ปรากฏการณ์ช็อคโลกหลังสิ้นสุด "เดตไลน์" ที่คณะกรรมการ กิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ( กสทช.) ขีดเส้นให้ผู้ประกอบกิจการทีวีดิจิทัล ที่จะโบกมือลาจอขอคืนใบอนุญาต ตามคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งขาติที่ 4/2562 ลงวันที่ 11 เมษายน 62 ที่กำหนดเอาไว้ในวันที่ 10 พฤษภาคม 62 ที่ผ่านมา
ซึ่งปรากฏว่า มีผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลขอคืนใบอนุญาตรวม 7 ช่องด้วยกัน ประกอบด้วย แฟมิลี่ ช่อง 14 และเอสดีช่อง 28 ของกลุ่มบีอีซี หรือข่อง 3, วอยซ์ทีวี ช่อง 21, ไบรท์ ทีวี ช่อง20, อสมท ช่อง 13, สปริงนิวส์ ช่อง 19 และ ช่อง 26 now ของเนชั่น ยังคงเหลือช่องที่ต้องดิ้นรนออกอากาศต่อสู้ต่อไปในท่ามกลางวิกฤติ "ดิจิทัล ดิสรัป" นี้อยู่อีก 15 ช่อง
นัยว่าหลังการคืนคลื่นและไลเซ่นส์ทีวีดิจิทัลดังกล่าว จะทำให้รัฐ และ กสทช. ต้องชดเชยเงินคืนให้แก่ผู้ประกอบการทั้ง 7ช่อง ร่วม 4,000 ล้านบาท
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการปิดตัวลงของสื่อทีสีดิจิทัลในครั้งนี้ คาดว่าจะทำให้ผู้สื่อข่าว ผู้ปฏิบัติงานในวงการสื่อมวลชนอาจต้องตกงานมากกว่า 2,000 คนเลยทีเดียว ถือเป็นวิกฤติครั้งใหญ่สุดของวงการสื่อเลยก็ว่าได้
ขณะที่ 4 องค์กรวิชาชีพสื่อ ที่ประกอบด้วย สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ได้ออกจดหมายเปิดผนึกเรียกร้องให้ กสทช. ขอความร่วมมือและกำชับผู้ประกอบการที่คืนใบอนุญาต ได้ดำเนินการชดเชยเยียวยาพนักงานที่ต้องตกงานในครั้งนี้อย่างเป็นธรรมและให้มากกว่าที่ พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานกำหนด เนื่องจากการคืนใบอนุญาตดังกล่าวผู้ประกอบการเองก็ได้รับเงินคืนจาก กสทช. เช่นกัน
แต่หนทางในอันที่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล และวงการสื่อที่กำลังหายใจไม่ทั่วท้องอยู่ในเวลานี้ จะได้รับชดเชยจากการคืนไลเซ่นส์ในครั้งนี้อย่างเต็มแม็กซ์ และเต็มเม็ดเต็มหน่วยหรือไม่ ยังต้องย้อนกลับไปดูเงื่อนไขการชดเชยให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดิจิตอล ตามคำสั่ง หัวหน้า คสช. และประกาศ กสทช. ในครั้งนี้ด้วย..ไม่ใช่จะควักกระเป๋าจ่ายกันง่ายๆ..
เพราะเม็ดเงินที่ กสทช. จะนำมาชดเชยผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ทั้งในส่วนที่ยังคงดำเนินกิจการต่อไปและส่วนที่ขอคืนใบอนุญาตนั้น ผูกติดอยู่กับเงื่อนไขการจัดสรร คลื่น 700 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ที่ กสทช. กำลัง "ปล้ำผีลุกปลุกผีนั่ง" อยู่กับผู้ประกอบการมือถือทั้ง 3 ค่าย ตามมาตรการข่วยเหลือในคำสั่งหัวหน้า คสช. ฉบับเดียวกัน
เพราะหากผู้ประกอบการมือถือที่กำลังตั้งแง่ขอดูเงื่อนไขและหลักเกณฑ์ การจัดสรรคลื่นความถี่ 700 จาก กสทช. ในครั้งนี้ไม่เข้าประมูล หรือไม่รับเงื่อนไขเซ็งลี้คลื่นจาก กสทช. เลย หรือเข้ามารับเงื่อนไขและรับเซ็งลี้ขึ้นไปเพียงรายเดียวเท่านั้น
บรรดามาตรการเยียวยาและช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ที่ กสทช. กำหนดไว้ 4-5 ประการก่อนหน้า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการยกเว้น ไม่ต้องจ่ายเงินค่าประมูลในงวด 5 และ 6 วงเงินรวมกว่า 13,622 ล้านบาท การยกเว้นค่าเช่าโครงข่ายภาคพื้นดิน สำหรับใบอนุญาตส่วนที่เหลือ วงเงินกว่า 18,775 ล้านบาท การชดเชยการคืนใบอนุญาต หรือการช่วยเหลือ เงินประเดิมจัดตั้ง Rating TV Digital..
สิ่งเหล่านี้อาจชวดทั้งหมดหรือได้แค่บางข้อเท่านั้น..
แต่หากผู้ประกอบการมือถือเข้าร่วมประมูล 2 ราย บรรดามาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลต่างๆ จึงจะได้รับการช่วยเหลือทั้งหมด แถมยังมีเงินนำส่งเข้ารัฐอีกไม่น้อยกว่า 17,000 ล้านบาท
และหากผู้ประกอบการมือถือทั้ง 3 ราย เข้าประมูลและรับคลื่นความถี่ตามเงื่อนไขที่ กสทช. กำหนด ไม่เพียงจะทำให้มีเงินเข้ารัฐมากกว่า 75,000 ล้านบาทแล้ว ยังจะมีเงินนำส่งเข้ารัฐที่เหลือจากทีวีดิจิทัลอีกกว่า 42,000 ล้านบาทด้วย
ที่ต้องลุ้นกันหน้าดำคร่ำเครียดกันในวันนี้ หาใช่การกระตุ้นขอความร่วมมือถามหาสปิริตจากผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลที่แห่คืนใบอนุญาตเท่านั้น
แต่ยังต้องลุ้นระทึกกับการหาทางให้ผู้ประกอบการมือถือทั้ง 3 ค่าย ยอมรับเงื่อนไขรับเซ็งลี้คลื่นความถี่ 700 MHz ที่ กสทช. จะนำออกประมูลแบบให้สิทธิเฉพาะตัวแก่ค่ายมือถือทั้ง 3 ราย ในวันที่ 19 มิถุนายนศกนี้
เพราะหากท้ายที่สุดแล้ว ทั้ง 3 ค่ายมือถือเกิด "เซย์โน" ไม่รับเงื่อนไขจัดสรรคลื่นในครั้งนี้ และยืนยันจะปูเสื่อรอความชัดเจน ของการพัฒนาคลื่น 5G ในอนาคตต่อไป ก็มีหวังทั้งผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลและสื่อมวลชนที่กำลังลุ้นระทึก หืดจับหายใจไม่ทั่วท้องจากวิกฤติ Digital Disrupt อยู่เวลานี้ คงได้รอตาตั้งกันอีกหนแน่
เมื่อย้อนดูคำพูดของนักวิชาการขาประจำบางคน ที่เคยออกมาตีโพยตีพายยืนยันว่า มาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล กับการประมูลคลื่น 700 เพื่อรองรับการพัฒนา 5G นี้ไม่เกี่ยวข้องกันเลยจริงๆ นั้น
แต่ตอนนี้มันเกี่ยวเกี่ยวพันกันจนแยกไม่ออก กลายเป็นเนื้อเดียวกันไปแล้ว!