แบงก์รัฐ "ธอส. - SME D Bank - EXIM Bank" พาเหรดออกมาตรการช่วยลูกค้าทั่วประเทศ ที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19
นายฉัตรชัย ศิริไล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 12 มกราคม 2564 ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติรับทราบมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบ จากการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ระบาดรอบใหม่ ของสถาบันการเงินสมาชิกสมาคมสถาบันการเงินของรัฐ (SFIs) ตามนโยบายของกระทรวงการคลัง โดยในส่วนของ ธอส. คณะกรรมการธนาคารมีมติเห็นชอบในหลักการให้จัดทำมาตรการช่วยเหลือลูกค้าที่ได้รับผลกระทบด้านรายได้จากโควิด-19 ผ่าน “โครงการ ธอส. รวมไทย สร้างชาติ ปี 2564” ด้วย 4 มาตรการลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) นานสูงสุด 6 เดือน ครอบคลุมทั้งลูกค้าที่เคยหรืออยู่ระหว่างใช้ “มาตรการช่วยเหลือลูกค้า ผู้ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19)” และ “โครงการ ธอส. ช่วยคนไทย ร่วมสร้างชาติ” รวมถึงลูกค้าที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการฯ ทั้งลูกค้ารายย่อยและกลุ่ม SMEs ที่มีสถานะปกติ หรือสถานะ NPL ประกอบด้วย
มาตรการที่ 9 สำหรับลูกค้าที่เคยเข้าร่วมหรืออยู่ระหว่างใช้มาตรการช่วยเหลือฯ ของ ธอส. ลูกค้าที่มีสิทธิ์แจ้งความประสงค์ขอใช้มาตรการจะต้องมีคุณสมบัติ คือ มีสถานะบัญชีปกติ ไม่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้ ลดเงินงวดผ่อนชำระ(ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวด ผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 เดือน(กุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2564) ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์ เข้าร่วมมาตรการระยะแรกผ่าน Application : GHB ALL ได้ตั้งแต่วันที่ 15 - 29 มกราคม 2564
มาตรการที่ 10 สำหรับลูกหนี้สถานะ NPL และลูกหนี้สถานะ NPL ที่อยู่ระหว่างการปรับโครงสร้างหนี้ ลดเงินงวดผ่อนชำระ(ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 เดือน (กุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2564) ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการระยะแรก ผ่าน Application : GHB ALL ได้ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม - 26 กุมภาพันธ์ 2564
มาตรการที่ 11 สำหรับลูกค้าที่ไม่เคยเข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือฯ ของ ธอส. ลูกค้าที่มีสิทธิ์แจ้งความประสงค์ขอใช้มาตรการต้องมีคุณสมบัติ คือ มีสถานะบัญชีปกติ ไม่อยู่ระหว่างการประนอมหนี้ ลดเงินงวดผ่อนชำระ (ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 75% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 เดือน (กุมภาพันธ์-กรกฎาคม 2564) ลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการระยะแรก ผ่าน Application : GHB ALL ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ - 26 กุมภาพันธ์ 2564
