ผอ.ท่าเรือ เผยพิจารณาเลือกเอกชนเข้าร่วมโครงการลงทุนพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 มูลค่าลงทุน 30,000 ล้านโปร่งใสและใกล้สรุป ชี้วันนี้รอเพียงคำชี้ขาดของฝ่ายกฎหมายบอร์ดอีอีซี ย้ำชัดหากชัดเจนพร้อมเดินหน้าเจรจากลุ่ม GPC ส่วนวงในฟันธงงานนี้ “ปตท. – กัลฟ์ และพันธมิตร” ฉลุย!
เรือโท กมลศักดิ์ พรหมประยูร ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย ในฐานะประธานกรรมการคัดเลือกของโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 เปิดเผยว่า ในวันนี้ (17 พ.ค. 2562) คณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าร่วมลงทุนในโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบับ ระยะที่ 3 จะมีความชัดเจนว่า จะเดินหน้าเจรจากับกลุ่ม GPC ต่อหรือไม่ ทั้งในเรื่องข้อเสนอทางเทคนิค แผนการเงินและเงื่อนไขทางด้านผลตอบแทน หลังจากเอกชนกลุ่มนี้ได้พิจารณาผ่านคุณสมบัติแล้วก่อนหน้านี้
โดยเงื่อนไขสำคัญในวันนี้จะต้องรอการพิจารณาจากนายมีชัย ฤชุพันธ์ ที่เป็นฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ว่า กรณีที่กลุ่ม NPC ที่เสนอตัวเข้าร่วมประมูลโครงการ แต่ไม่ผ่านการพิจารณาด้านคุณสมบัติ ได้ยื่นอุทธรณ์ให้มีการพิจารณาใหม่ และหากฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการอีอีซีพิจารณาชี้ขาดอย่างไร คณะกรรมการคัดเลือกเอกชนฯ ในโครงการดังกล่าว พร้อมจะปฏิบัติตาม
เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือพาณิชย์แหลมฉบัง (ทพฉ.) ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชน กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการฯ ถูกแต่งตั้งโดยตัวแทนจากภาคราชการหลายส่วน เพื่อพิจารณาโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะการเชิญองค์กรตรวจสอบการคอรัปชั่นให้เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วย ทำให้การพิจารณาคัดเลือกเอกชนในโครงการดังกล่าวเป็นไปด้วยความโปร่งใส โดยเฉพาะการพิจารณาด้านคุณสมบัติของกลุ่ม NPC นั้น คณะกรรมการฯเห็นความผิดระเบียบตั้งแต่การยื่นเอกสาร เพราะไม่ได้ติดแสตมป์ตามระเบียบการประมูลงานของราชการ ซึ่งโครงการลงทุนขนาด 30,000 ล้านบาทผิดพลาดได้อย่างไร แต่คณะกรรมการฯก็ผ่อนปรนให้ เพราะเห็นความตั้งใจของเอกชนที่จะเข้าร่วมประมูล แต่เอกชนก็ยังทำผิดเงื่อนไขเกณฑ์คุณสมบัติ เพราะไม่ได้จดทะเบียนนิติบุคคลใหม่
“ท่าเรือฯ ตระหนักถึงการพิจารณาคัดเลือกเอกชนด้วยความโปร่งใส เห็นได้จากตู้เซฟที่เก็บเอกสารประมูลโครงการที่ท่าเรือแหลมฉบังมีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด มีเจ้าหน้าที่ถือกุญแจ 2 คน มีระบบกล้องวงจรปิดคอยตรวจสอบ จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีการนำเอกสารการประมูลออกมาโดยพลการ และขอปฏิเสธข่าวว่า มีการเปิดดูเอกสารของกลุ่ม NPC ที่ไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติในเบื้องต้น โดยระบุว่า ให้ผลตอบแทนสูงสุดกว่ากลุ่ม GPC นั้นไม่เป็นความจริง เพราะหากเอกชนไม่ผ่านการพิจารณาคุณสมบัติ คณะกรรมการฯ จะไม่เปิดซองเอกชนอื่นๆ ที่เหลือ”
กรณีกลุ่ม NPC ได้ยื่นคำร้องไปยังศาลปกครองเพื่อขอความคุ้มครองตามคดีดำหมายเลขที่ 818/256 นั้น ล่าสุดศาลฯ ได้พิจารณาไม่คุ้มครองแล้ว และจำหน่ายเป็นคดีแดงเลขที่ 488/2562 แล้ว ส่วนการร้องขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินเข้ามาตรวจสอบนั้น โดยทั่วไปหาเรื่องเข้าสู่กระบวนการของศาลแล้ว ผู้ตรวจการแผ่นดินจะไม่รับไว้พิจารณาหรือถ้ารับไว้ จะเป็นเพียงการพิจารณาให้ข้อเสนอแนะเท่านั้น และล่าสุดการท่าเรือฯได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปชี้แจงข้อเท็จจริงต่าง ๆ กับผู้ตรวจการแผ่นดินแล้ว
