ช่วงเดือนเมษายนของทุกปี เป็นเวลาแห่งความสุขของชาวสวนทุเรียนดินภูเขาไฟแห่งอีสานใต้ เพราะสิ่งที่ลงทุนลงแรงไปทั้งปี...ย้ำทั้งปี หรือ 365 วัน...เริ่มออกดอกออกผล!
จากการทุ่มทุนซื้อปุ๋ย ซื้อยา จ่ายค่าแรงงาน เพื่อบำรุงรักษา ”ต้นทุเรียนดินภูเขาไฟ” ให้ดีที่สุด หลังจากนั้นทุเรียนดินภูเขาไฟจะดูแลชาวสวนกลับมาด้วยการผลิตลูกทุเรียนเต็มต้น นั่นหมายความว่า เงินก้อนโตตัวเลข 7-8 หลัก วางกองอยู่ตรงหน้าชาวสวนทุเรียนกันแล้ว!
ปลายเมษาฯ...ตัดทุเรียนล็อตแรก
แม้ช่วงเดือนเมษายน จะเพิ่งเริ่มต้นเข้าสู่ฤดูกาลผลิตของทุเรียนดินภูเขาไฟ แต่สวนทุเรียนที่มีการบำรุงรักษาให้ปุ๋ยให้ยากับต้นทุเรียนเป็นอย่างดี ต้นทุเรียนจะผลิตลูกให้เห็น และนับว่าเป็นโอกาสทองของเจ้าของสวน ที่จะขายทุเรียนรุ่นแรกๆ ได้ราคาดี เพราะในตลาดมีคู่แข่งน้อย ขณะเดียวกันความต้องการของผู้บริโภคมีอยู่สูงมาก ซึ่งช่วงเวลานี้เจ้าของสวนที่มีทุเรียนแก่พร้อมตัดขาย สามารถกำเงินล้านในกำมือได้ไม่ยากนัก
เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2562 ที่ผ่านมา เจ้าของสวนทุเรียนดินภูเขาไฟในพื้นที่ปลูกบ้านซำขี้เหล็ก ตำบลพราน อำเภอขุนหาญ จังหวัดศรีสะเกษ เริ่มพากันสำรวจตรวจสอบทุเรียนดินภูเขาไฟที่แก่จัด และเริ่มถอยหลังกันแล้วว่า ประมาณสิ้นเดือนเมษายนนี้ พร้อมตัดทุเรียนที่แก่จัดส่งขายให้เถ้าแก่ล้งจากจันทบุรีและส่งขายปลีกในตลาดทั่วไปกันแล้ว
“วันนี้ (25เมษายน2562) เวลาเช้าตรู่ ได้เดินนับลูกทุเรียนดินภูเขาไฟพันธุ์หมอนทองในสวนที่แก่จัด หลังจากนับจากวันที่ดอกทุเรียนบาน 135 วัน และพร้อมตัดขาย มีจำนวน 3,000 ลูก และช่วงนี้ราคาทุเรียนดีมาก เพราะเป็นช่วงต้นฤดู ราคาขายหน้าสวน โดยขายแบบชั่งน้ำหนักจะอยู่ที่ 100-110 บาทต่อกิโล แต่ถ้าเลือกขายแบบราคาเหมา จะตกอยู่ที่ 90-100 บาทต่อกิโลกรัม จะทำให้เจ้าของสวนมีรายได้จากการขายทุเรียนล็อตแรกๆ ได้มากทีเดียว และวันนี้ได้โทรศัพท์นัดเถ้าแก่จากล้งจันทบุรีมาดูทุเรียนในวันที่ 28 เมษายนนี้แล้ว” เจ้าของสวนทุเรียนดินภูเขาไฟโคตรมงคลกล่าว
พายุร้ายพัดถล่ม...หายนะในพริบตา
ช่วงเช้าของวันที่ 26 เมษายน 2562 เจ้าของสวนทุเรียนดินภูเขาไฟที่มีทุเรียนแก่พร้อมตัดขายล็อตแรก 3-5 สวน ได้นั่งล้อมวงคุยกันอย่างมีความสุข โดยมีการรวบรวมจำนวนทุเรียนแก่พร้อมตัดขายให้เถ้าแก่ล็อตนี้ มีไม่ต่ำกว่า 10,000 ลูก หรือหากคูณด้วยน้ำหนักเฉลี่ย 3.5 กิโลกรัมต่อลูกทุเรียน จะมีทุเรียนแก่พร้อมตัดขายให้เถ้าแก่สิ้นเดือนเมษายนนี้ จำนวน 35,000 กิโลกรัม ถ้าขายได้กิโลกรัมละ 100 บาท จะมีเงินตกถึงมือชาวสวนในการขายทุเรียนล็อตแรก 3,500,000 บาทเลยทีเดียว!
