รองผู้ว่าฯ เมืองภูเก็ต นำทีมประกาศเจตนารมณ์ กฎบัตรไมซ์เมืองป่าตอง เพื่อมุ่งสู่การเป็น “ศูนย์เศรษฐกิจไมซ์ของเอเชีย” สร้างโอกาสการลงทุน ด้านนายกฯเมืองป่าตองดัน 6 สาขาเร่งกระตุ้นการลงทุนในพื้นที่ พร้อมดึงภาครัฐและกลุ่มทุน “จังซีลอน” ลงทุนอีกเกือบ 5 หมื่นล้านบาท
ผู้สื่อข่าว สำนักข่าวเนตรทิพย์ ออนไลน์ รายงานว่า นายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการร่วมลงนาม “กฎบัตรไมซ์เมืองป่าตอง” ว่า นับเป็นนิมิตรหมายที่ดีที่ภาคเอกชนได้แสดงเจตนารมณ์ชัดเจนในการร่วมพัฒนาเมืองป่าตองด้วย “กฎบัตรไมซ์” เพื่อให้นำภูเก็ตมุ่งสู่การเป็นศูนย์เศรษฐกิจไมซ์ของเอเชียและสร้างโอกาสในการลงทุนมากขึ้น จากการตื่นตัวเข้ามาติดตามการขับเคลื่อนกฎบัตรในทุกครั้งที่ผ่านมา
ปัจจุบันรายได้หลักของไทยและเมืองภูเก็ตมาจากจัดเก็บภาษีอากรและรายได้จากการท่องเที่ยว โดยเฉพาะภูเก็ตรายได้จากภาคบริการท่องเที่ยวประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี มีรายได้เป็นอัน 2 รองจากกรุงเทพฯ แต่ยังต้องเร่งพัฒนาในหลายด้านเพื่อให้พร้อมรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจดังกล่าว
“จังหวัดพร้อมสนับสนุนใน 6 สาขา ของการขับเคลื่อนกฎบัตรไมซ์เมืองป่าตองและภูเก็ตไปสู่ความสำเร็จ ยังเน้นส่งเสริมการลงทุนและท่องเที่ยวด้านต่างๆ การจัดประชุมนานาชาติ เพื่อก่อให้เกิดรายได้หมุนเวียนในพื้นที่มากขึ้น เร่งเสริมสร้างศักยภาพเพื่อให้สามารถแข่งขันกับหลายประเทศในภูมิภาคนี้ โดยจะเพิ่มทางเลือกด้านการคมนาคมขนส่งให้มากขึ้น อีกทั้งยังมีถนนเส้นทางเลี่ยงเมืองเพิ่มขึ้น พร้อมกับเร่งพัฒนาและแก้ไขปัญหาด้านต่างๆควบคู่กันไปด้วย”
ด้าน น.ส.เฉลิมลักษณ์ เก็บทรัพย์ นายกเทศมนตรีเมืองป่าตอง กล่าวถึงการประกาศเจตนารมณ์ "กฎบัตรไมช์เมืองป่าตอง" เพื่อนำภูเก็ตสู่การเป็นศูนย์เศรษฐกิจไมซ์ของเอเชียในครั้งนี้ว่า พร้อมสร้างเมืองให้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสในการลงทุนตามเจตนารมณ์กฎบัตรไมซ์เมืองป่าตอง แม้ว่าปริมาณการเดินทางของผู้เยี่ยมเยือนของภูเก็ตจะเติบโตมาโดยตลอด หากนำมาเทียบเคียงกับประเทศจีนแล้ว คงจะไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ ทั้งด้วยขนาดของพื้นที่ ความหลากหลายของผลิตภัณฑ์การท่องเที่ยว ที่สำคัญคือ แนวนโยบายยุทธศาสตร์การพัฒนาท่าอากาศยานที่เป็นประตูเชื่อมโลก ซึ่งจีนได้กำหนดเป้าหมายอย่างเด่นชัดไว้