มาตรการที่ 12 สำหรับลูกค้าผู้ประกอบการ SMEs สินเชื่อประเภทแฟลต แบ่งเป็น 1. ได้ลดเงินงวดผ่อนชำระ(ตัดเงินต้นและตัดดอกเบี้ย) เหลือ 25% หรือ 50% หรือ 70% ของเงินงวดผ่อนชำระในปัจจุบันเป็นระยะเวลาไม่เกิน 6 เดือนหรือไม่เกินมิถุนายน 2564 หรือ 2. พักชำระหนี้ถึงมิถุนายน 2564 ในกรณีที่ได้รับผลกระทบทำให้รายได้ไม่เพียงพอในการชำระหนี้ ยื่นคำขอเข้ามาตรการระยะแรกได้ที่สาขาทั่วประเทศภายในวันที่ 31 มีนาคม 2564
ทั้งนี้ ลูกค้าที่ต้องการลงทะเบียนแจ้งความประสงค์เข้าร่วมมาตรการ 9-11 ระยะแรก ต้องดาวน์โหลดหลักฐานยืนยันว่ามีผลกระทบทางรายได้ผ่านทาง Application : GHB ALL ให้ธนาคารพิจารณา เช่น สลิปเงินเดือน หนังสือรับรองจากหน่วยงานต้นสังกัด ภาพถ่าย หรือ Statement เป็นต้น ส่วนดอกเบี้ยประจำงวดที่ตัดชำระไม่หมดในขณะที่เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือ ธนาคารจะเปิดให้ลูกค้าทยอยผ่อนชำระได้จนถึง ก่อนวันที่ลูกค้าจะครบกำหนดตามสัญญาเงินกู้ หรือก่อนปิดบัญชีเงินกู้ สำหรับลูกค้าของธนาคารที่ในปัจจุบันยังอยู่ระหว่างการได้รับความช่วยเหลือตามมาตรการที่ธนาคารกำหนด และยังมีปัญหาด้านรายได้ ทำให้ไม่สามารถผ่อนชำระได้ตามปกติ ธนาคารพร้อมพิจารณาขยายความช่วยเหลือในรูปแบบการพักชำระเงินต้นและดอกเบี้ยให้เป็นรายกรณีต่อไป ส่วนกรณีที่หน่วยงานที่มีสวัสดิการเงินกู้กับธนาคารได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ให้หน่วยงานมีหนังสือแจ้งมายังธนาคารเพื่อพิจารณาให้ความช่วยเหลือแก่พนักงานที่กู้เงินกับธนาคารต่อไป สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ธอส. ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือ ศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ (Call Center) โทร 0-2645-9000 และ Facebook Fanpage ธนาคารอาคารสงเคราะห์
SME D Bank ชู ”พักหนี้อุ่นใจ เติมเงินใหม่ไปต่อ”
นางสาวนารถนารี รัฐปัตย์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ ภายในประเทศไทย ส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ทั้งทางตรงและทางอ้อม เช่น ยอดขายลดลง ชะลอยอดสั่งซื้อ จำนวนผู้ใช้บริการลดลง เป็นต้น SME D Bank ในฐานะสถาบันการเงินของรัฐ พร้อมเคียงข้างดูแลลูกค้าธนาคาร และผู้ประกอบการเอสเอ็มอี จึงออกชุดมาตรการ “พักหนี้อุ่นใจ เติมเงินใหม่ไปต่อ” โดยแนวทางช่วยเหลือขึ้นอยู่กับผลกระทบหนักเบาของลูกค้าแต่ละราย เป้าหมายเพื่อช่วยประคับประคองธุรกิจของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีให้เดินต่อไปได้ จนกว่าสถานการณ์จะกลับคืนสู่ภาวะปกติ
สำหรับมาตรการ “พักหนี้อุ่นใจ เติมเงินใหม่ไปต่อ” ประกอบด้วย 1. มาตรการพักชำระหนี้เงินต้น ลูกค้าสามารถแจ้งความประสงค์ขอพักชำระหนี้เงินต้น 6 เดือน ไม่เกิน 31 ธันวาคม 2564 โดยพิจารณาแนวทางช่วยเหลือตามผลกระทบของลูกค้าแต่ละราย
ทั้งนี้ นับตั้งแต่กลางปี 2563 เป็นต้นมา SME D Bank ได้ส่งเจ้าหน้าที่สาขา SME D Bank ติดต่อสอบถาม และตรวจเยี่ยมกิจการลูกค้าทั่วประเทศ เพื่อสำรวจผลกระทบ และแนะนำเข้าสู่มาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง และจากการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ได้มอบนโยบายให้เจ้าหน้าที่ สอบถาม และสำรวจผลกระทบ เพื่อกำหนดแนวทางช่วยเหลือแก่ลูกค้าทั่วประเทศอีกครั้ง โดยเฉพาะใน 28 จังหวัดที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เพื่อจะช่วยเหลือลูกค้าได้รวดเร็วทันท่วงที
