รถไฟฟ้ารางเบาภูเก็ตยังไม่ลงตัว มีลุ้นศึกษารูปแบบร่วมลงทุนพีพีพี รฟม.เร่งสรุปกรณีปรับแบบต่อขยายเส้นทางหน้าสนามบินจนงบพุ่งแตะ 2 พันล้านบาท จับตากลุ่ม BTS กำเงินขอเอี่ยวร่วมลงทุน ด้านเอกชนหวั่นช่วงก่อสร้างกระทบการท่องเที่ยวแน่
นายภคพงศ์ ศิริกันทรมาศ ผู้ว่า การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) ภูเก็ต วงเงิน 3.4 หมื่นล้านบาท ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนพีพีพี เพื่อเร่งเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ดำเนินโครงการต่อไปนั้น ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม ได้เรียก รฟม. และกรมทางหลวง (ทล.) มาเคลียร์ประเด็นข้อพิพาทการใช้พื้นที่ ซึ่งส่งผลให้โครงการต้องปรับแบบใหม่และเลื่อนการเปิดประมูลออกไป
ล่าสุดหารือกันได้ข้อสรุปเกือบหมดแล้วในเรื่องการใช้พื้นที่เขตทางหลวงในการก่อสร้างโครงการ ดังนั้น แบบก่อสร้างใหม่จะปรับแบบดังนี้คือ 1. ทางยกระดับบางช่วงจากเดิมเป็นแบบระดับพื้นตลอดเส้นทาง 2. ปรับแบบก่อสร้างหน้าสนามบินภูเก็ต ส่งผลให้วงเงินเพิ่มขึ้น 1,500-2,000 ล้านบาท แบ่งเป็นการก่อสร้างอุโมงค์เพิ่ม 2-3 แห่ง เฉลี่ยวงเงิน 500-800 ล้านบาทต่อแห่ง จากเดิมมีอุโมงค์ 3 แห่ง
“การปรับแบบก่อสร้างหน้าสนามบินนั้นจะปรับแบบจากเดิมที่ใช้ก่อสร้างบนถนนสายหลักเข้าสนามบิน จะขยับเส้นทางออกไปทางรถไฟฟ้าแทรมเลียบรันเวย์สนามบินไปตัดกับถนน 402 เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดบริเวณสามแยกสนามบินภูเก็ต ตามที่ชาวบ้านเรียกร้องมา ดังนั้น จึงถือว่าเป็นการเพิ่มเส้นทางออกไปอีก 2-3 กม. อย่างไรก็ตาม รฟม.จะสรุปแนวทางก่อสร้างทั้งหมดภายในเดือนนี้ เพื่อเข้าสู่ขั้นตอนการร่างเอกสารขอบเขตการประกวดราคา (TOR) ต่อไปเพื่อเปิดประมูลคาดว่าจะก่อสร้างตามแผนในปี 2563 เปิดบริการปี 2567”
ด้านนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า การปรับแบบใกล้เสร็จเรียบร้อยแล้ว รฟม. ส่งคนลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ส่วนด้านการลงทุนโครงการรถไฟฟ้ารางเบานั้นขณะนี้มีเอกชนสนใจลงทุนที่ชัดเจน คือ กลุ่มบีทีเอสกรุ๊ป หรือผู้ให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ล่าสุดได้เข้าพบจังหวัดและเตรียมเงินลงทุนรวมถึงแผนพัฒนาโครงการไว้หมดแล้ว ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีในการขับเคลื่อนเมืองภูเก็ตให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับท็อปของเอเซีย
ทั้งนี้การลงทุน 34,827 ล้านบาท แบ่งเป็น ค่าเวนคืน 1,521 ล้านบาท สร้างเดโป้ 46 ไร่ ตรงโลตัสถลาง สถานีจ่ายระบบไฟฟ้า และจุดเป็นทางโค้งงานโยธา 17,797 ล้านบาท ระบบรถไฟฟ้า 9,508 ล้านบาท จัดหาขบวนรถเริ่มต้น 2,492 ล้านบาทค่าสิ่งอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อการเดินทาง 13.65 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาออกแบบรายละเอียด 303 ล้านบาท ค่าจ้างที่ปรึกษาบริหารโครงการ 1,452 ล้านบาท และค่าเผื่อเหลือเผื่อขาด 1,737 ล้านบาท
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของกระทรวงคมนาคมรายหนึ่งระบุว่า การประเมินค่าก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเบา (แทรม) ของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ที่ราว 200 ล้านบาทต่อกม. หรือราว 600 ล้านบาทตามแผนขยายเส้นทางของ รฟม. ทั้งนี้ คาดจะมีผู้โดยสาร 33,190 คนต่อวัน คิดอัตราค่าโดยสารตามระยะทางเริ่มต้น 18 บาท จากนั้นกิโลเมตรละ 2.5 บาท สูงสุด 100-137 บาทต่อเที่ยว
ทางด้านนายสมบัติ อติเศรษฐ์ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว กล่าวว่า โครงการใช้เงินลงทุนสูง และแนวเส้นทางไม่ตอบโจทย์การท่องเที่ยว ไม่ตอบโจทย์คนท้องถิ่นและแก้ปัญหารถติดได้จริง เพราะคนภูเก็ตอยู่ในเมือง ใช้รถจักรยานยนต์เป็นหลัก และนักท่องเที่ยวจะพักที่ป่าตองเป็นส่วนใหญ่
“ช่วงก่อสร้าง 3 ปี ถ้ามีปัญหาจราจรจะซ้ำเติมการท่องเที่ยวของภูเก็ต มองว่าโครงการนี้จะตอบโจทย์เรื่องของการพัฒนาที่ดินสองข้างทางในเมือง เพราะจะมีการพัฒนาโฮสเทลและโรงแรมเล็กๆ มากขึ้น รัฐควรปรับเส้นทางจากสนามบินไปทางบายพาสและตรงไปห้าแยกฉลอง โดยไม่ต้องเข้าเมือง ซึ่งสนามบินภูเก็ตแห่งที่ 2 ที่โคกกลอย จ.พังงา ก็กำลังจะเกิดขึ้น”