อย่างไรก็ตาม หากนำยุทธศาสตร์การพัฒนาประตูหลักการเดินทางของจีนมาประยุกต์ใช้ จะพบว่า จังหวัดภูเก็ตสามารถนำเอาวิธีปฏิบัติที่ดีหลายประการนำมาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกระดับขีดความสามารถของท่าอากาศยานและการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและกิจการไมซ์ ด้วยความได้เปรียบด้านตำแหน่งที่ตั้ง ความสามารถในการเชื่อมโยงทางอากาศ พร้อมด้วยความงดงามของพื้นที่ทางธรรมชาติ เพียงแต่ภูเก็ตจะต้องปรับเปลี่ยนยุทธศาสตร์การพัฒนา การสร้างเสถียรภาพของผู้เยี่ยมเยือนให้ปริมาณเหมาะสมได้ตลอดทั้งปี โดยนำศักยภาพของภาคเอกชน และสมรรถนะด้านต่างๆ จากหน่วยงานภาครัฐ นำจุดแข็งด้านชื่อเสียงและโครงสร้างทางกายภาพที่มีอยู่บูรณาการเข้าด้วยกัน สร้างข้อตกลงร่วมเพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาไปสู่เป้าหมายร่วมกัน
โดยเทศบาลเมืองป่าตองได้พิจารณาแล้วเห็นว่า เป็นเวลาที่เหมาะสมที่จะสร้างความร่วมมือระหว่างเทศบาลกับเครือข่ายพันธมิตร โดยการสร้างเป้าหมายร่วมหรือสร้าง common goal ร่วมกัน สร้างมิติใหม่ ด้วยการเปิดประตูจังหวัดภูเก็ตสำหรับการเยี่ยมเยือน นำป่าตองสู่ความเป็นเมืองไมซ์นานาชาติ เช่นเดียวกับประเทศจีน สร้างเครือข่ายธุรกิจไมซ์และการท่องเที่ยวที่แข็งแกร่ง พร้อมกับการปรับปรุงมาตรฐานทางกายภาพ เพิ่มความพึงพอใจแก่ผู้อยู่อาศัย พร้อมสร้างเมืองให้เป็นพื้นที่แห่งโอกาสในการลงทุน การประชุม การท่องเที่ยว การนันทนาการ การทำงาน และการอยู่อาศัย
“เทศบาลเมืองป่าตองจึงได้ร่วมกับโครงการพัฒนากลไกเชิงพื้นที่การออกแบบเมืองอย่างชาญฉลาดเพื่อยกระดับทางเศรษฐกิจและสังคม หรือ SG-ABC โดยการสนับสนุนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (สกสว.) จัดทำกฎบัตรไมซ์เมืองป่าตองขึ้น โดยมีเจตนารมณ์อย่างแน่วแน่ในการยกระดับเมืองป่าตองสู่เมืองไมซ์นานาชาติ เป็นเมืองไมซ์มาตรฐานระดับเอเชีย ด้วยการตกลงร่วมกันของทุกภาคส่วน ทั้งภาคการโรงแรม ภาคการประชุม ภาคการค้า ภาคการท่องเที่ยว ภาคการบริการ ภาคที่อยู่อาศัย และภาคชุมชนชาวเมืองป่าตองทั้งหมด”
น.ส.สมลักษณ์ กล่าวต่อว่า โดยการขับเคลื่อนเมืองป่าตองสู่เมืองไมซ์นานาชาติ เป็นเมืองไมซ์มาตรฐานระดับเอเชีย เริ่มได้รับการสนองนอบจากภาคเอกชนมากขึ้น ล่าสุดนั้นกลุ่มทุนของศูนย์การค้า “จังซีลอน” แสดงความพร้อมด้านการลงทุนอีกเกือบ 2,000 ล้านบาทในการปรับปรุงพื้นที่ศูนย์การค้าให้กว้างขวางมากขึ้น อีกทั้งในปี 2563 การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทยจะเข้ามาพัฒนาระบบรถไฟฟ้าให้บริการในภูเก็ตด้วยการลงทุนระดับหมื่นล้านบาท ส่วนในพื้นที่เมืองป่าตองนั้นมีแนวคิดจะใช้รถไฟฟ้าเปิดให้บริการในพื้นที่ในเร็วๆ นี้อีกด้วย
