเรื่องเล็กนายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการบริหาร บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (บสก.) และประธานกรรมการ บรรษัท ประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) เปิดเผยกับ "สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์" กรณีที่มีข่าวเกี่ยวกับการช่วยเหลือสื่อมวลชน ทาง บสก. และ บสย. มีความเห็นว่า เห็นดีด้วยกับแนวคิดในการเข้าไปช่วยเหลือสื่อมวลชนที่กำลังประสบวิกฤติจากการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีและสื่อใหม่ จนทำให้หลายแห่งต้องปรับลดพนักงานและปิดตัวลง โดยปัจจุบัน บสก. มีพนักงาน 1,200 คน เราสามารถรับสื่อที่ตกงานเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่ขาด เช่น การเจรจาประนอมหนี้และจำหน่ายทรัพย์ ซึ่งในสายงานดังกล่าว จะเรียนจบสายไหนมาก็ได้ โดยหน้าที่หลัก ๆ จะเป็นการเจรจากับลูกค้าในการปรับโครงสร้างหนี้ การพัฒนาและจำหน่ายหลักทรัพย์ ส่วน บสย. ปัจจุบันมีพนักงาน 300 คน เราสามารถรับตำแหน่งงานเพิ่มในส่วนด้านการจัดการโครงการ, ด้านการพัฒนาบุคลากร และด้านไอที ผมถือว่า ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัทมี 4 กลุ่ม คือ 1 ผู้ถือหุ้น 2 พนักงาน 3 ลูกค้า 4 สังคม ซึ่งเราต้องดูแลทั้ง 4 กลุ่ม ไปพร้อมๆ กัน คือธุรกิจต้องดำเนินการโดยคำนึงถึงทุกฝ่าย ครั้งนี้ถือเป็นการที่เราต้องดูแลสังคม ดูแลเพื่อนๆ ของเรา ซึ่งทั้งสององค์กร บสก. และ บสย. ยึดถือในแนวทางเดียวกัน เพราะสององค์กรนั้น ทำเพื่อประโยชน์สาธารณะมากกว่าเน้นกำไร อย่างไรก็ดี บสย. แม้จะเป็นองค์กรที่มีขนาดไม่ใหญ่มาก แต่การดำเนินธุรกิจสามารถช่วยคนได้เป็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้เริ่มเป็นผู้ประกอบการและเป็นบุคคลที่ยังไม่มีอาชีพ ในอนาคตอันใกล้ บสย. มีโครงการดีๆ ที่จะช่วยเหลือบุคคลในหลากหลายอาชีพ ให้เข้าถึงแหล่งสินเชื่อ และสามารถทำมาหากินหาเลี้ยงครอบครัวและเป็นประโยชน์ต่อภาคเศรษฐกิจตามนโยบายของกระทรวงการคลังและของรัฐบาล “เราคือส่วนหนึ่งของสังคม เราอยู่ในสภาพดูแลตรงนี้ได้ มีความเข้มแข็งพอสมควร ซึ่งหากใครแข็งแรงก็ช่วยกัน ถ้าหลายหน่วยงานที่มีกำลังหรือฐานะพอช่วยได้ ปัญหาสื่อตกงานไม่ใช่ปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะหากหน่วยงานรัฐวิสาหกิจหรือองค์กรเอกชนขนาดใหญ่ที่มีความเข้มแข็งกว่าภาครัฐลงมาเล่นด้วย เรื่องนี้ปัญหาเล็กมาก และเป็นการดีที่คนในสังคมต้องช่วยเหลือกันไม่ว่าจะประกอบอาชีพอะไร และที่ผ่านมา สื่อเราดูแลเหมือนเพื่อน ไม่ใช่มีงานแล้วจะไปใช้เขาเท่านั้น วันนี้เพื่อนมีความลำบากต้องเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเรายึดเป็นนโยบายนานนานร่วม 10 ปีแล้ว และปัจจุบันได้รับสื่อเข้าทำงานในบางหน่วย โดยเฉพาะตามสายงานตรงกับที่สื่อเรียนจบมา เช่น การเงินการธนาคารและทางด้านกฎหมายและนิเทศศาสตร์หรือประชาสัมพันธ์ เป็นต้น” นายบรรยง กล่าวในที่สุดก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวที่ยืนยันได้ว่า นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ผุดแนวคิดในการเข้าไปช่วยเหลือสื่อสารมวลชนที่ตกงาน จากการปรับตัวหรือปิดตัวลงของสื่อ จากปัญหาการรุกคืบของสื่อดิจิทัลและสื่อใหม่บนโลกอินเตอร์เน็ต สามารถอ่านรายละเอียดในเนตรทิพย์ Online ...http://www.natethip.com/news.php?id=206