2. มาตรการเติมเงินใหม่ มุ่งเสริมสภาพคล่อง ผ่านโครงการสินเชื่อพิเศษ เพื่อนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน ไฮไลท์สำคัญ คือ “สินเชื่อรายเล็ก Extra Cash” ครอบคลุมทุกธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 กู้ได้ทั้งบุคคลธรรมดา และนิติบุคคล วงเงินกู้สูงสุด 3 ล้านบาทต่อราย อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3% ต่อปีใน 2 ปีแรก ระยะผ่อนชำระนานสูงสุด 5 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 12 เดือน ไม่ต้องใช้หลักทรัพย์ค้ำประกัน เพื่อให้นำไปใช้เสริมสภาพคล่อง และ/หรือสำรองเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินธุรกิจ ก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้
นอกจากนั้น ยังมีสินเชื่อต่างๆ เช่น “สินเชื่อเพื่อยกระดับเศรษฐกิจชุมชน” อัตราดอกเบี้ย นิติบุคคล 2.875%ต่อปี นาน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 5 ล้านบาท และบุคคลธรรมดา 4.875% ต่อปี นาน 3 ปีแรก วงเงินกู้สูงสุด 2 ล้านบาท ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี “สินเชื่อเสริมสภาพคล่อง SME D Happy” อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 4.25% วงเงินกู้ บุคคลธรรมดา สูงสุด 5 ล้านบาท นิติบุคคล สูงสุด 15 ล้านบาท และ “สินเชื่อ SMART SMEs” เปิดโอกาสรับผู้ประกอบการ Refinance จากสถาบันการเงินเดิม ช่วยลดต้นทุนธุรกิจ คิดอัตราดอกเบี้ย 5% ต่อปีในปีแรก วงเงินกู้สูงสุดถึง 15 ล้านบาท เป็นต้น
ลูกค้า SME D Bank และผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วไป สามารถแจ้งความประสงค์เข้ารับมาตรการได้ ณ สาขาของ SME D Bank ทั่วประเทศ รวมถึง เพื่อความสะดวก และลดความเสี่ยงจากการเดินทาง แจ้งผ่านทางออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. ผ่านช่องทาง เช่น สแกน QR Code ในใบแจ้งหนี้ , แอปพลิเคชัน “SME D Bank” ดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android , LINE Official Account: SME Development Bank และเว็บไซต์ www.smebank.co.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1357
นอกจากนั้น SME D Bank ร่วมกับสํานักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) ปล่อยกู้ผ่านสินเชื่อ “SMEs One” อัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ผ่อนนานสูงสุด 7 ปี ปลอดชำระคืนเงินต้นสูงสุดไม่เกิน 1 ปี วงเงินยื่นกู้ บุค
EXIM BANK ช่วยเหลือลูกค้า
นายพิศิษฐ์ เสรีวิวัฒนา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในการบรรเทาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ต่อภาคการส่งออกของไทย EXIM BANK ได้ออก “มาตรการพักชำระหนี้ในพื้นที่สีแดง สีส้ม และสีเหลือง” เพื่อเข้าไปดูแล ช่วยเหลือ สนับสนุนลูกค้า ทั้งที่เป็นผู้ผลิตเพื่อผู้ส่งออกและผู้ส่งออก ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดหรือพื้นที่สีแดง (Red zone) สีส้ม (Orange zone) และสีเหลือง (Yellow zone) ในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้
