เมอร์เซเดส-เบนซ์ เปิดตัว “Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC” ในราคา 3.19 ล้านบาท ยอดขาย “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” ในไทยโต 14.9% ในปี 63 และเฉพาะไตรมาส 4 เติบโตถึง 33.9%
เมอร์เซเดส-เบนซ์ตอกย้ำความนิยมในรถสปอร์ตสมรรถนะสูงจากแบรนด์ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” ด้วยการเปิดตัวเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีในเวอร์ชันรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีใหม่
เมอร์เซเดส-เบนซ์ ย้ำความนิยมในแบรนด์รถสปอร์ตสมรรถนะสูง “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” ที่สามารถทำยอดขายเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีที่ผ่านมาแม้มีสถานการณ์โควิด-19 ที่ส่งผลกระทบต่อตลาดรถยนต์โยรวม ด้วยการส่ง “Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC” ยนตรกรรมคอมแพ็คเอสยูวีสายพันธุ์แรงที่มาพร้อมความอเนกประสงค์และดีไซน์สปอร์ตตามปรัชญาของ Mercedes-AMG ในทุกรายละเอียดลุยตลาด เปิดราคาที่ 3.19 ล้านบาท
มร. โรลันด์ โฟล์เกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ด้วยยอดขายของแบรนด์รถสปอร์ตสมรรถนะสูงอย่าง “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” ที่เติบโตขึ้นถึง 14.9% ในปี 2563 และเฉพาะไตรมาส 4 ของปีที่ผ่านมาเพียงไตรมาสเดียว เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีก็สามารถทำยอดขายเติบโตสูงถึง 33.9% ประกอบกับความตั้งใจของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่ต้องการสร้างความตื่นเต้นให้กับตลาดรถยนต์หรูในประเทศไทยอย่างต่อเนื่องในปีนี้ หลังจากที่เราได้เปิดตัว “Mercedes-Benz The new E-Class” ไปแล้วในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์จึงพร้อมแนะนำ “Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC” รถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีเจเนอเรชันที่ 2 จากเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่นอกจากจะมาพร้อมคาแรกเตอร์ที่โดดเด่นยิ่งขึ้น พื้นที่ห้องโดยสารที่กว้างขึ้น และระบบความปลอดภัยที่มากขึ้นแล้ว รถยนต์คันนี้ยังเป็นรถยนต์คอมแพ็คเอสยูวีเวอร์ชันใหม่สายพันธุ์แรงตามแบบฉบับของ “เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี” ที่โดดเด่นตั้งแต่กำลังของเครื่องยนต์ ความอเนกประสงค์ รวมไปถึงดีไซน์ภายนอกและภายในแบบสปอร์ตตามปรัชญาของเมอร์เซเดส-เอเอ็มจีที่พร้อมตอบทุกโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ในยุคปัจจุบันอย่างแน่นอน”
Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC ยนตรกรรมคอมแพ็คเอสยูวีสายพันธุ์แรงที่มาพร้อมความอเนกประสงค์และดีไซน์สปอร์ตตามปรัชญาของ Mercedes-AMG ในทุกรายละเอียด โดยมาพร้อมขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบขนาด 1,991 ซีซี พร้อมเทอร์โบและอินเตอร์คูลเลอร์ ให้พละกำลังสูงสุดถึง 306 แรงม้า พร้อมแรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตรที่ 3,000-4,000 รอบ/นาที จึงมอบอัตราเร่งที่ยอดเยี่ยมจาก 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในเวลาเพียง 5.1 วินาที
ดีไซน์ภายนอกโดดเด่นด้วยการออกแบบในสไตล์ของ Mercedes-AMG ตลอดทั้งคัน เริ่มตั้งแต่กระจังหน้าแบบ AMG specific radiator grille โฉบเฉี่ยวด้วยไฟหน้าใหม่แบบ LED high-performance แบบ Full LED พร้อมไฟแบบ Day time running light และเฉียบคมด้วยล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่จาก AMG แบบ 5-twin spoke ขนาด 19 นิ้ว เสริมความโดดเด่นขณะขับเคลื่อนและช่วยให้คุณดื่มด่ำกับความเร้าใจถึงขีดสุด
