
สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ ธอส. ออกตัวแรง ส่งเรื่องพิจารณาคุณสมบัติแต่งตั้งนายฉัตรชัย ศิริไล นั่งกรรมการผู้จัดการ ธอส.ถึงแบงก์ชาติ
เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา มีเอกสารเผยแพร่ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ลงนามโดย ว่าที่ร้อยตรีปกรณ์พัฒน์ ศุภมีวงศ์ ประธานสหภาพฯ ได้ยื่นถึงธนาคารแห่งประเทศไทย เรื่อง ขอให้พิจารณาคุณสมบัติการแต่งตั้ง นายฉัตรชัย ศิริไล ก่อนเข้าดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยขอนำเรียนการบริหารที่ผิดพลาดและส่อไปในทางประพฤติมิชอบของอตีตกรรมการผู้จัการธนาคาอาคารสงเคราะห์นายฉัตรชัย ศิริไลในหลายเรื่อง อาทิ
1. ในขณะที่ดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้จัดการสายงานสินเชื่อไม่ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ธนาคารทำไว้กับ ธปท. ในกรณีที่ห้ามธนาคารปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยกลุ่มลูกค้าที่ได้รับความเสียหายจากเหตุอุทกภัย ซึ่ง ธปท.ได้ให้เงินกู้แก่ธนาคารเพื่อช่วยเหลือลูกค้ากลุ่มดังกล่าว ซึ่งนายฉัตรชัยซึ่งเป็นรองกรรมการผู้จัดการสายงานสินเชื่อในขณะนั้น ทราบเรื่องดังกล่าวดี แต่ก็ไม่ออกระเบียบสินเชื่อกรณีการปรับเปลี่ยนดอกเบี้ยในกรณีต่างๆ ของลูกค้าสินเชื่อกลุ่มดังกล่าวเป็นเหตุให้ธนาคารมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงกว่าข้อตกลงจน ในที่สุดผู้ตรวจสอบของ ธปท. ได้ตรวจพบและสั่งปรับธนาคารอาคาร สงเคราะห์เป็นเงินหลายสิบล้านตามบันทึก ธปท.ที่ ธปท.ฝกง.(23)2584/2561 ลว.30/1161
2. นายฉัตรชัยมีเจตนาที่จะฝืนต่อกฎหมาย โดยให้ลูกจ้างหรือพนักงานสัญญาจ้างที่ได้รับการบรรจุเป็นพนักงานต้องยื่นใบลาออกและไม่ให้นับอายุงานต่อเนื่อง ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการขัดต่อ พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ พ.ศ. 2543 และคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์ ได้มีหนังสือหารือไปยังกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กระทรวงแรงาน ซึ่งทางกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงานได้มีหนังสือตอบและส่งมายังนายฉัตรชัย ให้ได้รับทราบว่า การที่บังคับให้ลูกจ้างและพนักงานสัญญาจ้างต้องเขียนหนังสือลาออกนั้น เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ธนาคารจะต้องดำเนินการนับอายุงานและสิทธิประโยชน์อย่างต่อเนื่องให้แก่ลูกจ้าง และพนักงานสัญญาจ้าง แต่นายฉัตรชัยกลับเพิกเฉย รายละเอียดปรากฎตาม (สิ่งที่ส่งมาด้วย 1)
การกระทำดังกล่าวของนายฉัตรชัยจึงเข้าลักษณะต้องห้ามของกรรมการที่ไม่ใช่กรรมการโดยตำแหน่งผู้จัดการ ผู้มีอำนาจในการจัดการ และที่ปรึกษาของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ ตามประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ สกศ. 13/2562 ข้อ 1.7 ที่กำหนดลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการที่จะต้องไม่มีหรือเคยมีพฤติกรรมที่ละเลยหรือฝ่าฝืนต่อกฎหมาย อันอาจจะทำให้เกิดความไม่เชื่อมั่นต่อสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ
3. การจัดซื้อจัดจ้างระบบ GHB ALL มีการเปลี่ยนแปลงแผนการจัดซื้อจัดจ้างประจำปีงบประมาณพ.ศ.2561 ซึ่งมีการใช้งบประมาณต่างกันมากเปลี่ยนจาก 7 ล้านเป็น 88 ล้านบาท และมีการจ้างจัดจ้างในเฟส 2 อีกกว่า 26 ล้านบาท แต่ประสิทธิ ภาพการใช้งานต่ำ มีลักษณะเป็นการแบ่งซื้อแบ่งจ้าง ซึ่งมีความผิดปกติรายละเอียดปรากฎตาม (สิ่งที่ส่งมาด้วย 2)
4. การใช้อำนาจในฐานะกรรมการผู้จัดการและประธานคณะกรรมการตลาดจัดสรรเงินคุ้มนิรันดร์เงินรายได้จากเป็นนายหน้าประกันชีวิต (โครงการคุ้มนิรันดร์) ให้อยู่ในอำนาจของตนเองรายละเอียดปรากฎตาม (สิ่งที่ส่งมาด้วย 3)
5. การใช้เงินของธนาคารไปอย่างฟุ่มเฟือย มีการปรับปรุงห้องทำงานส่วนตัว ห้องน้ำเฟอร์นิเจอร์ และลิฟท์ส่วนตัว (ชั้น 21 อาคาร 2) การปรับปรุงโครงสร้างหลังคาทางเชื่อมอาคารตามความเชื่อส่วนตัว แต่ใช้เงินของธนาคารไปอีกเกือบสิบล้านบาท โดยใช้งบประมาณของธนาคารสูงเกินความจำเป็น ซึ่งเรื่องนี้ก็มีพนักงานร้องเรียนให้มีตรวจสอบรายละเอียดปรากฎตาม
อย่างไรก็ตาม ทีมงานสำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ พยายามติดต่อนายฉัตรชัย ศิริวิไล กรรมการผู้จัดการ ธอส.เพื่อสอบถามเรื่องดังกล่าว แต่ไม่สามารถติดต่อได้

