คณะกรรมการกฎบัตรอุดรธานีมีมติให้ทบทวนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด หลังพบว่าการลงทุนทางเศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าเร่งลงทุนศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม การลงทุนนิคมอุตสาหกรรม และความสนใจของนักลงทุนในการขยายโครงข่ายขนส่งทางรางรวมกว่าแสนล้านบาท
พ.ท.วรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานบริษัท อุดรธานีพัฒนาเมือง จำกัด ในฐานะประธานกรรมการกฎบัตรอุดรธานี กล่าวภายหลังการประชุมปฏิบัติการกฎบัตรอุดรธานีครั้งที่ 9 ว่า คณะกรรมการกฎบัตรและเทศบาลนครอุดรธานีมีความเห็นร่วมกันในการเสนอให้จังหวัดปรับปรุงยุทธศาสตร์การพัฒนา 10 ปี เนื่องจากในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 6 เดือนนับตั้งแต่การจัดทำกฎบัตรได้เกิดปรากฎการณ์ความเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจหลายประการ ที่ชัดเจนมาก ได้แก่ การเปิดบริการรถสมาร์ทบัส อุดรซิตี้บัส จำนวน 2 เส้นทาง ซึ่งมีผู้ใช้บริการเพิ่มเกือบ 1,000 คนต่อวัน และความสนใจของผู้ประกอบการรถไฟฟ้ารายใหญ่ของประเทศที่จะเข้าร่วมลงทุนโครงข่ายรถไฟฟ้าในเขตเมืองอุดรธานี
นอกจากนั้น ข่าวการเปิดบริการของศูนย์ประชุมมณฑาทิพย์ ซึ่งระยะแรกสามารถรองรับผู้เข้าร่วมได้มากถึง 7,000 คน ได้ทำให้กลุ่มกิจการโรงแรมจำเป็นจะต้องเพิ่มการลงทุนเพื่อรองรับผู้เข้าร่วมประชุม ทั้งนี้ ปัจจุบันห้องพักของเมืองอุดรธานีมีจำนวน 5,800 ห้อง แต่มีห้องพักในระดับสี่ดาวขึ้นไปเพียง 5,000 ห้อง ซึ่งไม่เพียงพอต่อการให้บริการกรณีที่มีผู้มาประชุมเต็มจำนวนของศูนย์
ดังนั้น จากสภาพปัญหาดังกล่าว คณะกรรมการสาขาไมซ์และเศรษฐกิจสีเขียวซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการโรงแรม จึงได้ทำความตกลงในการลงทุนขยายจำนวนห้องพักเพิ่มโดยคาดว่าจะเพิ่มได้ 2,500 ห้องในช่วง 5 ปีต่อจากนี้ ไม่นับรวมการลงทุนขยายห้องพักของโรงแรมเซ็นทาราอุดรธานีอีก 500 ห้องในช่วง 3 ปีข้างหน้า คาดว่าใช้งบลงทุนไม่น้อยกว่า 5,000 ล้านบาท
สำหรับการขยายพื้นที่บริการผู้โดยสารของท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานีนั้น พ.ท.วรายุส์ กล่าวว่า นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมได้สั่งการเมื่อคราวตรวจราชการจังหวัดอุดรธานีช่วงต้นเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ให้อธิบดีกรมท่าอากาศยานเร่งรัดการออกแบบอาคารผู้โดยสารหลังที่ 3 หรือ Udonthani Terminal 3 เนื่องจากปัจจุบันอาคารผู้โดยสารที่มีอยู่น่าจะรองรับปริมาณผู้ใช้บริการได้ไม่เกิน 3 ปี คาดว่าจะใช้งบลงทุนไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท
“หากพิจารณาการรองรับการเดินทางในช่วงเทศกาลและวันหยุดยาวในปัจจุบันจะพบว่าอาคารผู้โดยสารมีความแออัดมาก สภาพดังกล่าวสอดคล้องกับข้อมูลของสายการบินที่เปิดให้บริการที่พบว่า อัตราการบรรทุกหรือเคบิ้นแฟคเตอร์เฉลี่ยของสายการบินที่สูงขึ้นมากถึง 75% ซึ่งนับว่าอยู่ในอัตราที่สูงมาก”