เกิดอะไรขึ้นกับมาตรการคุ้มครองผู้บริโภคของกระทรวงการคลังและรัฐบาล ที่อุตส่าห์ตีปี๊บจะยกร่างกฎหมายมากำกับดูแลและคุมผู้ให้บริการสินเชื่อจำนำทะเบียนรถที่มีพฤติกรรมเอารัดเอาเปรียบประชาชนตาดำๆ ทุกหย่อมหญ้า
แต่จู่ๆ กลับโยนไปให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ออกประกาศขยายมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อส่วนบุคคลให้ครอบคลุม Cover ไปถึงสินเขื่อที่มีรถเป็นหลักประกันเอาดื้อ ๆ แถมยังกำหนดหลักเกณฑ์การคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่างๆ สุดประหลาด
หากเป็นการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล P Loan ที่ครอบคลุมไปถึงสินเชื่อที่มีรถเป็นหลักประกันที่ให้บริการทั่วประเทศกำหนดให้คิดอัตราดอกเบี้ยบวกค่าธรรมเนียมต่างๆ ได้ไม่เกิน 28% แต่หากเป็นสินเชื่อพิโก้ไฟแนนซ์ที่ให้บริการในระดับจังหวัดกลับเปิดโอกาสให้คิดดอกเบี้ยได้ถึง 36%
อะไรมันจะกลับตาลปัตรได้ถึงเพียงนี้!
คลังเล่นกลร่าง กม.คุมจำนำทะเบียนรถ
ย้อนรอยไปเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 คณะรัฐมนตรี (ครม.)ได้ให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติ การกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน พ.ศ..... ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ โดยระบุเหตุผลในการยกร่างกฎหมายดังกล่าวว่า
โดยที่ปัจจุบันมีผู้ให้บริการทางการเงินบางประเภท ซึ่งมีบทบาทสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ แต่ยังไม่มีหน่วยงานภาครัฐกำกับดูแลอย่างชัดเจน ทำให้การประกอบธุรกิจขาดแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานและเป็นธรรม ดังนั้น เพื่อประโยชน์ในการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
และเป็นการคุ้มครองผู้ใช้บริการทางการเงิน รวมถึงส่งเสริมการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินของประเทศ จึงจำเป็นต้องออกกฎหมายเพื่อรองรับการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินดังกล่าว
ทั้งนี้ร่าง พ.ร.บ.การกำกับผู้ให้บริการทางการเงินฯ มีสาระหลักให้มีการจัดตั้งคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงิน และจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับดูแลผู้ให้บริการทางการเงินมีฐานะเป็นหน่วยงานของรัฐที่ไม่เป็นส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ ทำหน้าที่เป็นหน่วยปฏิบัติในการกำกับดูแลการประกอบธุรกิจ ของผู้ให้บริการทางการเงินให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์ เงื่อนไข และวิธีการที่คณะกรรมการกำหนด
มีการกำหนดมาตรฐานการดำเนินงานของผู้ประกอบการเหล่านี้ที่ต้องทำตามที่นายทะเบียนกำหนด การกำหนดอัตราดอกเบี้ย ค่าปรับ ค่าบริการ ค่าธรรมเนียม หรือค่าใช้จ่าย อื่นๆ ของผู้ให้บริการทางการเงิน ให้เป็นไปตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดตามข้อเสนอแนะของคณะกรรมการ รวมทั้งยังมีข้อกำหนดว่าด้วยการ
เพิกถอนและเลิกประกอบธุรกิจของผู้ให้บริการทางการ และบทลงโทษของผู้ประกอบการที่ดำเนินการไม่เป็นไปตามที่กฎหมาย
โยน ธปท.สวมรอยกำกับดูแล?
คล้อยหลังไม่ถึง 3 เดือน ราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทยที่ สนส.1/2562 เรื่องการกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคลภายใต้การกำกับสำหรับสถาบันการเงิน ลงวันที่ 31 มกราคม 2562
และ ประกาศธนาคารแห่งประเทศไทย ที่สนส.2/2562 เรื่อง การกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการ และเงื่อนไขในการประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคลภายใต้การกำกับสำหรับผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน ลงวันที่ 31 มกราคม 2562
เนื้อหาของประกาศธปท.ดังกล่าวก็คือ การวางหลักเกณฑ์การกำกับดูแลปล่อยสินเชื่อธุรกิจที่มีทะเบียนรถเป็นประกัน (จำนำทะเบียนรถ) ให้กับผู้ประกอบธุรกิจ ซึ่งครอบคลุมทั้ง ผู้ประกอบการที่ให้บริการในระดับประเทศ (นาโนไฟแนนซ์) และที่ทำธุรกิจระดับจังหวัด(พิโกไฟแนนซ์) ที่ต้องขอใบอนุญาตประกอบกิจการ กับ ธปท.ภายใน 60 วัน นับจากประกาศฯมีผลบังคับใช้
มีการกำหนดหลักเกณฑ์ในการกำกับดูแลและตีทะเบียนผู้ให้บริการทางการเงินเหล่านี้ละเอียด อย่างกรณีการให้บริการสินเชื่อในระดับประเทศ จะต้องมีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 50 ล้านบาท จะให้บริการภายใต้ใบอนุญาตสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับ ทั้งการขอใหม่สำหรับผู้ที่ไม่เคยมีใบอนุญาตมาก่อน และแจ้ง ขอทำธุรกิจนี้เพิ่มเติม
ในกรณีที่ทำธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลอยู่แล้ว ธปท.ให้คิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมต่างๆ ไม่เกิน 28% ต่อปี และสำหรับลูกค้าที่ขอใช้บริการจะกู้ได้ไม่เกิน 3 แห่ง
ส่วนผู้ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับใน ระดับจังหวัด กำหนดให้มีทุนจดทะเบียนไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท จะได้รับใบอนุญาตสินเชื่อรายย่อยระดับจังหวัด ภายใต้การกำกับหรือพิโกไฟแนนซ์ ปล่อยสินเชื่อคิดดอกเบี้ยรวมค่าธรรมเนียมได้ไม่เกิน 36% ต่อปี วงเงินสินเชื่อรายละไม่เกิน 50,000 บาท
อะไรมันจะลักลั่นพิกลพิการได้ขนาดนี้..โปรดติดตามต่อในตอนที่ (2)