เริ่มต้นเดือน มิ.ย. ถนนทุกสายวิ่งตรงไปยังศูนย์เพาะชำกล้าไม้ ของกรมป่าไม้ทั่วประเทศ ชาวบ้านไปรอคิวกันตั้งแต่เช้ามืดพอเริ่มสายคิวจะยาวเหยียด เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อน บรรยากาศค่อนข้างวุ่นวายและโกลาหลพอสมควร
มีการแจ้งในไลน์กลุ่มศูนย์เพาะชำกล้าไม้จังหวัดสุพรรณบุรี จากสมาชิกท่านหนึ่งในเวลา 09.06 น.ว่า “ใครที่จะมาวันนี้ (4มิ.ย.) คิดว่าไม่ทันแล้วครับ แนะนำว่าให้มาพรุ่งนี้ดีกว่าครับ ตอนนี้ที่จอดรถจอดเต็มยาวเกือบถึงถนนด้านนอกสายหลักไปชัยนาทแล้ว”
สาเหตุที่ชาวบ้านตื่นตัวกันมากขนาดนี้ก็เนื่องจากรัฐบาลได้แก้ไขกฎหมายให้ประชาชนสามารถตัดไม้หวงห้ามได้ในที่ดินกรรมสิทธิ์ของตัวเอง รวมทั้งได้มีการส่งต่อข้อมูลกันทางโลกโซเชียลถึงการแจกกล้าไม้ฟรี จากเดิมที่ไม่ค่อยมีคนรู้มากนัก ก็ได้รับรู้กันมากขึ้น ซึ่งก่อนหน้านี้ “นายต้นไม้” ก็ได้เขียนแจ้งถึงเรื่องการขอรับกล้าไม้ฟรีไปแล้วก่อนหน้านี้เช่นกัน
น่าดีใจนะครับ ที่ได้เห็นภาพคนไทยตื่นตัวหันมาสนใจปลูกต้นไม้กันมากขึ้น ชาวบ้านส่วนหนึ่งคงหวังว่าต้นไม้ที่เอามาปลูกจะเป็นกระปุกออมสินไว้ให้ลูกหลาน หรือสำหรับเลี้ยงตัวเองในยามแก่เฒ่า อีกส่วนคงเป็นเพราะเห็นเป็นของฟรีเลยอยากได้ อยากใช้สิทธิ์ของตนเองตามคนอื่นเขาบ้าง
แต่อย่าลืมนะครับว่า ต้นไม้ที่ท่านได้รับแจกฟรีไปนั้น ต้องได้รับการดูแล อย่าปลูกแบบทิ้งขว้าง ให้ธรรมชาติเลี้ยงดูตามมีตามเกิด กล้าไม้จะตายเปล่า ตัวเราเองก็เสียเวลา เสียโอกาส ประเทศก็สูญเสียงบประมาณและทรัพยากรไปโดยเปล่าประโยชน์
บ้านไหนรับกล้าไม้ไปแล้วไปวางไว้ใต้ต้นไม้หรือโคนเสาบ้าน แล้วไม่ดูแลปล่อยให้แห้งตาย หรือทิ้งไว้ไม่ยอมปลูกเสียที แนะนำให้เจ้าหน้าที่สุ่มตรวจถี่ๆ หน่อย แล้วขึ้นบัญชีดำเอาไว้เลยครับ ปีหน้ามาขอกล้าไม้ใหม่ไม่ต้องแจกให้อีกแล้ว เสียของเปล่าๆ เอาไว้แจกให้คนที่พร้อมจะดูแลดีกว่า
ครับ…ด้วยจำนวนความต้องการของผู้คนที่ขอรับแจกกล้าไม้ปีนี้มีจำนวนมาก ดังนั้นศูนย์เพาะชำกล้าไม้จึงใช้วิธีเฉลี่ยให้กระจายมากที่สุด จำนวนที่แจกจึงลดลงแบบน่าใจหาย อย่างที่ศูนย์เพาะชำกล้าไม้จังหวัดสุพรรณบุรีได้กำหนดจำนวนกล้าไม้ที่จะแจกต่อรายดังนี้ กล้าพะยูง ไม่เกิน 50 ต้น, กล้าประดู่ป่า ไม่เกิน 100 ต้น, กล้าสัก ไม่เกิน 20 ต้น, กล้ายางนา ไม่เกิน 20 ต้น, กล้ามะฮอกกานี ไม่เกิน 10 ต้น ซึ่งเป็นจำนวนที่น้อยมาก
ใครที่เตรียมปรับพื้นที่ไว้รอรับกล้าไม้แจกฟรีซึ่งตามเกณฑ์กำหนดให้รายละไม่เกิน 1,500 ต้นนั้น ถือว่ายังขาดกล้าอีกจำนวนมาก ส่วนที่เหลือก็คงต้องไปหาซื้อกล้าไม้กันเอง
เชื่อว่า ปีต่อๆ ไปความต้องการกล้าไม้เศรษฐกิจก็ยังมีจำนวนมากอยู่ ดังนั้น กรมป่าไม้น่าจะต้องปรับแผนงานการผลิตกล้าไม้ให้ตรงกับความต้องการของชาวบ้านมากขึ้นทั้งในเชิงปริมาณและชนิดพันธุ์กล้าที่เป็นที่นิยม ฝากรัฐบาลชุดใหม่เข้ามาดูแลเรื่องนี้อย่างพิถีพิถันให้มากขึ้น เพราะเห็นได้ชัดแล้วว่า นโยบายเรื่องนี้ “โดนใจ”
นายต้นไม้