“หัวเว่ย” เดินหน้าพัฒนา 5จี ยันคนไทยได้ใช้ก่อนสิ้นปีนี้แน่ พร้อมยืนยันไม่มีเอี่ยวปมการเมืองระหว่างประเทศ ยันเปฏิบัติตามกฎระเบียบของทุกประเทศที่เข้าไปลงทุน เชื่อแรงบีบยักษ์ไอทีมะกัน อาจตีกลับจนกดดันให้รัฐบาลมะกันต้องยุติข้อห้ามไม่เป็นธรรม เดินหน้าทุ่มงบลุย R&D ทั้งเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่เต็มพิกัด
สำนักข่าวเนตรทิพย์รายงานว่า เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้บริหารหัวเว่ย ประจำภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ และหัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) ได้เปิดให้คณะสื่อมวลชนไทย เข้าเยี่ยมชม “ศูนย์วิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีรูปแบบใหม่” Huawei OpenLab Bangkok ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มพื้นฐานด้านไอทีครบวงจรสำหรับการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านด้านไอทีและเทคโนโลยี ทั้งยังจะรองรับเทคโนโลยี 5G ที่ให้กับพันธมิตร รวมถึงหน่วยงานรัฐของไทยของบริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัดณ สำนักงานฯ บริเวณชั้น 29 อาคาร G TOWER รัชดาภิเษก-พระราม 9
ทั้งนี้ ภายหลังการเยี่ยมชมกิจการในครั้งนี้ นายโจว เจิ้น ผู้อำนวยการฝ่ายกิจการสาธารณะและการสื่อสารภาคพื้นเอเชียอาคเนย์ หัวเว่ยฯ ได้ตอบข้อซักถามของสื่อมวลชนไทยต่อกรณีปมสงครามมการค้าระหว่างรัฐบาลสหรัฐและจีนที่กำลังปะทุขึ้นมาอย่างรุนแรง และเกี่ยวพันไปถึงเทคโนโลยีใหม่ 5จีของหัวเว่ยโดยตรง โดยเฉพาะการที่สหรัฐกล่าวหาว่าเทคโนโลยีใหม่ดังกล่าวอาจกระทบความมั่นคงของสหรัฐและทั่วโลกได้นั้น
โดยนายโจว จิ้น กล่าวยืนยันว่า “หัวเว่ย” นั้นคือบริษัทเอกชน ที่ไม่มีความข้องเกี่ยวกับรัฐบาล (จีน) หรือมีเรื่องการเมืองทั้งภายในและระหว่างประเทศแอบแฝงแต่อย่างใด และหัวเว่ยพร้อมจะดำเนินการทุกอย่างภายใต้กฎระเบียบ และข้อบังคับของทุกประเทศที่เข้าไปดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นการเคารพต่อกฎหมายด้านความมั่นคง การอยู่ภายใต้กติกาของระบบการจัดเก็บภาษี การปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน , กฎหมายและพิธีการศุลกากร ที่เกี่ยวข้องกับการนำเข้าและส่งออก รวมไปถึง การดำเนินกิจการภายใต้กรอบของ CSR
ส่วนประเด็นการพัฒนาระบบปฏิบัติการ(Huawei OS)ของตัวเองของบริษัทแม่หัวเว่ยเพื่อนำมาใช้ทดแทนระบบปฏิบัติการ Androided ของยักษ์ใหญ่ Google ซึ่งถูกรัฐบาลสหรัฐฯบีบให้ตัดทิ้งความสัมพันธ์กับหัวเว่ยนั้น ผู้บริหารหัวเว่ยกล่าวว่า เท่าที่ทราบได้มีการพัฒนามาระยะหนึ่งแล้วในชื่อ “Hongmeng OS” “Project Z” และ “Ark OS” ที่ดูเป็นสากลและเหมาะสมต่อการทำการตลาดทั่วโลก แต่เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เขาเองก็เพียงแต่รับทราบจากข่าวสารที่ออกมาจากสื่อต่างๆ เท่านั้น ยังไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจนจากบริษัทแม่ในประเทศจีนแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม การผ่อนปรนของ Google ที่ยังคงเปิดให้ลูกค้าที่ใช้ผลิตภัณฑ์หัวเว่ยยังคงใช้ระบบปฏิบัติการแอนดรอยซ์ต่อไปได้ในระยะหนึ่ง ซึ่งทำให้หัวเว่ยยังคงโลดแล่นอยู่ในตลาดโลกได้และคลายความกังวลให้กับลูกค้าไปในระดับหนึ่งได้นั้น ผู้บริหารหัวเว่ยฯ กล่าวว่าไม่แน่ว่าแรงกดดันจากนโยบายที่ไม่เป็นธรรมของรัฐบาลสหรัฐฯรอบนี้ อาจทำให้ผลการเจรจาระหว่างบริษัทสัญชาติอเมริกันอย่าง Google Intel, Qualcomm และอื่นๆ กับรัฐบาลสหรัฐฯอาจออกมาในลักษณะที่เป็นประโยชน์ต่อหัวเว่ย รวมถึงการพัฒนาไอทีเทคโนโลยีของโลกที่ไม่ต้องถูก “ตัดตอน” อย่างที่ใครหลายคนกังวลใจ
ในส่วนของเทคโนโลยี 5G ที่หัวเว่ยกำลังพัฒนาร่วมกับผู้ให้บริการระบบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของไทยนั้น ผู้บริหารหัวเว่ยประจำภาคพื้นเอเชียอาคเนย์กล่าวยืนยันว่าคนไทยจะได้ใช้เทคโนโลยี 5จี พร้อมกันทั่วประเทศก่อนสิ้นปีนี้อย่างแน่นอน และหัวเว่ยก็เตรียมนำ “สมาร์ทโฟน” และอื่นๆ ออกมารองรับเทคโนโลยี 5G ที่ว่านี้ รวมถึงร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐของไทยในการพัฒนาเทคโนโลยีด้านบริการต่าง ๆ เพื่อให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้น อาทิ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.), สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นต้น
ส่วนยอดขายของ “หัวเว่ย” ทั่วโลกนั้น จากข้อมูลในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงมียอดขายเติบโตถึง 31% แม้ว่าในเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ยอดขายหัวเว่ยอาจลดลงบ้างแต่ไม่มากนัก เพราะภาพรวมยอดขายทั่วโลกยังคงเติบโตที่ระดับ 25% เชื่อว่าภายใต้ปีนี้ ยอดขายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “หัวเว่ย” ทั่วโลก จะยังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ และนั่นยิ่งทำให้พวกเขายอมทุ่มงบประมาณจำนวนมหาศาลถึง 10% ของยอดขาย เพื่อนำไปลงทุนทางด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ทั้งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกมาสู่ท้องตลาดอย่างต่อเนื่อง