“สนธยา” ผนึกทุกภาคส่วนเดินหน้าแผนแม่บทดิจิทัลพัทยา ยกระดับเป็นเมืองศูนย์กลางเศรษฐกิจใน EEC ชูยุทธศาสตร์ NEO Pattaya รองรับวิถีชีวิตยุคใหม่หลังโควิด-19 เน้นความเป็นสมาร์ทซิตี้ที่ประชาชนได้รับประโยชน์ นำเทคโนโลยีมาขับเคลื่อนธุรกิจ ท่องเที่ยวและการใช้ชีวิต คาดปริมาณคนเข้ามาถึง 70 ล้านคน ด้าน ม.บูรพาวางพิมพ์เขียว 8 กลยุทธ์ สร้างแพลตฟอร์มบริการภาครัฐรวดเร็วโปร่งใส การศึกษาสมัยใหม่ เพิ่มความปลอดภัยในชีวิต การจราจรและขนส่งอัจฉริยะ ฯลฯ
เมืองพัทยาและมหาวิทยาลัยบูรพา จัดการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อรับฟังความคิดเห็นเพื่อนำเสนอแผนแม่บทดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศ-การสื่อสารเมืองพัทยา และปรับปรุงข้อมูลทรัพยากรภูมิสารสนเทศขนาดใหญ่ของเมืองพัทยา (ระยะเวลา 5 ปี) (พ.ศ.2564-2568) โดยมี นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เป็นประธาน พร้อมด้วยผู้บริหารภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชนเข้าร่วม 400 คน ณ สวนนงนุชเทรดดิชั่นเซ็นเตอร์ ฮอลล์ 1 ชลบุรี
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา เปิดเผยว่า เมืองพัทยากำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าในทุกมิติ เพื่อก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ การลงทุน การคมนาคมขนส่งแห่งภาคตะวันออก ตามยุทธศาสตร์ “NEO Pattaya” โดยขณะนี้เราพร้อมแล้วที่จะนำโรดแมปตาม “แผนแม่บทเมืองดิจิทัลพัทยา” สร้างความเปลี่ยนแปลงในระยะ 5 ปีข้างหน้า มีเป้าหมายไปสู่ Smart City ที่ทันสมัยใช้เทคโนโลยีตอบโจทย์วิถีชีวิตยุคใหม่ทั้งด้านการท่องเที่ยว การทำธุรกิจ และการพักอาศัย ผสมผสานอย่างลงตัว เช่นเดียวกับเมืองนานาชาติระดับโลก
นายสนธยา กล่าวว่า โครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC ซึ่งจะลงทุนโครงสร้างพื้นฐานถึง 1.5 ล้านล้านบาท โดยเฉพาะสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาและรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินนั้น เมื่อแล้วเสร็จในช่วง 5 ปีข้างหน้าจะทำให้มีคนไทยและทั่วโลกเข้ามาพัทยาถึง 70 ล้านคน ไม่เพียงนักท่องที่ยว นักธุรกิจ นักลงทุน แต่ทุกระดับ พนักงาน ลูกจ้าง ก็จะเข้ามาพักอาศัย จึงเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องวางโรดแมป
เมืองพัทยายุคใหม่จะยกระดับเทคโนโลยี (Digital Transformation) สร้างความความสะดวกสบายให้ประชาชนผ่าน แพลตฟอร์มดิจิทัล อาทิ บริการภาครัฐที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา การเรียนรู้ตลอดชีวิต เพิ่มโอกาสทำธุรกิจคนรุ่นใหม่ นำระบบดิจิทัลพัฒนาการขนส่ง จราจร ท่องเที่ยว การแพทย์ การวางผังเมือง สิ่งแวดล้อม รวมถึงความสามารถในการแข่งขันทำให้พัทยาโดดเด่นเป็นศูนย์กลาง
“แผนแม่บทดิจิทัลพัทยาที่ประกาศวิสัยทัศน์วันนี้มีความสำคัญมาก เป็นการพลิกโฉมเมืองพัทยาหลังผ่านวิกฤตโควิด-19 ไปสู่การเป็นเมืองนานาชาติที่สมบูรณ์ ด้วยการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาบริหารจัดการและให้บริการประชาชน ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันเดินสู่เป้าหมายยุทธศาสตร์ NEO Pattaya เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ดึงดูดการท่องเที่ยวและนักธุรกิจ เป็นเมืองศูนย์กลางแห่ง EEC ได้อย่างแท้จริง”