ในช่วงบ่ายของวันเดียวกันนั่นเอง ในพื้นที่ปลูกทุเรียนดินภูเขาไฟเกิดปรากฏการณ์ฟ้าฝนตั้งเค้าทะมึนดำมาแต่ไกล ชาวสวนไม่ได้คิดอะไร เห็นว่าเป็นปรากฏการณ์ปกติที่ฝนเริ่มตกในพื้นที่ หลังจากที่สภาพอากาศร้อน (มากๆ) อบอ้าวมานาน ซึ่งฝนตกเป็นเรื่องดีเสียอีก เพราะไม่ต้องรดน้ำให้ต้นทุเรียน..
แต่พอคล้อยหลังไม่กี่วินาที ฟ้าฝนที่ตั้งเค้าทะมึนดำ ได้กลายเป็น ”หายนะ” ทันทีทันใด เพราะสิ่งที่มากับฝนนั่นคือ พายุหมุนลูกใหญ่ พัดกระหน่ำโจมตีสวนทุเรียนดินภูเขาไฟสวนแล้วสวนเล่า ไล่ตั้งแต่ “สวนแม่เทียน, สวนน้องสตางค์, สวน อบต.แป๊ะ”
จากนั้นพายุหมุนยกตัวข้ามพื้นที่ลุ่ม ผ่านสวน ”พ่อทองดี, สวนโคตรมงคล (แปลง1), สวนพ่อป่อง” แล้วพายุหมุนลดตัวลงพัดกระหน่ำสวนไข่มงคล, สวนสินสมุทร, สวนแม่ทองอินทร์, สวนศรียา, สวนประดิษฐ์, สวนพ่อป่อง(แปลง2)
พายุยังพิโรธไม่หยุด พัดกระหน่ำสวนโชคสมปองพังราบเป็นหน้ากอง, สวนโคตรมงคล (แปลง2), สวนแม่แก้ว และสวนพ่อนู ก็หนีหายนะครั้งนี้ไม่พ้น จากนั้นพายุหมุนยังไล่โจมตีสวนโชคมีชัยและสวนดาบคำหรือสวนสนอง ทองน้อย และสวนอื่นๆ เสียหายอย่างหนัก..ถึงสาหัสสากรรจ์!
สำรวจหายนะ...สวนทุเรียนดินภูเขาไฟ!
จากการสำรวจเบื้องต้น พบว่า สวนทุเรียนดินภูเขาไฟ ที่ชาวสวนลงทุนลงแรงปลูกมานาน ระยะเวลา 15-20 ปี แต่ถูกพายุร้ายพัดถล่มต้นทุเรียนหักโค่นระเนระนาดในชั่วพริบตาในช่วงเย็นของวันที่ 26 เมษายน 2562
สวนทุเรียนดินภูเขาไฟ หลังถูกพายุพัดถล่ม มีสภาพเสียหายหนัก ต้นทุเรียนขนาดใหญ่หักโค่น ลูกทุเรียนหล่นกระจายเต็มพื้น โดยสวนทุเรียนน้องสตางค์ ทุเรียนหล่นร่วม 2,000 กิโลกรัม สวนสินสมุทรต้นทุเรียนขนาดใหญ่อายุ 20 ปีโค่น 3 ต้น ต้นเล็ก2 ปี โค่น 3 ต้น สวนทุเรียนประดิษฐ์ ลูกทุเรียนหล่นเกลื่อนกระจายพื้น สวนทุเรียนแม่แก้ว ทุเรียนต้นใหญ่โค่น 6 ต้น สวนทุโคตรมงคล ทุเรียนต้นใหญ่โค่น 13 ต้น ลูกทุเรียนแก่พร้อมตัดเสียหาย 3,000 ลูก..
