นายบรรยง วิเศษมงคลชัย ประธานกรรมการบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ บสก. เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานของ บสก.ในช่วงวิกฤตโควิด-19 ที่ผ่านมาว่า แม้ผลการดำเนินงานในช่วงไตรมาส 2-3 จะเผชิญวิกฤต เศรษฐกิจและ covid-19 อย่างรุนแรงแต่สถานการณ์ของบสก.ไม่ได้แย่ไปเสียทีเดียว ยังคงสามารถ ปรับโครงสร้างหนี้และจำหน่ายหนี้เสียได้ในระดับหนึ่งและช่วงไตรมาส 3 สถานการณ์เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติการขายสินทรัพย์ เริ่มกลับเข้ามา เชื่อว่าในช่วงไตรมาส 4 ปลายปี นี้ การจำหน่ายสินทรัพย์ แปลงใหญ่ น่าจะทำได้ตามเป้าหมายและผลการดำเนินงานโดยรวมของบสก.จะเป็นไปตามเป้าหมายได้อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ยอดขายสินทรัพย์ เอ็นพีแอล (NPL) ของ บสก. ในปีนี้ น่าจะอยู่ ที่ 12,000 ล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่ตั้งไว้ และคงจะมีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นมากกว่า 40% ของกำไรสุทธิ
ในส่วนของการปรับโครงสร้างองค์กรนั้น บริษัทมีการลงทุนด้านไอทีไป 200 ล้านบาท เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคต และยังมีแผนที่จะแสวงหาลู่ทางการลงทุนใหม่ๆ เพื่อกระจายความเสี่ยง หากมีสินทรัพย์ดีๆ ทาง บสก.ก็พร้อมที่จะเข้าไปร่วมลงทุนด้วย เช่นเดียวกับโครงการบ้านสวนสุขใจ ย่านรังสิต ที่ บสก.เคยเข้าไปพัฒนาสร้างมูลค่าเพิ่มก่อนจำหน่ายออกไปก่อนหน้านี้ โดยในปี 60 นั้น บสก.ยังคงแสวงหาพันธมิตรที่จะเข้ามาบริหาร Asset ในลักษณะนี้ต่อไป
ด้านนโยบายการปรับโครงสร้างหนี้ให้กับลูกหนี้ เพื่อกลับเข้ามาในระบบนั้น ในปี 63 ยังคงเป้าหมายเอาไว้ที่ 3,000 ราย ขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 99% เป็นไปตามเป้าหมาย และในปี 64 จะยังคงดำเนินการต่อเนื่อง เพื่อเป็นการ ขยายพอร์ต ให้แก่บริษัทได้อีกทาง ดีกว่าจะมุ่งแต่ขายหนี้ออกไปแต่บสก.นำเอาหนี้ดังกล่าวมาดำเนินการปรับโครงสร้างให้กับลูกหนี้เพื่อให้ กลับเข้าสู่ระบบ ให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ โดยเงื่อนไขการปรับโครงสร้างหนี้ดังกล่าวนั้น มีรูปแบบจูงใจที่หลากหลาย ทั้งในเรื่องของการปรับลดอัตราดอกเบี้ย Haircut หนี้ให้บางส่วน การขยายเวลาการผ่อนชำระ รวมทั้งรูปแบบอื่นๆ
ในส่วนของการระดมทุน เพื่อรองรับการขยายงานในอนาคตนั้น บสก.ไปขออนุมัติผู้ถือหุ้นระดมทุนเอาไว้ 25,000 ล้านบาท ก่อนหน้านี้ ได้ดำเนินการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 10,000 ล้านบาท อีก 15,000 ล้านบาทนั้น จะทยอยออกในต้นปีหน้า