แผนแม่บทดิจิทัลฯ เป็นความร่วมมือระหว่างเมืองพัทยาและมหาวิทยาลัยบูรพา โดยคณะภูมิสารสนเทศศาสตร์ เน้นการวางแผนดำเนินการใน 8 กลยุทธ์
1. พัฒนาหลักสูตรการจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยดิจิทัล
2. พัฒนาบุคลากรเมืองพัทยา ครู และนักเรียนสังกัดเมืองพัทยา ภาคธุรกิจ และภาคประชาสังคม
3. พัฒนาบริการด้วยนวัตกรรมดิจิทัล
4. พัฒนาแพลตฟอร์มกลาง เมืองพัทยา
5. พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร และความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
6. จัดทำนโยบายและแนวทางปฏิบัติในการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศ
7. พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามกรอบ “เมืองอัจฉริยะ”
และ 8. พัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารตามกรอบความพร้อมเป็น “รัฐบาลดิจิทัล”
ทั้งนี้ แผนแม่บทดิจิทัลพัทยาช่วง 5 ปีข้างหน้า จะนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศขนาดใหญ่หรือ Big Data มาเชื่อมต่อกับทุกระบบการทำงาน พัฒนาแอปพลิเคชันเข้าถึงประชาชนในทุกระดับ สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 3 ด้าน คือ ด้านเศรษฐกิจ ใช้ระบบ 3 มิติพลิกโฉมการท่องเที่ยวเพิ่มรายได้สู่ท้องถิ่น การติดต่อราชการรวดเร็วโปร่งใส ด้านการอยู่อาศัย มีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยระบบกล้องวงจรปิดเชื่อมต่อห้องสั่งการเมืองพัทยา ระบบสาธารณสุขนำนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น การจองคิวรับบริการไม่ต้องรอนานหรือมีบริการให้คำปรึกษาแบบทางไกล (Telemedicine) ฯลฯ ส่วน ด้านการศึกษา ยกระดับเด็กและเยาวชนด้วยเรียนการสอนโดยใช้สื่อดิจิทัล ความรู้จากนวัตกรรมอากาศยานไร้คนขับ และสร้างคนรุ่นใหม่ ฯลฯ
ด้าน นายกฤษนัยน์ เจริญจิตร คณบดีคณะภูมิสารสนเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยบูรพา ในฐานะหัวหน้าโครงการฯ พร้อมคณะ ได้นำเสนอแผนปฏิบัติงานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารแม่บทดิจิทัลฯ ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนในทุกๆ มิติ แก้ไขปัญหาในภาพรวมของเมืองพัทยาและเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ได้แก่
1. แผนงานจัดการเรียนรู้ตลอดชีวิตด้วยดิจิทัลเพื่อพัฒนาศักยภาพทุนมนุษย์
2.แผนงานพัฒนาศักยภาพบริการภาคธุรกิจและภาคประชาสังคมด้วยนวัตกรรมดิจิทัล
3.แผนงานพัฒนาแพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรองรับวิถีชีวิตประชาชน
4.แผนงานพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์
และ 5.แผนงานส่งเสริมเมืองพัทยาเป็นองค์กรดิจิทัลสมรรถนะสูงมุ่งสู่เมืองอัจฉริยะและเป็นรัฐบาลดิจิทัล
“เมืองพัทยาในอนาคตจะเป็นดิจิทัลออฟฟิส ลดสำเนา ลดความยุ่งยากต่างๆ สำหรับประชาชน ไม่ต้องมารอคิวนานๆ พัฒนาเทคโนโลยีที่คนทั่วไปเข้าถึงได้ง่าย มีไลน์พัทยาเพื่อสนับสนุนการให้บริการ เช่น จองคิวโรงพยาบาล บัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ปัญหาน้ำไฟฟ้า ความปลอดภัย มีตัวกลางช่วยประสานให้ได้รับความสะดวก” นายกฤษนัยน์กล่าว
นอกจากนั้น เมื่อประชาชนมีปัญหาโทรแจ้งขอความช่วยเหลือ เช่น น้ำท่วม อุบัติเหตุ อาชญากรรม ฯลฯ จะส่งโดรนออกไปล่วงหน้าและรายงานกลับมาแบบเรียลไทม์ ก่อนส่งเจ้าหน้าที่ไปจุดเกิดเหตุ จะทำให้นักท่องเที่ยวมีความปลอดภัยในที่สาธารณะ และแก้ปัญหาเรื่องการจราจร เพิ่มความมั่นใจเข้ามาใช้ชีวิตในเมืองพัทยามากขึ้น