ยังคงแก้ไม่ตก..
กับเรื่องของการแก้ไขปัญหา “หวยแพง” ที่ยังคงเป็นปัญหากลัดหนองของบรรดาคอหวย และสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล เพราะผ่านมากี่ปีกี่ชาติ ปัญหาหวยแพงก็ยังคงเป็น”ปัญหาโลกแตก”ที่กองสลากและรัฐบาลแก้ไม่ตก
แม้จะงัดสารพัดมาตรการออกมาดำเนินการ ไล่ดะไปตั้งแต่การจัดพิมพ์สลากเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่สิบล้านฉบับ จนปัจจุบันยอดจำหน่ายสลากกินแบ่งทะลักไปถึง 100 ล้านฉบับเข้าไปแล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถจะดึงราคาขายให้อยู่ในระดับฉบับละ 80 บาทได้ หรือก่อนหน้าจะยกเลิกเอเย่นต์ ยี่ปั๊วรายใหญ่ เครือข่ายของนักการเมืองใหญ่ และปรับเปลี่ยนระบบ วิธีการจำหน่ายสลาก เพิ่มผู้ค้าสลากรายย่อยนับแสน ปรับสูตรการพิมพ์สลากเป็นแบบคละเลขเพื่อป้องกันการรวมชุด หรือขู่งัดมาตรการปราบปรามการขายสลากราคาอย่างเข้มขวดมาใช้
หรือกระทั่งล่าสุด คณะกรรมการ(บอร์ด)สลากออกมาตีปี๊บ เตรียมงัดมาตรการสกัดกั้นและแก้ลำหวยแพงระลอกใหม่ โดยเตรียมเพิ่มจุดขายสลากออนไลน์ในราคาควบคุมจากที่เปิดนำร่องไปแล้ว 34 จุดเป็น 74 จุดในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล และขยายเพิ่มไปอีก 1,000 จุดทั่วประเทศ กระจายลงไปยังทุกอำเภอ พร้อมเตรียมเปิดลงทะเบียนผู้ค้าสลากรายย่อยใหม่ทั้งระบบ 200,000 รายในช่วงวันที่ 1-31 ม.ค.65 นี้ โดยกำหนดโควตากระจายสลากให้รายละ 5 เล่ม
แต่ทุกฝ่ายยังคงปรามาส มาตรการของสำนักงานสลากข้างต้นคงเป็นได้แค่มาตรการลูบหน้าปะจมูก และเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้ว ปัญหาการขายสลากเกินราคาก็ยังคงมีอยู่ และนับวันจะทวีความรุนแรงมากขึ้นไปทุกขณะ สะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของมาตรการควบคุมราคาได้เป็นอย่างดี
ล่าสุดนัยว่า ราคาสลากหวยชุดที่มีการซื้อขายกันนั้นตกไปถึง 15 ใบ 7,000 บาทหรือ 10 ใบ 5,000 บาทก็มีให้เห็นกันแล้ว ขณะที่สลากเลขชุด 2 ใบและ 3 ใบ ที่เป็นที่นิยมของผู้คนมากที่สุดก็ทะยานไปถึง 250-350-450 บาทเข้าไปแล้ว
มูลเหตุที่หลายฝ่ายยังคงเชื่อว่าปัญหาสลากกินราคา จะยังไม่ได้รับการแก้ไข และด้วยมาตรการสุดละอ่อนของสำนักงานสลากข้างต้น ก็คงเป็นแค่มาตรการลูบหน้าปะจมูกหรือแค่ไฟไหม้ฟางนั้น ก็เพราะจุดจำหน่ายสลากในราคาควบคุมที่มีอยู่แค่ 1,000 จุดเมื่อเทียบกับผู้ค้าสลากรายใหญ่-รายย่อย ที่มีอยู่ทั่วประเทศนับแสนราย เฉพาะที่เปิดลงทะเบียนใหม่ไปสัปดาห์ที่แล้วแค่สัปดาห์เดียว ยังทะลักไปถึง 1.7 แสนรายเข้าไปแล้ว จุดขายสลากในราคาควบคุมที่สำนักงานฯจะเปิดใหม่ขึ้นมาในระยะขวบปีจากนี้ จึงแทบจะไม่มีน้ำหนักหรือไม่มีผลอะไรเลย
นอกจากนี้ ยังมีปัญหาใหม่ในเรื่องของการขาย “สลากออนไลน์” ที่กำลังผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เป็นธุรกิจสตาร์ทอัพใหม่ของกลุ่มทุนต่างๆ ที่กันไปกว้านซื้อตลาดจากผู้ค้ารายย่อยหรือแผงสลากทั้งหลาย เพื่อเข้ามารวมชุดและขายออนไลน์ โดยที่สำนักงานได้แต่นั่งทำตาปริบๆ ด้วยอ้างว่า ไม่มีอำนาจที่จะเข้าไปควบคุม และยังไมมีความแน่ชัด สำนักงานสลากจะทำอย่างไรกับผู้ค้าออนไลน์เหล่านี้ จนก่อจะเป็นปมปัญหาใหม่ ที่ทำให้ปัญหาการขายสลากเกินราคาไม่แก้ตก
หากจะถามว่า ไม่มีหนทางในการแก้ไขปัญหาการขายสลากเกินราคาได้แน่หรือ ?
หากทุกฝ่ายจะได้ย้อนกลับไปพิจารณาราคาสลากกินแบ่งในช่วงปี 2548-49 ในช่วง รัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ที่มีนโยบายนำเอาสลากเลขท้าย 3 ตัวและ 2 ตัว หรือ “หวยใต้ดิน” ขึ้นมาขายบนดินนั้น จะเห็นได้ว่า ไม่เพียงจะทำให้เจ้ามือหวยใต้ดินดิ้นพล่านจนเกือบจะสูญพันธ์แล้ว
ผลพวงจากนโยบายจำหน่ายหวยบนดิน 3 ตัวและ 2 ตัวดังกล่าว ยังทำให้ปัญหาการขายสลากเกินราคาที่เป็นปัญหากลัดหนองของสำนักงานสลากและประชาชนคนไทยมาตลอดศกหมดไปโดยอัตโนมัติ ด้วยความนิยมหวยใต้ดินของผู้คนที่สามารถจะซื้อรางวัลเลขท้าย 3 ตัวและ2 ตัวได้อย่างไม่จำกัด และไม่มีการอั้นเลข จึงทำให้การจำหน่ายสากกินแบ่งปกตินั้นหมดความนิยมลงไป ผู้ค้าสลาก เอเย่นต์ ต้องลดราคากันสะบั้นหั่นแหลกแค่ 3 ใบ 100 ก็ยังมี เพราะขายไม่ออกจริงๆ
ไม่เพียงเท่านั้น นโยบายดังกล่าวยังก่อให้เกิดการจ้างงานตามมาเป็นแสนคน เพราะมีการจ้างคนเดินโพยหวยที่มีรายได้จากการขายหวยใต้ดินโดยเฉพาะ จนกลายเป็นการจ้างงานที่รัฐบาลไม่ต้องลงทุนลงแรงอะไรไปแม้แต่น้อย
น่าเสียดายที่นโยบาย “หวยบนดิน 3 ตัว และ 2 ตัว” ดังกล่าวได้ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาว่าเป็นการขายสลาก “กินรวบ” ที่ไม่มีกฎหมายรองรับ และได้ตัดสินให้นายกฯ ทักษิณที่ผลักดันนำเอานโยบายดังกล่าวมาใช้มีความผิดถึงขั้นสั่งจำคุกกันเลยทีเดียว
