การศึกษาแบบ EEC Model ดำเนินการโดย EEC HDC
- อีอีซี. จะเกิดอะไรในเรื่องคนและความต้องการแรงงาน
@ การขยายตัวของเศรษฐกิจระดับการลงทุน 1.5 ล้านล้านบาทภายใน 5 ปีนับจากปี 2562 เป็นต้นไปจะผลักให้ จีดีพี ไทยโตสูงกว่าร้อยละ 5 ปัจจุบันมีนักลงทุนยื่นเสนอมาราว 7 แสนล้าน นั่นหมายถึงความต้องการคนทำงานใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย ได้แก่ อุตสาหกรรมระบบราง / เดินสมุทร / โลจิสติก และกลุ่มอื่นได้แก่ หุ่นยนต์ / ดิจิทัล / สมาร์ทอิเลกทรอนิกส์ / ยานยนต์สมัยใหม่ / การบิน / การท่องเที่ยว /การแพทย์ครบวงจร /อาหารเพื่ออนาคต / ไบโอเคมิคัล / เกษตรก้าวหน้า / การศึกษา /ความมั่นคง
กรณี โลจิสติกฮับ ของอาลีบาบา ที่ไทยแข่งกับมาเลย์ ชี้เรื่องความต้องการคน (กฎหมาย และความพร้อมของประเทศในระบบที่จะรองรับ) ชัดเจน
- ปัจจุบัน อีอีซี.มีความพร้อมแค่ไหนด้านแรงงาน ทั้งปริมาณและคุณภาพ
@ ขาดทั้งปริมาณและคุณภาพ ในด้านปริมาณ เราต้องการบุคลากรกว่า 4.7 แสนคนใน 5 ปีข้างหน้าในทุกอุตสาหกรรมเป้าหมาย ซึ่งต้องเร่งการผลิต (ลดความสูญเสีย - สะเปะสะปะ ทางการศึกษาลงให้ได้) และต้องยกระดับมาตรฐานที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว กรณีหลังนี่ต้องใช้มาตรฐานต่าง ๆ ในแต่ละสาขาการผลิตมาช่วยพัฒนากำหนดให้ทันความเปลี่ยนแปลง และใช้สถาบันและผู้เชี่ยวชาญเข้าช่วยเสริม ทำงานคู่กับหน่วยงานที่พัฒนามาตรฐานในไทยที่มีอยู่ให้ช่วยเร่งยกระดับบุคลากรสาขาต่าง ๆ ให้สูงได้ระดับมาตรฐานสากลในทุกสาขาวิชาชีพ
- อีอีซี.มีแผนงานอย่างไรในการพัฒนาคนรองรับอนาคต โครงสร้างการบริหารเป็นอย่างไร
@ เราทำการศึกษาสำรวจความต้องการตามอุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อคาดการกำลังคนในแต่ละสาขาอุตสาหกรรมเพื่อให้ใกล้เคียงการลงทุนแต่ละด้าน และดำเนินการจัดปรับการศึกษาให้เป็นแบบ Demand driven ที่ต้องมีอุตสาหกรรมมารองรับการร่วมจัดการศึกษาและให้ทุนผู้เรียน โดยทางอุตสาหกรรมจะได้ incentive จากภาครัฐในกรณีการสนับสนุนการศึกษา ที่เราพัฒนามาจากสัตหีบโมเดลสู่ อีอีซีโมเดล และเราจัดทำยุทธศาตร์และแผนปฏิบัติการรวมเพื่อกระจายความร่วมมือไปยังสถานศึกษาทุกระดับตั้งแต่การศึกษาพื้นฐาน อาชีวะ และมหาวิทยาลัย โดยมีคณะประสานงานทุกระดับร่วมขับเคลื่อน
- ปัจจุบันมีความก้าวหน้าอย่างไร เป็นไปตามแผนหรือไม่ มีอุปสรรคอะไรบ้าง
@ ปัจจุบันเรานำเสนอรัฐบาลในเรื่องตัวเลขความต้องการทั้งหมดแล้ว ตอนนี้อยู่ในการจัดปรับกระบวนท่าของการจัดการศึกษาให้ตรงตามความต้องการในเชิงกระบวนการระบบและการพัฒนา ซึ่งตอนนี้เรื่อง ดิจิทัล สมารท์อิเลกทรอนิกส์ และโรโบติก ไปได้ดี มีความร่วมมือชัดเจนระหว่างกระทรวงดิจิทัลโดย DIPA เป็นองค์กรที่กระทรวงดิจิทัล ชี้มาให้ร่วมกับส่วนมหาวิทยาลัยที่เราทำในส่วนของ EEC HDC ซึ่งคาดว่าจะเดินหน้าต่อไป ส่วนพาณิชย์นาวีไปได้ตามสภาพ ด้าน Aviation กำลังประสานงานกับทุกองค์กรอยู่ ระบบราง ประสานกับองค์กรและสถาบันที่ร่วมมืออยู่ สรุปว่ากำลังจัดให้สถาบันการศึกษาแต่ละสถาบันร่วมมือร่วมจัดการให้ครบทั้ง 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย
- จุดเด่นที่เกิดขึ้นแล้ว เช่น การแบ่งความรับผิดชอบมหาวิทยาลัยต่างๆ ข้อตกลงกับเอกชนและมหาวิทยาลัยต่างประเทศที่จะมีบทบาท
