หลังจากผู้บริหารวอยซ์ ทีวี ได้ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว กรณีถูกคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช.มีคำสั่ง ทางปกครอง“จอดำ” ให้ระงับการแพร่ภาพออกอากาศเป็นเวลา 15 วัน ก่อนที่ศาลจะมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา
ล่าสุดฝ่ายบริหารวอยซ์ ทีวี ได้เดินหน้าฟ้องคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กรณีออกคำสั่งทางปกครองพักใช้ใบอนุญาตเป็นเวลา 15 วันข้างต้นแล้ว โดยนายเมฆินทร์ เพชรพลาย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารวอยซ์ ทีวี จำกัด พร้อมทนายความได้เดินทางเข้ายื่นเอกสารให้การต่อศาลปกครองไปเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
พร้อมยืนยัน ที่ผ่านมามีการประสานงานอย่างใกล้ชิดในการให้ข้อมูลกับ กสทช. หากมีประเด็นที่รับรู้กระทันหันพยายามเตรียมการสนับสนุนต่างๆ ในการแก้ไข และปรับให้ราบรื่น โดยสถานีไม่เคยใช้สิทธิ์ในการอุทธรณ์ แต่มีประเด็นถูกกล่าวหาว่าเป็นการทำผิดซ้ำซาก จึงขอใช้กระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งตามกระบวนการในวันที่ 25 ก.พ. นี้ศาลจะมีการสรุปคำพิพากษาคดี
แหล่งข่าว เปิดเผยว่า หากศาลปกครองมีคำพิพากษากรณีการออกคำสั่งทางปกครองของ กสทช.ข้างต้นไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ตามประกาศ กสทช. ก็เชื่อแน่ว่าทางบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด คงจะยื่นฟ้องทางแพ่งเพื่อเรียกร้องความเสียหายจาก กสทช.ตามมา รวมทั้งอาจร้องทุกข์กล่าวโทษ กสทช.ต่อสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรณีใช้อำนาจหน้าที่ตาม ม.157
“เป็นการเดิมพันเครดิตหน่วยงานกำกับดูแลกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม ครั้งใหญ่ เพราะหากศาลมีคำพิพากษาออกมาว่าการใช้ดุลยพินิจของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. เป็นการใช้อำนาจหน้าที่เกินขอบเขตหรือ Abuse of power ไม่เป็นไปตามกฎหมายแล้ว ไม่เพียง กสทช.จะต้องรับผิดทางแพ่ง ตามพระราชบัญญัติความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่รัฐ พ.ศ.2539 ที่ต้องชดเชยความเสียหายให้แก่บริษัทเอกชน เป็นการส่วนตัวแล้ว ยังอาจถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช.ดำเนินการไต่สวนตามมาอีก”