ผู้อำนวยการ การท่าเรือแห่งประไทยไทย กล่าวว่า ยังมีความมั่นใจว่า จะพิจารณาคัดเลือกเอกชนเข้าลงทุนในโครงกาพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 ได้ตามกรอบเวลาภายในเดือนมิถุนายนนี้ เพราะล่าสุดในวันนี้คณะกรรมการฯได้ทำงานควบคู่กันไป โดยได้เปิดโอกาสให้กลุ่ม GPC เสนอรายละเอียดเกี่ยวกับแผนทางด้านการเงินในการสนับสนุนการลงทุนในโครงการ
แหล่งข่าวในคณะกรรมการอีอีซี กล่าวว่า ในบ่ายวันนี้ฝ่ายกฎหมายของคณะกรรมการอีอีซี ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ จะพิจารณาชี้ขาดคำอุทธรณ์ของเอกชนที่ไม่ผ่านการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติ ซึ่งหากการพิจารณาตกไปหรือคณะกรรมการฯยังยืนตามข้อเสนอของคณะกรรมการพิจารณาคัดเลือกเอกชนของการท่าเรือฯ ก็จะทำให้โครงการเดินหน้าเจรจากับกลุ่มเอกชนหรือกลุ่ม GPC ที่ผ่านการพิจารณาเรื่องคุณสมบัติมาแล้วต่อไป ซึ่งโครงการลงทุนขนาดใหญ่ดังกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการอีอีซี ได้กำชับให้พิจารณาและเร่งรัดโครงการให้เกิดความโปร่งใส อย่างไรก็ตาม แนวโน้มมีสัญญาณดีที่จะทำให้โครงการเดินหน้าต่อไปได้
อนึ่ง เอกสารเผยแพร่ของการท่าเรือฯระบุว่า สำหรับโครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3 ในส่วนของท่าเทียบเรือ F คณะกรรมการนโยบายมีมติเห็นชอบในหลักการโครงการฯ เมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561 และคณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติในหลักการและอนุมัติวงเงินเพื่อดำเนินตามแผนงานโครงการฯ ไปเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2561 โดยการท่าเรือแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานเจ้าของโครงการ และคณะกรรมการคัดเลือกเอกชน ร่วมลงทุนโครงการ EEC Project List (โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่ 3) ซึ่งถูกแต่งตั้งโดยคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษ ภาคตะวันออกประกอบด้วยหน่วยงานราชการหลายภาคส่วน คือ ผู้แทนกระทรวงคมนาคม ผู้แทน EEC ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด ผู้แทนสำนักงบประมาณ ผู้แทนสำนักบริหารหนี้สาธารณะ ผู้แทนกองทัพเรือ และผู้แทนการท่าเรือแห่งประเทศไทย
โดยมีอำนาจหน้าที่พิจารณาให้ความเห็นชอบ ร่างประกาศเชิญชวน ร่างเอกสารคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน คัดเลือกเอกชน เจรจา และจัดทำร่างสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนที่ได้รับคัดเลือก ขอให้หน่วยงานเจ้าของโครงการหรือเอกชนเข้าชี้แจงหรือจัดส่งข้อมูลหรือเอกสารที่เกี่ยวข้อง พิจารณาดำเนินการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามที่เห็นสมควรได้ประชุมและพิจารณาประกาศเชิญชวน เอกสารการคัดเลือกเอกชน และร่างสัญญาร่วมลงทุน เรียบร้อยแล้วและได้เปิดขายเอกสารการคัดเลือกเอกชนไปเมื่อวันที่ 28 มกราคม – 8 กุมภาพันธ์ 2562 ที่ผ่านมา
ซึ่งปรากฏว่ามีเอกชนทั้งไทยและต่างประเทศเข้าซื้อเอกสารการคัดเลือกเอกชนของโครงการฯ จำนวนทั้งสิ้น 35 ราย และได้กำหนดให้มีการรับซองข้อเสนอเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 เวลา 09.00 น. – 12.00 น.
