* ประเดิมกันด้วยเรื่องที่อาจวุ่นในอนาคต หลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อไม่นานมานี้ ปาดหน้าแต่งตั้งข้าราชการชั้นสูงของกระทรวงโดยไม่รอ ครม. รัฐบาลชุดใหม่ เพราะกลายเป็นของมีตำหนิ
* อย่างที่เกิดขึ้นในช่วงระหว่างปี 2553-2557 เมื่อครั้งแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการในกระทรวงแรงงาน นาย ส. ดำรงตำแหน่งเกี่ยวกับการส่งแรงงานไปต่างประเทศมีเรื่องถูกกล่าวหา ”ทำงบประมาณไปใช้ส่วนตัว” ซึ่งมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนหลายราย
* เรื่องดังกล่าวผ่านการพิจารณาอย่างยาวนานจนเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาเรื่องนี้ โดยมี นาย จ1. เป็นประธาน โดยนาย ด. ไม่ได้เข้าร่วมด้วย และได้พิจารณาในฐานะคนกันเองตามที่มีหนังสือจาก สตง.ชี้มูลความผิดว่าเป็น “ความผิดทางวินัยไม่ร้ายแรง”
* แต่หลังจากนั้น นาย จ2. ก็เก็บหนังสือไว้โดยไม่ได้ส่งสำนักนายกฯ ตามขั้นตอน จนถึงวันที่ 8 พฤษภาคม2562 นาย จ1. ซึ่งสนิทสนมกับ นาย ป. ได้ประกาศลาออกเพื่อไปดำรงตำแหน่ง สว. (แม้นว่าก่อนหน้านั้นจะมีเสียงซุบซิบว่าขาดคุณสมบัติบางประการแต่ก็สามารถก้าวข้ามมาได้) โดยหลังจากนั้น นาย ด. ได้รักษาการปลัดกระทรวง ช่วงระหว่างวันที่ 9 ถึง 12 พฤษภาคม 2562 นาย จ2. ก็ไม่ได้ส่งเรื่องที่พิจารณาในวันที่ 22 เมษายน ให้สำนักนายกฯ และ นาย ด. รักษาการปลัดให้ทราบแต่อย่างใด
* จนช่วงบ่ายแก่ๆ วันที่ 13 พฤษภาคมมีคำสั่งจากทาง หน้าห้องนาย ป. ให้นาย จ2. นำหนังสือรับรองเพื่อแต่งตั้ง นาย ส.เป็นปลัดกระทรวง มาให้นาย ด. เซ็นรับรอง ด้วยความเป็นสุภาพบุรุษ นาย ด. ก็เซ็นให้ส่วนหนึ่ง อาจเพราะมีสัญญาณ จากหน้าห้อง นาย ป. สำทับด้วย และไม่คิดว่าจะมีเรื่องใดที่ปกปิด และหนังสือรับรองฉบับนี้ได้เข้าสู่วาระการประชุม ครม. ในวันที่ 14 พฤษภาคม (ไม่แน่ใจว่าเป็นวาระจรหรือวาระปกติ) จนมีมติ ครม. ออกมาในบ่ายวันที่ 14 พฤษภาคม แต่งตั้ง นาย ส. ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวง (ในความเป็นจริงในช่วงเปลี่ยนผ่านรัฐบาลสมควรที่จะให้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้ามาพิจารณาเรื่องนี้น่าจะเหมาะสมกว่า) และ นาย จ2. พึ่งจะนำเรื่องการพิจารณามูลความผิดของ สตง. ที่มีต่อนาย ส. มาให้ นาย ด. ทราบ ทำให้นาย ด. เครียดขนาดโยนแฟ้มเลยทีเดียว ก่อนที่จะบีบให้ นาย จ2. ส่งเรื่องดังกล่าวให้สำนักนายกรัฐมนตรีทราบในวันที่ 15 พฤษภาคมที่ผ่านมา มหากาพย์เรื่องนี้คงมีอะไรตามมาอีกแน่....
