นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยหลังจากการนำคณะกรรมการฯ ลงพื้นที่เพชรบุรี (ชะอำ) - ประจวบคีรีขันธ์ (หัวหิน) หารือเปิดเมืองเพื่อฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองท่องเที่ยว ในวันที่ 4 - 5 พ.ย. ที่ผ่านมา โดยได้ดูความพร้อมของโรงแรมและสถานประกอบการที่ได้มาตรฐาน SHA พลัส ซึ่งมีหลายส่วนได้รับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศ ผ่าน Seal Route จากสนามบินสุวรรณภูมิ ตามมาตรการป้องกันความเสี่ยงการแพร่ระบาดเมื่อนักท่องเที่ยวลงจากเครื่องบิน โดยในส่วนของจังหวัดเพชรบุรี ได้ทำพื้นที่นำร่องในเขตเทศบาลเมืองชะอำ (CHA-AM SUNSHINE) ปัจจุบันมีการฉีดวัคซีนเข็ม 1 ร้อยละ 81.17 เข็ม 2 ร้อยละ 72.05 ของจำนวนประชากร มีผู้ประกอบการได้รับมาตรฐาน SHA พลัส 50 ราย ในขนาดที่จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ใช้พื้นที่เทศบาลเมืองหัวหิน เป็นพื้นที่นำร่อง (HuaHin Recharge) มีการฉีดวัคซีน เข็ม 1 ร้อยละ78.65 และเข็ม 2 ร้อยละ 65.91 ของจำนวนประชากร มีผู้ประกอบการได้รับมาตรฐาน SHA พลัส 97 ราย ซึ่งภาพรวมการท่องเที่ยวในพื้นที่มีความคึกคักจากนักท่องเที่ยวภายในประเทศ และหลังจากนี้หากนักท่องเที่ยวต่างประเทศทยอยเดินทางเข้ามามากขึ้น เชื่อว่าว่าจะทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวในพื้นที่ฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ รัฐบาลควรจัดสรรวัคซีนเข็ม 2 และเข็ม 3 ให้กับภาคธุรกิจด้านการท่องเที่ยวและบริการ เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวโดยเร็วที่สุด ซึ่งภาครัฐและเอกชนในพื้นที่จะได้ร่วมกันเร่งรณรงค์ให้โรงแรม ร้านอาหาร และร้านค้า ขอรับมาตรฐาน SHA พลัส โดยขอให้ ททท. เร่งพิจารณาผู้ประกอบการที่ยื่นขอมาตรฐานดังกล่าวให้เร็วขึ้น ควบคู่กับการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่ ททท. ได้จัดแผนการตลาดมาโปรโมททั้ง 2 พื้นที่นี้ไว้ โดยภาคเอกชนขอให้รัฐบาลเร่งโปรโมทนักท่องเที่ยวต่างชาติมาช่วยเสริมเศรษฐกิจในช่วง 2 เดือนหลังของปีนี้ นายสนั่นกล่าว
นายสนั่น ยังกล่าวเสริมอีกว่า ทางคณะหอการค้าฯ ยังได้มีการเยี่ยมชมการดำเนินงานตามมาตราฐาน SHA พลัส ในโรงแรม ไฮแอท รีเจนซี่ หัวหิน ทั้งนี้ หอการค้าไทยเห็นว่ารัฐบาลควรพิจารณาอนุญาตให้จำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ ในโรงแรมหรือสถานที่ที่ได้มาตราฐาน SHA พลัส ทั่วประเทศ ในช่วงแรกก่อน เช่นเดียวกับรูปแบบของ กทม. แล้วค่อยพิจารณามาตรการเป็นระยะๆ ต่อไป ซึ่งเชื่อว่าหลังจากนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากได้ร่วมกันทำงานเชิงรุก
สำหรับการเสริมการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ยังได้มีการนำ โมเดลท่องเที่ยวอารมณ์ดี มีความสุข (Happy Model) มาหารือร่วมกันกับภาครัฐและเอกชนในพื้นที่ สอดคล้องกับการที่จังหวัดเพชรบุรีอยู่ระหว่างเข้ารับการคัดเลือกสู่เมืองสร้างสรรค์ด้านอาหารของยูเนสโก หรือ Creative City of Gastronomy by UNESCO ชูจุดเด่นความพร้อมด้านอาหารในทุกส่วน โดยเชื่อมั่นว่าหากสามารถขับเคลื่อนโมเดลดังกล่าวอย่างเป็นรูปธรรมในพื้นที่ 2 จังหวัด จะช่วยยกระดับการท่องเที่ยวมูลค่าสูงในอนาคตอันใกล้เนื่องจากเป็นจังหวัดท่องเที่ยวสำคัญที่ได้รับความนิยมทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติอยู่แล้ว
นอกจากนี้ ภาคเอกชนในพื้นที่ยังได้มีข้อเสนอเพื่อเสริมการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยเห็นด้วยกับหอการค้าไทยที่ขอให้รัฐบาลส่งเสริมการจัดงานลอยกระทงและเทศกาลปีใหม่ทั่วประเทศ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจแต่ละพื้นที่
ทั้งนี้ หอการค้าไทย ขอขอบคุณกรมอนามัย ที่ตอบรับเสียงภาคเอกชนโดยออกข้อแนะนำและมาตรการในการจัดกิจกรรมดังกล่าว เชื่อว่าจะทำให้บรรยากาศและความเชื่อมั่นในการเดินทางในประเทศไทยกลับมา อีกทั้งเอกชนในพื้นที่ยังได้นำเสนอโครงการพัฒนาท่าอากาศยานหัวหิน เพื่อขยายอาคารที่พักผู้โดยสารให้มีห้องสำหรับรองรับผู้โดยสารทั้งในประเทศ และต่างประเทศในเวลาเดียวกัน พร้อมปรับปรุงอาคารเดิมบางส่วน ขยายลานจอดเครื่องบิน รองรับเครื่องบินโดยสารได้มากขึ้น ซึ่งหลังจากนี้หอการค้าไทยและสนามบินจะร่วมกันหารือและปรับปรุง Standard Operation Procedure (SOP) โดยเฉพาะมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัย พร้อมกับจะหารือผู้ประกอบการสายการบินถึงความเป็นไปได้ในการเพิ่มเที่ยวบินให้มากขึ้น อีกทั้งยังได้มีการนำเสนอประเด็นการยกระดับจุดผ่อนปรนพิเศษด่านสิงขร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นด่านที่มีศักยภาพและสามารถเชื่อมโยงการค้ากับเมืองมะริด ของประเทศเมียนมา ที่เป็นเมืองท่าสำคัญด้านการขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งประเด็นดังกล่าวจะต้องใช้จังหวะเวลาที่เหมาะสมในการหารือและผลักดัน เนื่องจากในช่วงเวลานี้สถานการณ์ภายในเมียนมายังคงไม่ปกติ โดยหอการค้าไทยได้รับทราบข้อเสนอที่เกี่ยวข้องและจะต้องนำมาพิจารณาอย่างรอบคอบเนื่องจากเป็นประเด็นที่ละเอียดอ่อน ก่อนนำเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป