สถานการณ์การลงทุนในตลาดหุ้นช่วงนี้ทำให้คิดถึงวลี “สงครามยังไม่จบ อย่าเพิ่งนับศพทหาร” ฉันใดก็ฉันนั้น ในตลาดหุ้นก็เช่นกัน “อย่าเพิ่งนับศพนักลงทุนที่ขาดทุน” หรือ ”ติดดอย” หรือติดหุ้นที่ราคาสูง
เพราะเมื่อประมวลมุมมองจากนักวิเคราะห์ต่างมองในทิศทางเดียวกันว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ปะทุรอบใหม่นี้ รุนแรงและยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสิ้นสุด ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจโลก และการลงทุนในตลาดหุ้นด้วย ซึ่งตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศต่างปรับตัวลดลง รวมไปถึงตลาดหุ้นไทยด้วย
“กวี ชูกิจเกษม” รองกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กสิกรไทย คาดว่า การปรับตัวลดลงของดัชนีตลาดหุ้นไทยในรอบนี้จะมีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 1,500 จุด ที่ราคาปิดต่อกำไร (พี/อี เรโช) ที่ระดับ 13.2 เท่า ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 10 ปี สำหรับโอกาสที่จะได้เห็นดัชนีหุ้นไทยปรับตัวลงต่ำสุด คาดว่าเกิดขึ้นช่วงไตรมาส 2 หรือไตรมาส 3 นี้ นอกจากนี้คาดว่าประเด็นสงครามการค้าจะส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลกไปอีก 2 ปีนี้ จากการที่สหรัฐฯต้องการสกัดกั้นจีนในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำโลก
อย่างไรก็ตาม ยังมองว่าผลกระทบของสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีนที่เกิดขึ้นในครั้งนี้จะเป็นโอกาสทำให้ตลาดหุ้นในกลุ่มประเทศเกิดใหม่น่าสนใจมากขึ้น เพราะปัจจุบันมูลค่าตลาด หรือมาร์เก็ตแคป ของตลาดหุ้นเกิดใหม่มีสัดส่วนเพียงแค่ 15% ของมูลค่าตลาดรวมทั่วโลก
ในขณะที่จีดีพีของตลาดหุ้นเกิดใหม่มีสัดส่วนที่สูงถึง 50% ของจีดีพีรวมทั้งโลก ทำให้ในอนาคตหลังผ่านเรื่องสงครามการค้าไปแล้ว จะทำให้แนวโน้มของกระแสเงินทุน (ฟันด์โฟลว์) ไหลกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเกิดใหม่มากขึ้น จะทำให้เห็นการปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นเกิดใหม่ในอนาคต
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยก็จะได้รับอานิสงส์จากปัจจัยดังกล่าวไปด้วย ซึ่งมองว่าในระยะเวลาอีก 5 ปีจากนี้ มีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทยจะทำสถิติสูงสุดรอบใหม่จากที่เคยทำไว้ 1,850 จุด ซึ่งจะต้องมีปัจจัยภายในประเทศเข้ามาช่วยกระตุ้นด้วย โดยเฉพาะการขับเคลื่อนมาตรการและนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น การลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ โดยเฉพาะการลงทุนในโครงการระเบียงเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี ) เป็นต้น อีกทั้งมาตรการกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยต่างๆที่จะเข้ามาช่วยหนุนการบริโภคให้ฟื้นตัวขึ้น
กลุ่มหุ้นที่ บล.กสิกรไทย แนะนำลงทุน และคาดว่าได้รับผลกระทบจากสงครามการค้าไม่มาก มีทั้งหมด 8 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มค้าปลีก หุ้นแนะนำ CPALL HMPRO BJC MEGA
2. กลุ่มนิคมอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ หุ้นแนะนำ AMATA JWD
3. กลุ่มโรงแรมและท่องเที่ยว หุ้นแนะนำ AOT MINT CENTEL ERW
4. กลุ่มโรงพยาบาล หุ้นแนะนำ BDMS BCH
5. กลุ่มโรงไฟฟ้า หุ้นแนะนำ BGRIM GPSC
6. กลุ่มไอซีที หุ้นแนะนำ ADVANC
7.กลุ่มอาหารและเกษตร หุ้นแนะนำ CPF และ M
8.กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หุ้นแนะนำ LH SPALI QH
โดย ซิลลิ่ง