* เห็น พ.ร.บ. อุทยานแห่งชาติใหม่ พ.ศ. 2562 แล้วบอกได้ว่าหลายคนต้อง "อึ้ง กิม กี่" เพราะต่อไปใครจะเข้าไปเซลฟี่ในอุทยาน ถ่ายทำสารคดี เก็บเห็ดหาฟืน หาเศษไม้ ของป่า มาใช้ ต้องจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าพื้นที่ แพงหูตูบ บางอย่างอาจสูงถึงฉบับละ/ครั้งละ1แสน
แต่หากลอบเข้าไปเก็บของป่า เก็บเห็ดหรือหาเศษฟืนออกมา เป็นต้องโดนโทษหนัก คุก 5 ปี ปรับ 5แสน หรือทั้งจำทั้งปรับ งานนี้มีหวังได้เห็นชุมชนโดยรอบอุทยานทั้งหลาย ได้ลุกฮือแน่ ที่สำคัญอาจกลายเป็นอีกแหล่งทำมาหากินของเจ้าหน้าที่ที่ทุจริตได้
* ส่วนใครที่คิดจะเข้าป่าเข้าพื้นที่อุทยานฯ อย่างถูกกฎหมายก็ลองดูตัวอย่างค่าธรรมเนียมใบอนุญาตล่าสุดที่จะใช้ในอีก 6 เดือนข้างหน้า ว่าจะรับได้ไหม อย่างใบอนุญาตนำหรือปล่อยสัตว์เข้าไป ฉบับละ 10,000 บาท หรือใบอนุญาตเพื่อดำเนินกิจกรรมต่างๆ การถ่ายทำภาพยนตร์วีดิทัศน์หรือสารคดี การถ่ายภาพหรือศึกษาธรรมชาติ ฉบับละ 100,000 บาท
* ยังมีใบอนุญาตเพื่อการสำรวจการศึกษาการวิจัยหรือทดลองทางวิชาการฉบับละ 100,000 บาท ใบอนุญาตเพื่อการถ่ายทำภาพยนตร์ วีดิทัศน์สารคดีการถ่ายภาพ ฉบับละ/วันละ 100 บาท และใบอนุญาตการบริการนำเที่ยวแก่นักท่องเที่ยวในอุทยาน ฉบับละ 500,000 บาท เห็นแล้วพูดได้คำเดียว ....บร๊ะเจ้า!
* แว่วข่าวจากวงการข้นหวานว่า บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ตั้งมายาวนาน แต่ดูเหมือนจริยธรรมที่ไม่มีตามอายุ เพราะยิ่งนานยิ่งหดหายทั้งไม่สนคู่ค้าภายนอก และไม่สนพนักงานภายใน ติดหนี้คู่ค้าแต่ไม่ยอมใช้ แม้นว่าคู่ค้าจะลดหนี้ให้เกือบครึ่งนึง เอาแบบว่าโกงหน้าด้านๆ ส่วนพนักงานนั้นให้ออกก็คือให้ออก
ส่วนค่าตอบแทน กล้าที่จะพ่นออกไปตรงๆ ว่า "อยากได้ก็ไปฟ้องเอา" ว่ากันว่าวงการนี้ไม่หวานเหมือนผลิตภัณฑ์ ส่วนที่ว่าเหมือนกันนั้นคือแม่และลูกที่เรียนรู้ทฤษฏี "หน้าด้านใจดำ" เหมือนกันครับ
* ส่วนรายการนี้ไม่มีพลิกล็อค ประมูลสัมปทานดิวตี้ฟรีในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ของบริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชน อภิมหาโปรเจ็คแสนล้าน ที่มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาโดยตลอดว่า "ล็อกผลโหวตผลประมูลตั้งแต่ในมุ้ง"...
ล่าสุดคณะกรรมการพิจารณาเปิดซองข้อเสนอ ทอท. ได้เปิดซองข้อเสนอทางการเงินเรียบร้อยแล้วเมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยไม่มีการแถลงข่าวใดๆ จาก AOT ว่าแต่ละรายนั้นเสนอผลตอบแทนแก่รัฐ/AOT เท่าใด มีแต่กระแสข่าวเล็ดรอดจากผู้เข้าประมูลแจ้งว่า รายเก่า "คิงเพาเวอร์ดิวตี้ฟรี" นอนมาที่ 1 ด้วยคะแนนรวมกว่า 90 คะแนน เฉือนกลุ่ม
บางกอกแอร์เวย์ส ที่ควงคู่ ล็อตเต้ ดิวตี้ฟรีเบอร์ 2 โลก ที่ได้คะแนนรวม 80....
ส่วนกลุ่ม รร.รอยัลออคิดเชอราตัน กับดูฟรี ดิวตี้ฟรีเบอร์ 1 ของโลกนั่น หุหุหุ หืดจับเข้ามาอันดับ 3 ได้ไปแค่ 70 คะแนนเศษเท่านั้น ป่านนี้คงยังมึนตึ๊บ พ่ายแพ้ดิวตี้ฟรีโนเนมจากเมืองไทยไปได้ยังไง .....
* ข่าวนี้ทำดีขอชม..อัพเดตชมรมสื่อสังคมออนไลน์ (Social Media Online Club หรือ SMOC ที่มี ”พี่บ๊วย” หรือ ศักดิ์ชัย พฤฒิภัค ผู้บริหารค่ายสื่อหลายสำนัก ขันอาสานั่งเป็นประธานชมรมฯ คนแรก ประเดิมงานแรก ลั่นตั้งปณิธานแน่วแน่ ”จะไม่แสวงหาผลประโยชน์ แต่จะทำหน้าที่เป็นองค์กรกลางของเพื่อนสื่อออนไลน์”
ล่าสุดที่แว่วข่าวมาว่า ชมรมฯ ร่างระเบียบปฏิบัติฯ เสร็จแล้ว พร้อมเปิดรับสมัครสมาชิกในอาทิตย์หน้านี้ ส่วนมีรายละเอียดอย่างไร จะนำข้อมูลมาแจ้งให้ทราบต่อไป
แว่วมาแค่นี้ครับ
โดย..เนตรทิพย์
ขอบคุณภาพจาก http://www.telecomreview.com และ https://www.bigshakti.com