มีกลุ่มบริษัทเข้ายื่นข้อเสนอ จำนวน 2 กลุ่ม ประกอบด้วย กลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี (สมาชิกประกอบด้วย บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) บริษัท พีทีที แทงค์เทอร์มินัล จำกัด และ China Harbour Engineering Company Limited) กลุ่มกิจการร่วมค้าเอ็นซีพี (สมาชิกประกอบด้วย บริษัท นทลิน จำกัด บริษัท พริมา มารีน จำกัด (มหาชน) บริษัท แอสโซซิเอท อินฟินิตี้ จำกัด บริษัท พีเอชเอส ออแกนิค ฮีลลิ่ง จำกัด และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ คอนสตรั๊คชั่น คอร์ปอเรชั่น จำกัด)
คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ดำเนินการประชุมและพิจารณาเอกสารของผู้ยื่นข้อเสนอทั้ง 2 กลุ่ม โดยในการประชุมพิจารณาแต่ละครั้งได้มีผู้แทนจากองค์กรต่อต้านคอรัปชั่น (ประเทศไทย) เข้าร่วมสังเกตการณ์ด้วยทุกครั้งคณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้ประชุมพิจารณาซองที่ 1 (ซองไม่ปิดผนึก) ซองเอกสารหลักฐานไปเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา
ปรากฏว่าผ่านหลักเกณฑ์ตามที่กำหนดทั้ง 2 กลุ่ม และได้พิจารณาซองที่ 2 (ซองปิดผนึก) ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ ได้แก่คุณสมบัติของนักลงทุน คุณสมบัติของทางการเงิน ประสบการณ์ของผู้ยื่นข้อเสนอ ซึ่งผลการพิจารณาปรากฏว่ากลุ่มเอ็นซีพี ยื่นเอกสารในส่วนสัญญากิจการร่วมค้าที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ของกลุ่มฯ ลงนามไม่ครบถ้วนและไม่ถูกต้อง ตามหลักเกณฑ์และเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในเอกสารคัดเลือกเอกชนของโครงการฯ ซึ่งถือเป็นสาระสำคัญ ซึ่งจะเป็นเอกสารแสดงให้เห็นว่าสมาชิกของกิจการร่วมค้าจะร่วมกันและแทนกันรับผิดอย่างหนี้ร่วม ในการดำเนินการตามสัญญาร่วมลงทุน จึงเป็นผู้ไม่ผ่านการประเมินเอกสารข้อเสนอซองที่ 2 ซองคุณสมบัติของผู้ยื่นข้อเสนอ และไม่สามารถทำการเปิดซองที่ 3 (ปิดผนึก) ข้อเสนอทางเทคนิค และซองที่ 4 (ปิดผนึก) ข้อเสนอด้านผลประโยชน์ตอนแทน และซองที่ 5 (ปิดผนึก) ต่อไปได้ ซึ่งกลุ่มกิจการร่วมค้าจีพีซี เป็นผู้ผ่านการประเมินซองที่ 2 จึงได้ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไปโดยพิจารณาซองที่ 3 ซึ่งได้ผ่านเกณฑ์ที่กำหนด และได้เปิดซองที่ 4 ขณะนี้อยู่ระหว่างคณะกรรมการคัดเลือกฯ พิจารณาข้อเสนอด้านผลประโยชน์ตอนแทนของกลุ่มจีพีซี
สำหรับประเด็นผลตอบแทนทางการเงิน คณะกรรมการคัดเลือกฯ ได้เปิดซองข้อเสนอทางการเงินเฉพาะกลุ่มที่ผ่านการพิจารณาซองที่ 2 เท่านั้น ซึ่งจะไม่มีผู้ใดสามารถที่จะทราบได้ว่าผู้ที่ไม่ผ่านการพิจารณาซองที่ 2 ยื่นข้อเสนอทางด้านเทคนิค ข้อเสนอทางด้านการเงิน และข้อเสนอการเพิ่มประสิทธิภาพ เป็นอย่างไร การที่มีผู้ไปเสนอข่าวว่าผู้ไม่ผ่านการพิจารณาเสนอข้อเสนอทางการเงินด้วยจำนวนเงินที่สูงกว่าผู้ผ่านนั้น คณะกรรมการคัดเลือกฯ ย่อมไม่สามารถนำมาพิจารณาได้ และก่อให้เกิดความเสียหายต่อคณะกรรมการคัดเลือกฯ และหน่วยงาน ซึ่งทำหน้าที่ให้เป็นไปตามระเบียบที่เกี่ยวข้องและตามหลักเกณฑ์การคัดเลือกฯ ทุกประการ ประกอบกับผู้ไม่ผ่านการพิจารณาได้ไปยื่นฟ้องศาลปกครองเป็นคดีดำเลขที่ 818/2562 และศาลปกครองพิจารณาไม่รับฟ้องและจำหน่ายคดีเป็นคดีแดงเลขที่ 488/2562 แล้ว