โดยในครั้งนี้เทศบาลได้มุ่งการพัฒนาขับเคลื่อนเมืองป่าตองสู่เมืองไมซ์นานาชาติ เป็นเมืองไมซ์มาตรฐานระดับเอเชีย เพื่อให้เกิดทิศทางและสมรรถนะที่เด่นชัดจำนวน 6 ประการ ดังนี้คือ
ประการแรก การพัฒนาเครือข่ายไมซ์และการท่องเที่ยวให้มีมาตรฐาน มีสมรรถนะในระดับโลก มีขีดความสามารถระดับสูงในการดึงดูดการประชุมนานาชาติ กิจการไมซ์ และผู้เยี่ยมเยือนคุณภาพเข้ามายังพื้นที่เมืองป่าตอง
ประการที่สอง การยกระดับกิจกรรมเศรษฐกิจสีเขียว ด้านการค้าปลีก การบริการ การศึกษา การเงิน เศรษฐกิจสร้างสรรค์ เศรษฐกิจดิจิทัล พร้อมด้วยกิจกรรมที่เกี่ยวข้อง โดยกำหนดให้ทุกมูลค่าที่ได้รับ จะต้องเป็นมูลค่าที่ได้จากประสิทธิภาพการบริการ การคิดค้น และการพัฒนาองค์ความรู้ ซึ่งไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมและนิเวศเมือง
ประการที่สาม การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งสีเขียว สร้างเมืองป่าตองเป็นเมืองแห่งการเดิน เมืองสุขภาพ เมืองขนส่งมวลชน และเมืองที่ประหยัดการใช้พลังงาน
ประการที่สี่ การพัฒนาที่อยู่อาศัยของประชาชนทุกระดับรายได้ เพิ่มโอกาสในการซื้อหาและการครอบครองที่อยู่อาศัย
ประการที่ห้า การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเขียว ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ การพัฒนาโครงข่ายทางธรรมชาติ ชายหาด พื้นที่ธรรมชาติป่าเขา และการสร้างระบบการป้องกันอุบัติภัย
และ ประการที่หก การปรับปรุงฟื้นฟูเมือง การพัฒนาย่านใจกลางเมืองเป็นศูนย์ไมซ์นานาชาติ การฟื้นฟูชนดั้งเดิม การเพิ่มพื้นที่สีเขียว สวนสาธารณะ พื้นที่สาธารณะ และการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยรวม
“ทั้งนี้ตามแผนปฏิบัติการของกระทรวงคมนาคมจะพบว่ามีแผนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ในพื้นที่เมืองภูเก็ตดังนี้คือ ปี 2563 จะได้เห็นภาพการลงทุนระบบขนส่งมวลชนอย่างรถไฟฟ้าในพื้นที่ภูเก็ตมูลค่ากว่า 3.4 หมื่นล้านบาทเช่นเดียวกับโครงการอุโมงค์ กะทู้-ป่าตอง มูลค่าลงทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ส่วนการลงทุนของภาคเอกชนล่าสุดนั้นจากการลงนามกฎบัตรไมซ์เมืองป่าตองอย่างเป็นทางการได้รับการยืนยันจากกลุ่มทุน “จังซีลอน” ว่าจะมีการใช้งบอีกเกือบ 2,000 ล้านบาท ปรับปรุงและเพิ่มพื้นที่ศูนย์การค้าให้รองรับลูกค้าได้มากขึ้น”