ควันหลง “บิ๊กดีล” ควบรวม “ทรู-ดีแทค” ยังระอุ 7 พรรคการเมืองร่วมลงขื่อยื่นญัตติด่วนเข้าสภาฯ ติดเบรกควบรวมกิจการ ชี้ส่งผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง พร้อมกระทุ้ง กสทช. พลิกตำรารับมือพร้อมเร่งศึกษา กม.กำกับดูแล ปิดช่องโหว่ควบรวมกิจการ ด้านนักวิชาการดังเผยตัวอย่างควบรวมโรงพยาบาลทำค่ารักษาแพงหูฉี่ ปชช.รากหญ้าหมดสิทธิ์เข้ารับการรักษานพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคพลังธรรมใหม่ กล่าวในงานเสวนาในหัวข้อ ”บทเรียนธุรกิจควบกิจการทรู-ดีแทค” ผ่านรายการ ”ฐานทอล์ค” เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 ว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้รติดตามและรับทราบข่าวการควบรวมกิจการระหว่างกลุ่มทรู-และดีแทคมาตั้งแต่ต้น และสมาชิกได้มีการพูดคุยกัน และแสดงความเป็นห่วงผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพราะก่อนการควบรวมกิจการนั้น ตลาดโทรคมนาคมไทยที่มีผู้เล่นน้อยรายอยู่แล้ว และเป็นตลาดกึ่งผูกขาดที่มีผู้เล่นอยู่ 3 ค่ายใหญ่จะมีการแข่งขันใน 3 ด้าน คือ ด้านการให้บริการ การแข่งขันขยายเครือข่าย และคุณภาพบริการ แต่เมื่อมีการควบรวมกิจการเหลือผู้เล่นอยู่เพียง 2 ค่ายใหญ่ สิ่งเหล่านี้คงจะหายไปด้วยเหตุนี้ สมาชิกจาก 7 พรรคการเมือง จึงร่วมลงชื่อให้มีการยื่นญัตติด่วนต่อประธานสภาฯ ในวันพฤหัสที่ 16 ธ.ค.นี้ เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นศึกษาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการทมรู-ดีแทคในครั้งนี้ รวมไปถึงศึกษากฎหมายแข่งขันทางการค้าในภาพรวม และกรณีควบรวมธุรกิจค้าปลีก-ค้าส่ง อย่างแมครโคร-โลตัส ก่อนหน้านี้ด้วยทั้งนี้ การตั้งคณะทำงานศึกษาผลกระทบที่จะเกิดขึ้น เพื่อให้ข้อมูลกับหน่วยงานกำกับดูแลอย่าง กสทช. ที่บอกว่า มีกฎหมายกำกับดูแลกันอยู่แล้วเพื่อให้มีการตัดสินใจในเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน เพราะ กสทช. มี พ.ร.บ.ประกอบกิจการโทรคมนาคม ปี 44 ที่มีบทบัญญัติห้ามผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมที่รับใบอนุญาตดำเนินการให้เกิดการผูกขาดหรือลดทอนการแข่งขัน หากการตัดสินใจของ กสทช. ไม่คำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ ทางสภาฯ คงจะยื่นมือเข้าไปดูแลปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ และกรณีที่พบว่า กฎหมายกำกับดูแลยังไม่ครอบคลุมเพียงพอ สภาฯ อาจยกร่างกฎหมายใหม่ขึ้นมาดูแล ซึ่งจะครอบคลุมไปถึงกฎหมายแข่งขันทางการค้าในภาพรวมด้วยดร.สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์ ประธานสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) กล่าวย้ำถึงผลกระทบจากการควบรวมกิจการในครั้งนี้ว่า จะทำให้เกิดตลาดโทรคมนาคมไทยถอยหลังไปถึง 17 ปีในสมัยที่ประเทศไทยยังมีผู้ประกอบการเพียง 2 ราย คือ เอไอเอสกับดีแทค ซึ่งจะทำให้การผูกขาดเชิงโครงสร้างของตลาดมือถือ ซึ่งอยู่ในระดับที่อันตราย เกิดความเสี่ยงใหญ่มากที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ใช้บริการทั้งโทรศัพท์มือถือ อินเตอร์เน็ตไฟเบอร์ ตลอดจนคนทำอุตสาหกรรมที่ต้องไปสู่ 4.0 นักเรียนที่ต้องเรียนออนไลน์ โรงพยาบาล คนทำสื่อที่จะต้องใช้ออนไลน์มากขึ้น มีความเสี่ยงที่จะถูกเอาเปรียบด้านราคา และอาจถูกบังคับขายพ่วงตามมา “ตัวอย่างที่เริ่มเห็นกันแล้ว ก็คือ ธุรกิจโรงพยาบาลที่มีการควบรวมกิจการกันอย่างกว้างขวาง เครือ รพ.ใหญ่ไปซื้อโรงพยาบาลขนาดเล็กๆ ที่เป็นอิสระ ทำให้ตอนนี้ค่าบริการรสูงขึ้น ประชาชนผู้มีรายได้น้อยเข้าไม่ถึงการรักษาในโรงพยาบาลเอกชน นี่คือตัวอย่างผลเสียที่จะเกิดขึ้นจากการควบรวมกิจการ หากมองไปถึงภาพรวมในทุกกิจการของประเทศไทย ดังนั้น ทางออกในเรื่องนี้ กสทช. จะต้องเร่งปัดฝุ่นดูกฎหมายตัวเองมาใช้อย่างเข้มข้น ประกาศ กสทช.ที่ยังบกพร่อง ไม่ได้บังคับให้ต้องขออนุญาต ก็ต้องแก้ไขให้ต้องขออนุญาต หาก กสทช. ไม่สามารถบังคับใช้กฎหมายอย่างได้ผลคณะกรรมการแข่งขันทางการค้า (กขค.) ก็ต้องเข้ามาดูแลตรงนี้ ซึ่งในต่างประเทศนั้นหากเกิดความเสี่ยงสูงขนาดนี้เขาจะไม่ยอมให้ควบรวมกิจการ หรือหากจะให้จะต้องมีการกำหนดเงื่อนไข บังคับขายกิจการบางอย่างออกไป” ด้าน หมอลี่ - นพ ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านคุ้มครองผู้บริโภค ยอมรับว่า กฎหมายกำกับดูแล กสทช.ในเรื่องนี้ โดยเฉพาะประกาศ กสทช. ว่าด้วยการควบรวมกิจการแก้ไขล่าสุดเมื่อปี 2561 ยังมีความคลุมเครือ ทำให้ กสทช. มีความเห็นแตกต่างกันไป มีการตีความว่า การควบรวมกิจการนั้นไม่ต้องขออนุญาต กสทช. เพราะเป็นการควบรวมบริษัทแม่ ไม่ได้เป็นผู้รับใบอนุญาตโดยตรง แต่ตนเห็นว่าไม่ว่าจะรับใบอนุญาตโดยตรงหรือไม่ก็ต้องขออนุญาตจาก กสทช. เพราะการควบรวมดังกล่าว ส่งผลต่อผู้รับใบอนุญาตโดยตรง จึงเห็นว่า กสทช. ซึ่งมีอำนาจพิจารณาที่จะพิจารณาอนุมัติ หรือไม่อนุมัติได้ “อย่างไรก็ตาม เข้าใจว่าในขณะนี้ทุกฝ่ายกำลังรอความชัดเจนจากวุฒิสภาในการให้ความเห็นชอบรายชื่อ กสทช. ขุดใหม่ จึงทำให้เรื่องต่าง ๆ ที่ประดังเข้ามายังสำนักงาน กสทช.นั้น ยังไม่มีการส่งเรื่องเข้าบอร์ด กสทช. แต่อย่างใด มีเพียงการเชิญผู้บริหารสองบริษัทเข้ามาชี้แจงเรื่องที่เกิดขึ้นเท่านั้น ยังไม่มีการนำเสนอเรื่องมายัง กสทช.แต่อย่างใด เข้าใจว่าจะรอ กสท.ชุดใหม่เข้ามา"