กลายเป็นการ “ปิดประตูลั่นดาน” หนทางในอันที่จะปัดฝุ่นนโยบายดังกล่าวไปตลอดศก ไม่ต่างไปจากที่ “ศาลพระภูมิ” ของประเทศสารขันธ์หลังเขาสักแห่งที่พิพากษาว่า ประเทศสารขันธ์ยังไม่พร้อมสำหรับรถไฟความเร็วสูง ต้องรอให้ถนนลูกรังหมดไปจากประเทศเสียก่อน จนทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียโอกาสในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง จนถูกเพื่อนบ้านอย่าง สปป.ลาวปาดหน้าเปิดให้บริการรถไฟความเร็วสูง จีน-ลาวไปก่อนแล้ว
ทำให้ สปป.ลาว ที่เป็นประเทศที่ไม่มีพื้นที่ติดทะเลแท้ๆ แต่กลับกลายเป็นฮับขนส่งได้ในปัจจุบัน
นอกเหนือจาก การปัดฝุ่น “หวยบนดิน 3 ตัว 2 ตัว” ที่รัฐบาลในอดีตดำเนินการเอาไว้กลับมาดำเนินการอย่างจริงจัง จะเป็นในรูปหวยบนดินแบบเดินโพยดั้งเดิม หรือจะในรูป “หวยบนดินออนไลน์” ที่กองสลากดำเนินการค้างคาวเอาไว้ก่อนหน้าแล้ว
อีกแนวทางในการป้องปราม และปราบปรามการขายหวยเกินราคาที่สำนักงานสลากจำเป็นต้องดำเนินการอย่างจริงจังก็คือ การจัดตั้ง “ผู้ตรวจสลาก” หรือทีมม้าเร็วลงปูพรมตรวจจับการขายสลากเกินราคาอย่างจริงจัง จะรับสมัครเจ้าหน้าที่ เข้ามาเป็นจำหน้าที่ผู้ตรวจสลากเพื่อเดินสาย ออกตรวจสอบ หรือสุ่มตรวจ บรรดาแผงหวยทั้งหลายโดยตรง รวมทั้งสลากที่ขายบนออนไลน์
หากพบการกระทำผิดเป็นตัวแทนเอเย่นต์ ที่รับสลากโดยตรงจากสำนักงาน นอกจากจะยกเลิกโควต้าแล้วยังต้องดำเนินคดีอาญาด้วย ส่วนบรรดาแผงลอยแผงค้าสลาก ที่ไม่ได้เป็นเอเย่นต์โดยตรงกับสำนักงานนั้นก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายเอาผิดข้อหาค้าสลากเกินราคาอย่างจริงจัง ไม่ต้องเห็นแก่หน้าอินทร์หน้าพรมที่ไหน
ก็เหมือนกรณีที่กรมการค้าภายในส่งสายตรวจออกตรวจพ่อค้าแม่ค้าที่ขายราคาสินค้าเกินราคาควบคุมนั่นแหละ ลำพังการจะอาศัยเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือหน่วยงานอื่นๆ คอยสอดส่องดูแลการขายสลากเกินราคา แบบยืมจมูกชาวบ้านเขาหายใจนั้น ผลเป็นอย่างไร(เศร้า)หลายฝ่ายก็เห็นอยู่ กลายเป็นช่องทาง ให้เจ้าหน้าที่หากินไปเสียฉิบ
หากรัฐบาลและสำนักงานเอาจริงไม่ใช่สักแต่ปากว่าตาขยิบแล้ว ปัญหาการขายสลากเกินราคาคงไม่กลายเป็นปัญหาโลกแตกแน่
ยกเว้นแต่แก้ไขปัญหาแบบปากว่าตาขยิบ แผงสลากขายเกินราคาพรึ่บ อยู่เต็มเมืองยังมีหน้าออกมาบอกว่าส่งทีมที่ปรึกษาลงสำรวจแล้วยังไม่พบสักแผง จริงไม่จริง!!!