ควันหลงจากการบล็อกโหวตรับ 2 ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับของพรรคร่วมรัฐบาล และของพรรคร่วมฝ่ายค้าน โดยไม่แยแสร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับประชนของที่ประชุมรัฐสภา ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา
ปฏิเสธไม่ได้ว่า ได้ทำให้บทบาทของรัฐสภาไทยตกต่ำ จนผู้คนเริ่มตั้งคำถาม มีไว้ทำซากอะไร!
เห็นแล้วก็ให้นึกเลยไปถึงกระบวนการสรรหา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ชุดใหม่ หรือ ”7 อรหันต์ กสทช.” ที่สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา กำลังโม่แป้งอยู่ ก็ไม่รู้ว่ามีใบสั่งหรือมีใครขักใยอยู่เบื้องหลังหรือไม่ ถึงได้ชักช้า ”อืดเป็นเรือเกลือ” อยู่ในเวลานี้
ทั้งนี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติให้สำนักงานเลขาวุฒิฯ เริ่มกระบวนการสรรหา กสทช. ไปตั้งแต่เดือนมิถุนายน ที่จนปัจจุบันผ่านมากว่า 5 เดือนแล้ว กระบวนการสรรหายังยักแย่ยักยันไม่ไปไหน..
หลายฝ่ายแสดงความกังวล หากภายในเดือนมกราคม 2564 สำนักงานเลขาวุฒิสภา ยังไม่ยื่นรายชื่อผู้สมัครที่ได้รับการคัดสรร 14 คน จากจำนวนผู้สมัคร 80 คน ให้สมาชิกวุฒิสภาคัดเลือกเห็นทีกระบวนการสรรหา กสทช. ชุดใหม่นี้ จะต้องปูเสื่อรอกันไปข้ามปี 2565 หรือ 2566 ไปโน้น!
เพราะรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือก 14 คนนั้น ต้องนำเสนอให้ที่ประชุมวุฒิสภาคัดออกให้เหลือเพียง 7 คน
จะว่าไปขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นผู้ที่จะเป็น กสทช. มีเรื่องสำคัญหลักๆ คือ เรื่องของพฤติกรรมผู้สมัครในอดีตที่ผ่านมา กระทำผิดกฎหมายหรือไม่ และเรื่องของคุณสมบัติของผู้สมัคร ขัดกับข้อกฎหมายที่กำหนดไว้หรือไม่
หน่วยงานที่จะตรวจสอบพฤติกรรมผู้สมัคร ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการป้องกนและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน ศาลยุติธรรมทั่วประเทศ และศาลปกครอง
อย่างเรื่องของการตรวจสอบคดีความหรือชนักติดหลังของผู้สมัคร เจ้าหน้าที่ของสำนักงานเลขาวุฒิฯ ส่งเรื่องถามสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และศาลยุติธรรม
ถ้าเป็นเรื่องของการทุจริตก็ส่งไป ปปช. สตง.
ส่วนเรื่องการขัดคุณสมบัตินั้น ก็ส่งไปถามคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ฯ สำนักงาน กสทช. ว่าผู้สมัครครอบครองหุ้นของบริษัทที่ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งถือว่าเป็นผลประโยชน์ทับซ้อนหรือไม่
กระบวนการตรวจสอบกันอย่างจริงจัง ย่อมสามารถดำเนินการได้ภายในช่วงไม่ถึงสัปดาห์ด้วยซ้ำ เพราะยุคนี้เป็นยุคดิจิทัลที่ กลต. เปิดให้ตรวจสอบทางออนไลน์กันได้หมดแล้ว ใช้เวลาไม่กี่นาทีก็ได้คำตอบแล้ว
ถ้าสำนักงานเลขาวุฒิสภาคงยึดโยงกับระบบระเบียบข้อราชการเดิมๆ เหมือนยุคอะนาล็อก ก่อให้เกิดคำถามว่าสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาล่วงรู้หรือไม่ว่า การที่กระบวนการสรรหา กสทช.ชุดใหม่ ต้องทอดยาวออกไป และส่งผลกระทบต่อการพัฒนาอุตสาหกรรมโทรคมนาคมการฟื้นตัวของเศรษฐกิจประเทศ ที่อยู่ในยุคดิจิทัล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การต่อยอดเทคโนโลยี 5จี ที่ไทยเราภูมิอกภูมิใจกันหนักหนาว่า เป็นประเทศแรกในภูมิภาคนี้ ได้จัดประมูลและให้ใบอนุญาตใช้คลื่น 5จีในเชิงพาณิชย์ ได้ก่อนใครอื่นในภูมิภาคนี้
หลังเปิดประมูลแจกใบอนุญาต 5จี ไปตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2563 กระทั่งวันนี้เส้นทางการพัฒนาต่อยอด 5จีของประเทศ ก็ยังไม่ขยับไปไหน แทบจะเรียกได้ว่าพัฒนาไปตามมีตามเกิดก็ว่าได้
ณ ชั่วโมงนี้ยังไม่มีหน่วยงานใดรับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพผลักดันการพัฒนาต่อยอด 5จีอย่างเป็นรูปธรรม จะหวังพึ่ง กสทช.ชุดปัจจุบันที่เป็น ”มรดกบาป” จากคำสั่ง ม.44 ของ คสช. ที่นั่งรากงอกมากว่า 9 ปี แต่ละคนหายใจรวยรินกินเงินเดือนหลวงสบายแฮ
ก็คงต้องฝากรัฐบาลและสำนักงานเลขาธิการวุฒิสภาได้ตระหนักกัน ณ เวลานี้บทบาทและภาพพจน์ของวุฒิสภาแทบจะป่นปี้กันพออยู่แล้ว เมื่อมาถึงกระบวนการสรรหาองค์กรอิสระก็ยังทำกันแบบขอไปที ทำงานราวกับเป็นงานประจำ โดยไม่คำนึงถึงความสูญเสียที่ประเทศได้รับแล้ว
สุดท้ายประชาชนคนไทยจะเกิดความเบื่อหน่าย พร้อมกับตั้งคำถามแล้วจะมีวุฒิสภาเอาไว้ทำ (ซาก) อะไร?