• พักชำระหนี้เงินต้น ทุกกลุ่มอุตสาหกรรม เป็นระยะเวลาสูงสุด 6 เดือน
• พิเศษ! พักชำระดอกเบี้ย เป็นระยะเวลาสูงสุด 3 เดือน สำหรับผู้ประกอบการอาหารแปรรูป อาหารทะเลแช่แข็ง และผักผลไม้
ลูกค้า EXIM BANK สามารถแจ้งความประสงค์ขอพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยได้ทางเว็บไซต์ของธนาคาร www.exim.go.th หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ธนาคารที่ดูแลลูกค้า ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 มีนาคม 2564 โดยธนาคารจะติดต่อกลับภายใน 3 วันทำการ
ขณะเดียวกัน EXIM BANK ยังมีมาตรการฟื้นฟูกิจการลูกค้าที่ประสบปัญหาสภาพคล่องจากผลกระทบของโควิด-19 โดยจำแนกลูกค้าเป็น 4 กลุ่มตามความต้องการของกิจการ ก่อนจะเข้าไปดูแลในรูปแบบการ “ส่งเสริม-ผ่อนปรน-ขยายระยะเวลา-ประคับประคอง” ดังนี้
1. ลูกค้าที่มีแนวโน้มเติบโตได้ EXIM BANK จะ “ส่งเสริม” ให้มีสภาพคล่องเพียงพอและมีความสามารถในการชำระหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง
2. ลูกค้ามีรายได้ลดลง แต่สามารถดำเนินกิจการได้อย่างต่อเนื่อง EXIM BANK จะ “ผ่อนปรน” เงื่อนไขต่าง ๆ เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการชำระเงินต้นได้หมด รวมทั้งสามารถขอสินเชื่อเพิ่มได้
3. ลูกค้าที่ต้องการการ “ขยายระยะเวลา” การชำระคืนหนี้ เพื่อรอให้กิจการผ่านพ้นวิกฤต หรือต้องการการปรับปรุงโครงสร้างการผ่อนชำระเงินต้นและดอกเบี้ยบางส่วน EXIM BANK จะพิจารณาผ่อนผันให้
4. ลูกค้าที่ขาดสภาพคล่องในการดำเนินธุรกิจ EXIM BANK จะเข้าไปช่วยเหลือ “ประคับประคอง” ให้ลูกค้าสามารถเข้าสู่กระบวนการปรับปรุงการชำระหนี้ ช่วยชะลอการเกิดหนี้ NPLs
ทั้งนี้ ลูกค้าสามารถขอขยายระยะเวลา เปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการชำระเงินกู้ให้สอดคล้องกับธุรกิจ และขอรับวงเงินสินเชื่อเพิ่มได้ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ธันวาคม 2564
EXIM BANK ติดตามสถานการณ์ผลกระทบของโควิด-19 อย่างใกล้ชิด และออกมาตรการช่วยเหลือลูกค้ามาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี 2563 โดยช่วยเหลือลูกค้าด้วยการพักชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 6 เดือนไปแล้วกว่า 1,400 ราย เป็นจำนวนเงิน 36,853 ล้านบาท และหลังจากนั้น มีลูกค้าติดต่อขอรับมาตรการฟื้นฟูกิจการ เป็นจำนวนเงิน 4,050 ล้านบาท ล่าสุด EXIM BANK จึงได้เพิ่มมาตรการที่จะเข้าไปดูแล ช่วยเหลือ และสนับสนุนให้ผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการส่งออกในทุกกลุ่มอุตสาหกรรม สามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แม้จะได้รับผลกระทบเพิ่มขึ้นจากการระบาดของโควิดระลอกใหม่ อาทิ ขาดแคลนวัตถุดิบ ขาดแคลนแรงงาน ต้นทุนการขนส่งเพิ่มสูงขึ้น หรือผู้ซื้อปฏิเสธสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอาหาร อาหารทะเลแช่แข็ง และผักผลไม้ของไทย เพื่อช่วยให้ภาคเศรษฐกิจและการส่งออกของไทยสามารถเติบโตต่อไปได้ รอจังหวะการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ของผู้บริโภคต่อสินค้าส่งออกของไทยในระยะถัดไป