ที่น่าเศร้ายิ่งขึ้นกว่านี้คือ “สวนทุเรียนโชคสมปอง” ของลุงสมปอง บุญวัน ที่มี ”โอวาท บุญสัน” ลูกชายเป็นผู้ดูแลสวน บนพื้นที่ 20 ไร่ ต้นทุเรียนอายุ15-20 ปีถูกพายุร้ายพัดถล่มโค่น-หักระเนระนาดถึง 250 ต้น เรียกได้ว่า หายนะครั้งนี้..สวนโชคสมปองถึงขั้นหมดตัวกันเลยทีเดียว เพราะที่ผ่านมาสวนทุเรียนดินภูเขาไฟแห่งนี้ได้ผลผลิตถึงปีละ 80 ตัน หรือ 80,000 กิโลกรัม..เหตุการณ์ครั้งนี้เศร้าใจมากถึงมากที่สุด!
วอนรัฐ..ช่วยเยียวยา!
กรณีล่าสุดข่าวนายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดระเกษตรและสหกรณ์ มีแนวคิด จำกัดโควต้าในการปลูกทุเรียน ด้วยเหตุผล เกรงว่าสวนทุเรียนจะปลูกกันเยอะจนล้นระบบเหมือนสวนยางนั้น (อ้างอิงข้อมูลจาก: https://www.naewna.com/local/408807)
ต้องขอวอนท่านรัฐมนตรีฟังเสียงชาวสวนก่อน เนื่องจากมีเสียงจากคนที่ทำสวนทุเรียนมาทั้งชีวิตว่า “ทำสวนทุเรียนยากมาก ลงทุนเยอะ ดูแลใกล้ชิดยิ่งกว่าลูกสาว ผลผลิตขึ้นอยู่กับฟ้าฝน และเสี่ยงต่อภัยธรรมชาติ ทุเรียนเป็นสินค้าที่กินได้ไม่เหมือนสวนยาง” จึงแนะให้รัฐบาลโดยเฉพาะกรมวิชาการเกษตร เร่งหาวิธีผลิตทุเรียนอย่างไรให้ทนทานต่อโรค เพื่อกรุยทางสู่ทุเรียนปลอดสารเคมี ทำอย่างไรจะยกระดับทุเรียนไทยสู่เกรดฟรีเมี่ยม ส่งขายได้ราคาดีเหมือนผลไม้ชื่อดังของต่างประเทศ เช่น ญี่ปุ่น เป็นต้น
“ทุเรียนไทยยังเป็นที่ชื่นชอบของชาวจีน เพราะรสชาติอร่อยถูกใจมาก แต่สิ่งที่ชาวสวนต้องเร่งปรับปรุง คือ อย่าขายทุเรียนอ่อน อย่าให้มีสารเคมีตกค้าง และต้องเร่งสร้างแบรนด์ทุเรียนไทยสู่เกรดพรีเมี่ยม เพื่อหนีทุเรียนคู่แข่งในภูมิภาคเดียวกัน โดยเฉพาะทุเรียนเวียดนามที่มีการปลูกกันเยอะมาก แม้รสชาติทุเรียนเวียดนามจะสู้ทุเรียนไทยไม่ได้ รสชาติอาจจะต่างกัน เพราะสภาพดินที่ปลูกแตกต่างกัน แต่ทุเรียนเวียดนามได้เปรียบเรื่องการขนส่งเข้าจีน ค่าใช้จ่ายถูกกว่าทุเรียนไทย เพราะมีพรมแดนติดกับจีน ทำให้ทุเรียนเวียดนามเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของทุเรียนไทยในอนาคต” พ่อค้าทุเรียนชาวจีนรายหนึ่งกล่าว
หายนะที่เกิดขึ้นกับทุเรียนดินภูเขาไฟในครั้งนี้ จึงขอวอนให้รัฐบาลเร่งเข้าไปเยียวยาชาวสวนที่ถูกพายุพัดถล่มสวนทุเรียนจนหมดเนื้อหมดตัว..
อย่างน้อยเป็นการให้ทุน เพื่อต่อชีวิตชาวสวนทุเรียนดินภูเขาไฟลุกขึ้นสู้ใหม่อีกครั้ง!
โดย..โปรทุเรียน