ภายในห้องโดยสารตกแต่งในแบบ AMG Interior ที่มอบความเร้าใจอันไร้ที่ติ แม่นยำทุกการควบคุมด้วยพวงมาลัยดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้านท้ายตัด ตกแต่งด้วยหนัง nappa พร้อมปุ่มควบคุมแบบ Touch control เบาะนั่ง AMG Sport seat แบบสปอร์ตที่ถ่ายทอดความรู้สึกของนักแข่งได้อย่างโดดเด่น พร้อมเพิ่มความกระชับในทุกรูปแบบการขับขี่ด้วยหนังชนิด ARTICO สลับกับ DINAMICA micro-fibre ตัดเย็บด้วยด้ายสีแดงและเข็มขัดนิรภัยสีแดงตลอดทั้งคัน โดยมีไฟล้อมรอบห้องโดยสารแบบ Ambient light ที่สามารถเลือกปรับได้มากถึง 64 เฉดสีเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ช่วยปรับอารมณ์ของรถได้ตามความรู้สึกของผู้ขับขี่
Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC วางจำหน่ายในราคา 3,190,000 บาท
ผู้สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Mercedes-AMG GLA 35 4MATIC และเมอร์เซเดส-เบนซ์ทุกรุ่นได้ที่ผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์และผู้จำหน่ายรถยนต์เมอร์เซเดส-เอเอ็มจีอย่างเป็นทางการทั่วประเทศ
เกี่ยวกับ เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี
เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นผู้รับผิดชอบธุรกิจทั่วโลกของรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และรถตู้เมอร์เซเดส-เบนซ์ ด้วยจำนวนพนักงานกว่า 173,000 คนทั่วโลก โดยมี โอล่า คัลเลนเนียส เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัทมุ่งเน้นการพัฒนา ผลิต และจำหน่ายรถยนต์ รถตู้ และบริการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง นอกจากนั้น ยังมีเจตนารมณ์ในการเป็นผู้นำของโลกในด้านการเชื่อมโยงผู้คนเข้าด้วยกัน ยานยนต์ไร้คนขับ และยานยนต์ทางเลือก โดยการใช้นวัตกรรมล้ำสมัยต่าง ๆ กลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทประกอบด้วยแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และแบรนด์ย่อย เมอร์เซเดส-เอเอ็มจี เมอร์เซเดส-มายบัค และเมอร์เซเดส-มี รวมทั้งแบรนด์สมาร์ท และแบรนด์อีคิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์โดยสารระดับพรีเมี่ยมรายใหญ่ที่สุดของโลก ในปี 2563 บริษัทฯ จำหน่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลเกือบ 2.4 ล้านคัน และรถตู้กว่า 438,000 คัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ขยายเครือข่ายการผลิตใน 2 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องทั่วโลก โดยมีฐานการผลิตกว่า 40 แห่งใน 4 ทวีป ควบคู่ไปกับแนวทางการพัฒนาที่ตอบสนองความต้องการใน
ด้านยานยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน บริษัทได้พัฒนาเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ของตัวเองทั่วโลกใน 3 ทวีป การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนล้วนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งต่อทั้งสองกลุ่มธุรกิจ สำหรับเมอร์เซเดส-เบนซ์ เอจี ความยั่งยืนหมายถึงการสร้างคุณค่าให้แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกฝ่ายในระยะยาว ทั้งลูกค้า พนักงาน นักลงทุน พันธมิตรทางธุรกิจ และสังคมโดยรวม โดยอาศัยพื้นฐานของกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืนของเดมเลอร์ ซึ่งมุ่งรับผิดชอบต่อผลกระทบในด้านเศรษฐกิจ สภาพแวดล้อม และสังคม จากกิจกรรมทางธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัท และให้ความสำคัญต่อห่วงโซ่คุณค่าโดยรวม