@ ม.บูรพา รับ การท่องเที่ยว / ออโตเมชั่น (เป็นศูนย์พัฒนาและบริการฝึกอบรม) ม.เกษตร รับเรื่อง พาณิชย์นาวี / ม.ราชมงคล โลจิสติกส์ / ระบบเจ้าภาพร่วม ดิจิทัล ม.ศรีปทุม-บูรพา / ยานยนต์สมัยใหม่ จุฬา-พระจอมเกล้าฯระยอง / ระบบราง บูรพา-วท.ชล -ราชมงคลธัญบุรี / การบิน ม.เกษตร-ราชมงคล / แปรรูปอาหาร ม.บูรพา-ม.เกษตร-ราชมงคล / แพทย์ครบวงจร จุฬาภรณ์ราชวิทยาลัย-ม.บูรพา-ม.ธรรมศาสตร์ พัทยา / หุ่นยนต์ สถาบัน FIBO / การศึกษา ม.บูรพา-มศว.ประสานมิตร / ความมั่นคง ม.เกษตร-กองทัพ
ด้านการประสานกับต่างประเทศ เชื่อมผ่าน 2 ทางคือ สถาบันเชื่อกับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ต้องการบุคลากรตามความต้องการ กับทาง EEC HDC จัดเชื่อมให้กับ 6 ประเทศเครือข่ายคือ สวิส เยอรมนี ออสเตรีย เนเธอร์แลนด์ จีน และญี่ปุ่น รวมทั้งการประสานผ่านสถาบันสำคัญในสหรัฐอเมริกาอย่าง MIT คาร์เนกี เมล่อน ฯลฯ
- งานลำดับถัดไปเพื่อให้บรรลุผลคืออะไรบ้าง
@ จัดปรับการศึกษาในสถาบันเครือข่ายให้ร่วมกับอุตสาหกรรมทั้ง 12 กลุ่มเป้าหมาย เพื่อเชื่อมให้มีการร่วมมือกำหนดเป้าหมายและระบบการรับเด็กเข้าเรียน และการจัดการเรียนการสอนที่ตอบสนองการศึกษาที่ต้องการของอุตสาหกรรมทั้งในแง่คุณภาพ มาตรฐาน และการสื่อสาร เพื่อยกระดับคุณภาพคนและงาน รวมถึงรายได้ของผู้เรียน
อีกส่วนหนึ่งคือการสร้างการฝึกอบรมระยะสั้นใน 3 แบบคือ New Skill, Up skills, Re skill ให้ทุกคนในวัยทำงานและวัยการศึกษาได้มีหลักสูตรที่จะยกปรับระดับทักษะในการทำงานให้พัฒนาขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันก็จัดปรับระบบการศึกษาเป็นระบบ credit Bank ให้ผู้เรียนได้ทำงานและเรียนไปด้วย ไม่เสียโอกาสในการทำงานและรายได้ รวมถึงช่วยสถาบันการศึกษาปรับระบบให้ปรับตัวเข้ากับสิ่งแวดล้อมใหม่ที่เป็นจริงด้วย
- ภาพรวมของงาน จะสร้างประโยชน์กับเยาวชนและประชาขนอย่างไรบ้าง
@ ๑) ได้ปรับฐานการศึกษาใน อีอีซี ทั้งระบบให้มีการพัฒนาบุคลากรตรงตามความต้องการของงานที่ต้องการ ดังนั้นการตกงาน ว่างงาน จะหายไปจากบริบทของการศึกษา
๒) ยกระดับคุณภาพการศึกษาสู่มาตรฐานสากล เพื่อพัฒนาคุณภาพและทักษะฝีมือ ตลอดจนการสื่อสาร เพื่อพัฒนาสู่การมีงานทำในกลุ่มบุคลากรที่มีรายได้สูง
๓) สร้างความพอเพียงด้านบุคลากร ทั้งในเชิงปริมาณ & คุณภาพ ตอบโจทย์การลงทุนเพื่อยกระดับเศรษฐกิจประเทศให้เป็นไปตามการพัฒนาที่วางไว้
๔) พัฒนาระบบการศึกษาทั้งแนวตั้งและแนวราบ ในแง่ของการพัฒนาการศึกษาทุกระดับให้สอดรับกันตั้งแต่ระดับพื้นฐานจนถึงมหาวิทยาลัย และเน้นการอาชีวศึกษา ที่ตอบโจทย์ความต้องการของอุตสาหกรรมและการพัฒนาประเทศ รวมถึงพัฒนาคุณภาพให้เท่าทันความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าในแบบ 4.0 และโครงสร้างเศรษฐกิจยุคใหม่
๕) เยาวชนทุกคนในระบบการศึกษาแบบ อีอีซี โมเดล จะมีความรู้ที่มีมาตรฐานการเรียนการสอนที่ตรงตามความต้องการในตลาดความต้องการของงานและมีพัฒนาการต่อเนื่อง ตลอดจนได้รับการอุดหนุนทางการศึกษาจากกลุ่มอุตสาหกรรมต่าง ๆ และมีหลักประกันในการมีงานทำรายได้สูงหลังจบการศึกษา
๖) ประเทศโดยรวมจะลดความสูญเสียสูญเปล่าด้านการศึกษา ช่วยให้ระบบการศึกษาได้พัฒนาปรับตัวไปในทิศทางที่สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงของความรู้และเทคโนโลยีที่พัฒนาก้าวหน้าไปไม่หยุดยั้ง รวมทั้งสร้างโอกาสให้สถาบันการศึกษาพ้นออกจากวิกฤตและการถูก disruption และช่วยเชื่อมสถาบันการศึกาเข้ากับอุตสาหกรรมและสถาบันที่ก้าวหน้าของโลกจากต่างประเทศ สร้างโอกาสการพัฒนาให้กับการพัฒนาคุณภาพทั้งระบบการศึกษาไทย